เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุกตลาดรถหรูรับปี 2560 ประเดิมเปิดตัว THE E-CLASS เจนเนอเรชั่นที่ 10 ที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะ รุ่นประกอบในประเทศไทย


บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมด้วยการเปิดตัว The E-Class เจนเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นอันล้ำสมัย สามารถตอบโจทย์ความต้องการ และตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว โดยรถยนต์รุ่นนี้มีให้เลือกสรร 3 แบบ ได้แก่ The E 220 d Avantgarde ราคา 3,390,000 บาท, The E 220 d Exclusive ราคา 3,690,000 บาท และ The E 220 d AMG Dynamic ราคา 3,990,000 บาท ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมพร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั้ง 31 แห่งทั่วประเทศ

มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี พ.ศ. 2560 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จึงได้เตรียมรุกตลาดรถหรูอย่างเต็มกำลังด้วยการประเดิมเปิดตัวยนตกรรม The E-Class ที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะ เจอเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศไทย โดย The E-Class นับเป็นรถยนต์ในกลุ่ม Contemporary Luxury ที่เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ และได้สร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับกลุ่มรถยนต์สำหรับนักธุรกิจอยู่เสมอ ทั้งโดดเด่นในด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะอันทรงพลัง ทุกองค์ประกอบสอดรับกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบตามหลัก Sensual Purity รวมถึงเทคโนโลยียนตกรรมใหม่ล่าสุด ยกระดับแนวคิดการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไปอีกขั้น อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำลง และได้รับการสรรสร้างให้ขับขี่สนุกขึ้น เพื่อมอบสุนทรีย์ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย”

มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “The E-Class รุ่นประกอบในประเทศโมเดลล่าสุดนี้ ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 ในตระกูล E-Class ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะ ทั้งในเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้อย่างดีเยี่ยม ตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้การขับขี่และโดยสารมีความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น อาทิ ระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED แบบความละเอียดสูง ที่ทำงานด้วยระบบดิจิตอลทั้งหมด รวมถึงระบบ Active Light ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลก สำหรับ The E-Class รุ่นประกอบในประเทศไทย มีให้เลือกถึง 3 ดีไซน์ คือ The E 220 d Avantgarde, The E 220 d Exclusive และ The E 220 d AMG Dynamic”

ดีไซน์ภายนอก The E-Class มีขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น ผสานกับฝากระโปรงหน้าที่ดูยาว เส้นสายของส่วนหลังคาที่ออกแบบในสไตล์รถคูเป้ ทอดตัวเป็นเส้นโค้งยาวจรดด้านหลังของตัวรถ นอกจากนี้ รูปลักษณ์ด้านหลังของตัวรถได้รับการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของสมาชิกใหม่ในกลุ่มรถซาลูนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมติดตั้งโคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียว ทำให้มีรูปลักษณ์ที่ดูสง่างามอย่างมีระดับ

สำหรับ The E 220 d Avantgarde มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performance สำหรับรุ่น The E 220 d Exclusive และ The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED, ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS – Intelligent Light System), ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) โดย The E 220 d AMG Dynamic จะเพิ่มเติมความพิเศษด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า

ดีไซน์ภายใน ห้องโดยสารของ The E-Class ออกแบบภายใต้แนวคิดที่ต้องการผสมผสานสไตล์สปอร์ต เข้ากับสุดยอดเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อมอบความรู้สึกสะดวกสบายขณะขับขี่และโดยสาร เบาะที่นั่งจึงถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถตระกูลนี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม ผสานการออกแบบตามหลักการสรีระศาสตร์ที่เน้นเรื่องความรู้สึกสบายสำหรับการเดินทางไกล โดยเบาะที่นั่งตอนหลังสามารถพับลงแบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ

สำหรับรุ่น The E 220 d Avantgarde และ The E 220 d Exclusive ภายในได้รับการตกแต่งสไตล์หรูหรา มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง nappa ในขณะที่รุ่น The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต ท้ายตัดหุ้มหนัง nappa, ชุดหน้าจอความละเอียดสูงและหน้าจอดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสารโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกัน และมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Wide screen ขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจอ อินโฟเทนเมนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบของแผงหน้าปัดได้ 3 แบบ ตามความชอบส่วนตัว ได้แก่ แบบคลาสสิก แบบสปอร์ต และแบบ Progressive ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของรถยนต์ใน เซ็กเมนต์นี้ที่มีการติดตั้งจอดังกล่าว รวมถึง ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charging) เป็นต้น นอกจากนี้ สำหรับรถยนต์รุ่น The E 220 d AMG Dynamic ที่ประกอบในประเทศไทย จะมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)

ในส่วนของระบบมัลติมีเดียนั้น The E 220 d Avantgarde และ The E 220 d Exclusive มาพร้อมกับระบบ MB Audio 20 พร้อม Controller และ Touchpad ในขณะที่ The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับระบบ COMAND Online พร้อม Controller และ Touchpad, ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® และฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™) และ Android (Android Auto) นอกจากนี้ ทั้ง 3 รุ่นยังติดตั้งด้วยระบบแผนที่นำทาง และเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย

ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ The E-Class มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system, ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า, ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator) และระบบเตือนแรงดันยาง (tyre pressure loss warning system) เป็นต้น สำหรับ The E 220 d Avantgarde มาพร้อมกับกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ ในขณะที่ The E 220 d Exclusive และ The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง

The E-Class เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบที่พัฒนาขึ้นใหม่ และระบบเกียร์อัตโนมัติ ชุดใหม่ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมแรงเหวี่ยงจากการทำงานของเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับโครงสร้างรถที่ได้รับการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ และมีน้ำหนักเบาลง ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำเพียง 25.6 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียงแค่ 102 กรัม/กม.

เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 1,950 ซีซี กำลัง 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7.3 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย 25.6 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 102 กรัม/กม.

The new E 220 d Avantgarde ราคา 3,390,000 บาท, The new E 220 d Exclusive ราคา 3,690,000 บาท, The new E 220 d AMG Dynamic ราคา 3,990,000 บาท

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมด้วยการเปิดตัว The E-Class เจนเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นอันล้ำสมัย สามารถตอบโจทย์ความต้องการ และตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว โดยรถยนต์รุ่นนี้มีให้เลือกสรร 3 แบบ ได้แก่ The E 220 d Avantgarde ราคา 3,390,000 บาท, The E 220 d Exclusive ราคา 3,690,000 บาท และ The E 220 d AMG Dynamic ราคา 3,990,000 บาท ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมพร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั้ง 31 แห่งทั่วประเทศ

มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี พ.ศ. 2560 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จึงได้เตรียมรุกตลาดรถหรูอย่างเต็มกำลังด้วยการประเดิมเปิดตัวยนตกรรม The E-Class ที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะ เจอเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศไทย โดย The E-Class นับเป็นรถยนต์ในกลุ่ม Contemporary Luxury ที่เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ และได้สร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับกลุ่มรถยนต์สำหรับนักธุรกิจอยู่เสมอ ทั้งโดดเด่นในด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะอันทรงพลัง ทุกองค์ประกอบสอดรับกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์แบบตามหลัก Sensual Purity รวมถึงเทคโนโลยียนตกรรมใหม่ล่าสุด ยกระดับแนวคิดการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไปอีกขั้น อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ที่มีอัตราการใช้พลังงานต่ำลง และได้รับการสรรสร้างให้ขับขี่สนุกขึ้น เพื่อมอบสุนทรีย์ให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย”

มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “The E-Class รุ่นประกอบในประเทศโมเดลล่าสุดนี้ ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 10 ในตระกูล E-Class ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งยนตกรรมซีดานอัจฉริยะ ทั้งในเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้อย่างดีเยี่ยม ตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้การขับขี่และโดยสารมีความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น อาทิ ระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED แบบความละเอียดสูง ที่ทำงานด้วยระบบดิจิตอลทั้งหมด รวมถึงระบบ Active Light ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเป็นครั้งแรกของโลก สำหรับ The E-Class รุ่นประกอบในประเทศไทย มีให้เลือกถึง 3 ดีไซน์ คือ The E 220 d Avantgarde, The E 220 d Exclusive และ The E 220 d AMG Dynamic”

ดีไซน์ภายนอก The E-Class มีขนาดตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น ผสานกับฝากระโปรงหน้าที่ดูยาว เส้นสายของส่วนหลังคาที่ออกแบบในสไตล์รถคูเป้ ทอดตัวเป็นเส้นโค้งยาวจรดด้านหลังของตัวรถ นอกจากนี้ รูปลักษณ์ด้านหลังของตัวรถได้รับการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของสมาชิกใหม่ในกลุ่มรถซาลูนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมติดตั้งโคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียว ทำให้มีรูปลักษณ์ที่ดูสง่างามอย่างมีระดับ

สำหรับ The E 220 d Avantgarde มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performance สำหรับรุ่น The E 220 d Exclusive และ The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED, ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS – Intelligent Light System), ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) โดย The E 220 d AMG Dynamic จะเพิ่มเติมความพิเศษด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG, ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน และสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า

ดีไซน์ภายใน ห้องโดยสารของ The E-Class ออกแบบภายใต้แนวคิดที่ต้องการผสมผสานสไตล์สปอร์ต เข้ากับสุดยอดเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อมอบความรู้สึกสะดวกสบายขณะขับขี่และโดยสาร เบาะที่นั่งจึงถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถตระกูลนี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างาม ผสานการออกแบบตามหลักการสรีระศาสตร์ที่เน้นเรื่องความรู้สึกสบายสำหรับการเดินทางไกล โดยเบาะที่นั่งตอนหลังสามารถพับลงแบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ

สำหรับรุ่น The E 220 d Avantgarde และ The E 220 d Exclusive ภายในได้รับการตกแต่งสไตล์หรูหรา มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง nappa ในขณะที่รุ่น The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต ท้ายตัดหุ้มหนัง nappa, ชุดหน้าจอความละเอียดสูงและหน้าจอดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสารโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกัน และมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Wide screen ขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจอ อินโฟเทนเมนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบของแผงหน้าปัดได้ 3 แบบ ตามความชอบส่วนตัว ได้แก่ แบบคลาสสิก แบบสปอร์ต และแบบ Progressive ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของรถยนต์ใน เซ็กเมนต์นี้ที่มีการติดตั้งจอดังกล่าว รวมถึง ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charging) เป็นต้น นอกจากนี้ สำหรับรถยนต์รุ่น The E 220 d AMG Dynamic ที่ประกอบในประเทศไทย จะมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)

ในส่วนของระบบมัลติมีเดียนั้น The E 220 d Avantgarde และ The E 220 d Exclusive มาพร้อมกับระบบ MB Audio 20 พร้อม Controller และ Touchpad ในขณะที่ The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับระบบ COMAND Online พร้อม Controller และ Touchpad, ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) เฉพาะภาษาอังกฤษ, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® และฟังก์ชั่นเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™) และ Android (Android Auto) นอกจากนี้ ทั้ง 3 รุ่นยังติดตั้งด้วยระบบแผนที่นำทาง และเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย

ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ The E-Class มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system, ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า, ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist, ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator) และระบบเตือนแรงดันยาง (tyre pressure loss warning system) เป็นต้น สำหรับ The E 220 d Avantgarde มาพร้อมกับกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ ในขณะที่ The E 220 d Exclusive และ The E 220 d AMG Dynamic มาพร้อมกับกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง

The E-Class เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบที่พัฒนาขึ้นใหม่ และระบบเกียร์อัตโนมัติ ชุดใหม่ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมแรงเหวี่ยงจากการทำงานของเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับโครงสร้างรถที่ได้รับการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ และมีน้ำหนักเบาลง ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำเพียง 25.6 กม./ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียงแค่ 102 กรัม/กม.

เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 1,950 ซีซี กำลัง 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7.3 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันโดยเฉลี่ย 25.6 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 102 กรัม/กม.

The new E 220 d Avantgarde ราคา 3,390,000 บาท, The new E 220 d Exclusive ราคา 3,690,000 บาท, The new E 220 d AMG Dynamic ราคา 3,990,000 บาท

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!