BRUNEI-ประเทศที่มั่งคั่งและระบบรัฐสวัสดิการ ชื่อประเทศหมายถึง “ดินแดนแห่งความสงบสุข” (ตอนที่ 1)


By : C. Methas – Managing Editor

ประเทศบรูไนมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เนการาบรูไนดารุสซาลาม” (Negara Brunei Darussalam แปลว่า ดินแดนแห่งความสงบสุข) มีที่ตั้งอยู่ บนเกาะบอร์เนียว พื้นที่ 5,765 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ร้อยละ 70 เป็นป่าไม้เขตร้อน

ประเทศบรูไนมีเมืองหลวงชื่อ บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan) ใช้ภาษามาเลย์ (Malay หรือ Bahasa Melayu) เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน ศาสนาประจำชาติคือ ศาสนาอิสลาม แต่ก็มีการนับถือศาสนาอื่น ได้แก่ ศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธ และฮินดู

เขตการปกครอง แบ่งเป็น 4 เขตได้แก่ เขต Brunei-Muara เขต Belait เขต Temburong และเขต Tutong ประชากร 355,000 คน ประกอบด้วย มาเลย์ (67%) จีน (15%) และอื่น ๆ (18%) มีอัตราการเพิ่มของประชากรปีละ 2.06 % เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ปีพ.ศ. 2527 ลำดับที่ 6

สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปค่อนข้างร้อนชื้น มีปริมาณฝนตกมาก เขตร้อนฝนมักมีฝนตกตลอดปีและมีอุณหภูมิอบอุ่น โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 28 องศาเซลเซียส

ประวัติศาสตร์ของบรูไนรุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 15 และ 16 เมื่อได้ครอบครองส่วนใหญ่ของเกาะบอร์เนียวและส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซูลู (Sulu) มีชื่อเสียงทางการค้า

สินค้าส่งออกที่สำคัญในสมัยนั้น ได้แก่ การบูร พริกไทย และทองคำ บรูไนเริ่มเสื่อมอำนาจหลังจากคริสตศตวรรษที่ 15 โดยสเปนและดัชท์ได้แผ่อำนาจเข้ามาจนทำให้บรูไนเสียดินแดน และเสื่อมลงมากจนถึงสมัยคริสตศตวรรษที่ 19

ในปีพ.ศ. 2431 (ค.ศ.1888) ด้วยความวิตกว่าจะต้องเสียดินแดนต่อไปอีก บรูไนได้ยินยอมเข้าอยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษ ต่อมาในปี 2449 (ค.ศ.1906) บรูไนได้ลงนามในสนธิสัญญากับอังกฤษ ยินยอมอยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษอย่างเต็มรูปแบบ

ปีพ.ศ. 2472 (ค.ศ.1929) บรูไนสำรวจพบน้ำมันที่เมือง Seria และก๊าซธรรมชาติ ทำให้บรูไนมีฐานะมั่งคั่งในเวลาต่อมา ในปีพ.ศ. 2505 (ค.ศ.1962) ได้มีการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคประชาชนบอร์เนียว (Borneo People’s Party) ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ถูกกีดกันไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล ต่อมาจึงได้ยึดอำนาจจากสุลต่าน แต่สุลต่านทรงได้รับความช่วยเหลือจากกองทหารกูรข่าของอังกฤษที่ส่งตรงมาจากสิงคโปร์ หลังจากนั้นได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน และต่ออายุทุก ๆ 2 ปี เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่อยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษมาถึง 95 ปี บรูไนได้รับเอกราช เมื่อวันที่ 1 มกราคม ปีพ.ศ. 2527 (ค.ศ.1984)

การทหารกองทัพของบรูไน (Royal Brunei Armed Forces หรือ RBAF) มีกำลังพลเพียง 4,500 คน สุลต่านยังมีกองทหารกูรข่าของพระองค์เองเรียกว่า Gurkha Reserve Unit และกองทหารกูรข่าของอังกฤษ (British Gurkha) รวมกำลังพล 1,000 คน ประจำอยู่ที่เมือง Seria เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่บ่อน้ำมันและกิจกรรมผลิตน้ำมันของ Brunei Shell Petroleum ทหารกูรข่า อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของอังกฤษ แต่รัฐบาลบรูไนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

สินค้าส่งออกสำคัญน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ เครื่องนุ่งห่ม รายได้หลักของบรูไนมาจากน้ำมัน (ประมาณร้อยละ 48) และก๊าซธรรมชาติ (ประมาณร้อยละ 43)

By : C. Methas - Managing Editor

ประเทศบรูไนมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เนการาบรูไนดารุสซาลาม” (Negara Brunei Darussalam แปลว่า ดินแดนแห่งความสงบสุข) มีที่ตั้งอยู่ บนเกาะบอร์เนียว พื้นที่ 5,765 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ร้อยละ 70 เป็นป่าไม้เขตร้อน

ประเทศบรูไนมีเมืองหลวงชื่อ บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan) ใช้ภาษามาเลย์ (Malay หรือ Bahasa Melayu) เป็นภาษาราชการ รองลงมาเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน ศาสนาประจำชาติคือ ศาสนาอิสลาม แต่ก็มีการนับถือศาสนาอื่น ได้แก่ ศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธ และฮินดู

เขตการปกครอง แบ่งเป็น 4 เขตได้แก่ เขต Brunei-Muara เขต Belait เขต Temburong และเขต Tutong ประชากร 355,000 คน ประกอบด้วย มาเลย์ (67%) จีน (15%) และอื่น ๆ (18%) มีอัตราการเพิ่มของประชากรปีละ 2.06 % เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ปีพ.ศ. 2527 ลำดับที่ 6

สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปค่อนข้างร้อนชื้น มีปริมาณฝนตกมาก เขตร้อนฝนมักมีฝนตกตลอดปีและมีอุณหภูมิอบอุ่น โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 28 องศาเซลเซียส

ประวัติศาสตร์ของบรูไนรุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 15 และ 16 เมื่อได้ครอบครองส่วนใหญ่ของเกาะบอร์เนียวและส่วนหนึ่งของหมู่เกาะซูลู (Sulu) มีชื่อเสียงทางการค้า

สินค้าส่งออกที่สำคัญในสมัยนั้น ได้แก่ การบูร พริกไทย และทองคำ บรูไนเริ่มเสื่อมอำนาจหลังจากคริสตศตวรรษที่ 15 โดยสเปนและดัชท์ได้แผ่อำนาจเข้ามาจนทำให้บรูไนเสียดินแดน และเสื่อมลงมากจนถึงสมัยคริสตศตวรรษที่ 19

ในปีพ.ศ. 2431 (ค.ศ.1888) ด้วยความวิตกว่าจะต้องเสียดินแดนต่อไปอีก บรูไนได้ยินยอมเข้าอยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษ ต่อมาในปี 2449 (ค.ศ.1906) บรูไนได้ลงนามในสนธิสัญญากับอังกฤษ ยินยอมอยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษอย่างเต็มรูปแบบ

ปีพ.ศ. 2472 (ค.ศ.1929) บรูไนสำรวจพบน้ำมันที่เมือง Seria และก๊าซธรรมชาติ ทำให้บรูไนมีฐานะมั่งคั่งในเวลาต่อมา ในปีพ.ศ. 2505 (ค.ศ.1962) ได้มีการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคประชาชนบอร์เนียว (Borneo People’s Party) ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ถูกกีดกันไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล ต่อมาจึงได้ยึดอำนาจจากสุลต่าน แต่สุลต่านทรงได้รับความช่วยเหลือจากกองทหารกูรข่าของอังกฤษที่ส่งตรงมาจากสิงคโปร์ หลังจากนั้นได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน และต่ออายุทุก ๆ 2 ปี เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่อยู่ภายใต้อารักขาของอังกฤษมาถึง 95 ปี บรูไนได้รับเอกราช เมื่อวันที่ 1 มกราคม ปีพ.ศ. 2527 (ค.ศ.1984)

การทหารกองทัพของบรูไน (Royal Brunei Armed Forces หรือ RBAF) มีกำลังพลเพียง 4,500 คน สุลต่านยังมีกองทหารกูรข่าของพระองค์เองเรียกว่า Gurkha Reserve Unit และกองทหารกูรข่าของอังกฤษ (British Gurkha) รวมกำลังพล 1,000 คน ประจำอยู่ที่เมือง Seria เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่บ่อน้ำมันและกิจกรรมผลิตน้ำมันของ Brunei Shell Petroleum ทหารกูรข่า อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของอังกฤษ แต่รัฐบาลบรูไนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

สินค้าส่งออกสำคัญน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ เครื่องนุ่งห่ม รายได้หลักของบรูไนมาจากน้ำมัน (ประมาณร้อยละ 48) และก๊าซธรรมชาติ (ประมาณร้อยละ 43)

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!