กุญแจสำคัญของการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมคือการสนับสนุนความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์


ดร. เอเรียน เรนฮาร์ท กรรมการบริหารฝ่ายมนุษยสัมพันธ์ คอนติเนนทอล กล่าวว่า “ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นกุญแจสำคัญสำหรับประเทศเยอรมันในการคงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี หากไม่มีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากทั้งภาครัฐและเอกชน เราอาจจะตามโลกที่เทคโนโลยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วไม่ทัน”

• “การศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ได้รับการฝึกอบรบในเชิงปฏิบัติอย่างเพียงพอ จะทำให้เยอรมนีตกเป็นรองในด้านผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก” ดร. เอเรียน เรนฮาร์ท (Dr. Ariane Reinhart)กรรมการบริหารฝ่ายมนุษยสัมพันธ์ คอนติเนนทอล

• คอนติเนนทอลเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติมากขึ้น

• “วิทยาศาสตร์จะต้องมีการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริงได้ดีขึ้น และเชื่อมต่อกับสถาบันวิจัยและสถาบันอื่นๆ มากขึ้น” คริสเตียน เคอสทิง (Kristian Kersting) ศาสตราจารย์ด้านปัญญาประดิษฐ์

• คุณสมบัติและโครงการที่น่าสนใจเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะและดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เอาไว้

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เมืองฮันโนเวอร์ คอนติเนนทอลได้เรียกร้องกับทางมหาวิทยาลัยให้มีการเปลี่ยนแปลงด้านการฝึกอบรบผู้เชี่ยวชาญทางด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อที่เยอรมนีจะสามารถไล่ตาม AI ได้ทัน โดยดร. ดร. เอเรียน เรนฮาร์ท กรรมการบริหารฝ่ายมนุษยสัมพันธ์ของคอนติเนนทอล ได้อธิบายว่า “AI เป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญสำหรับเยอรมนี หากไม่มีการพิจารณาจากทางมหาวิทยาลัยให้มีการเพิ่มความสำคัญให้กับการฝึกอบรมแบบเชิงปฏิบัติในการศึกษาด้าน AI ก็อาจทำให้เยอรมีกลายเป็นรองทางด้านเทคโนโลยีระดับโลก ดังนั้นเศรษฐกิจของประเทศจะเสี่ยงต่อการสูญเสียฐานเศษฐกิจชั้นนำด้านเทคโนโลยีอื่นๆ ได้”

แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะสามารถผลิตนักวิทยาศาสตร์ทางด้าน AI ที่มีชื่อเสียงมามากมาย แต่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ยังไม่สามารถเข้าถึงอุตสาหกรรมได้โดยตรงเนื่องจากขาดความเชี่ยวชาญเชิงปฏิบัติ ดร. เรนฮาร์ท กล่าวอีกว่า “ผู้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตร AI ไม่ได้รับการฝึกฝนเชิงปฏิบัติการอย่างเพียงพอตามความต้องการของเศรษฐกิจ เราจึงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากมหาวิทยาลัยได้ฝึกปฏิบัติการอย่างเป็นระบบ โดยใช้เวลาฝึกอบรมเพิ่มเติมอีก 3-5 ปี ซึ่งถือว่าใช้เวลาค่อนข้างมากในแง่ของ AI ที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วในทุกด้าน”

คอนติเนนทอลใช้เงินหลายสิบล้านในการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI มากกว่า 1,000 คนในแต่ละปี “เศรษฐกิจจะต้องละทิ้งแนวคิดที่ว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ กำลังผลิตผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีไป เนื่องจากนวัตกรรมมีวิวัฒนาการสูงขึ้นแต่มีความกดดันด้านต้นทุนให้ต่ำลง จึงทำให้มีบริษัทที่สามารถลงทุนเงินก้อนโตเพื่อฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI น้อยลงไปด้วย” ดร. เรนฮาร์ท กล่าว

และยังกล่าวต่ออีกว่า “AI ต้องการความแตกต่างของการทำงานร่วมกันระหว่างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม กับวัฒนธรรมในการแบ่งปัน ทั้งนี้เราจึงควรทำตามผู้นำที่กำหนดโดยประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและจีน โดยบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในประเทศเหล่านี้ ได้ให้ข้อมูลเพื่อให้วิทยาศาสตร์สามารถพัฒนาและตรวจสอบโปรแกรม AI และอัลกอริธึมจากข้อมูลนั้นๆ ได้”

วิทยาศาสตร์จำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริง

คริสเตียน เคอสทิง ศาสตราจารย์ด้านปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่มหาวิทยาลัยเทคนิคดาร์มสตัดท์ และผู้อำนวยการร่วมของศูนย์เฮสเซียน ให้การสนับสนุนแนวทางนี้ แต่ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการขาดวัฒนธรรมของ AI ในระบบเศรษฐกิจ สำหรับเขาการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้น จึงไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะมีความสำคัญในการทดสอบโครงการและแบบจำลองทางวิทยาศาสาตร์ในเชิงปฏิบัติการ แต่การที่มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริงได้ เพื่อให้มีการเชื่อมโยงกันระหว่างสถาบันวิทยาศาสตร์และสถาบันทางด้าน AI อื่นๆ มากขึ้น ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน เคอสทิง กล่าวว่า “ บริษัทต่างๆ พึ่งพา AI โดยไม่เข้าใจหลักการทำงานที่แท้จริงของมัน ดังนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องควรจะต้องมาร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนา อีกทั้งรัฐก็จะต้องร่วมแบ่งปันและสนับสนุนหน่วยงานด้าน AI และสถาบัน AI ด้วยงบประมาณที่สูงขึ้นด้วย เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีนั้นสามารถปรับปรุงและขยายออกไปได้”

คอนติเนนทอลในฐานะผู้คิดค้นคุณสมบัติของ AI

คอนติเนนทอลได้เปิดสถาบันซอฟต์แวร์ของตนเอง เพื่อฝึกอบรมผู้เชี่ยวด้าน AI แบบปฏิบัติการจริง พร้อมทั้งอัพเดทความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยจัดให้มีการฝึกอบรม ตลอดจนหลักสูตรและสัมมนาภายในองค์กร รวมถึงการพูดคุยเกี่ยวกับเทคนิคกับวิทยากรจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ดร. เรนฮาร์ท ยังคงกล่าวอีกว่า “ผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางด้าน AI นั้นถือเป็นปัจจัยที่สามารถชี้ขาดและดึงดูดใจนายจ้างได้ว่าจะไม่ทำให้เทคโนโลยีล้าหลัง คอนติเนนทอลมีความริเริ่มและมุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นว่าบริษัทสัญชาติเยอรมันนั้นไม่เพียงแค่เป็นผู้นำในการมีผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จำนวนมากเท่านั้น แต่ยังคงความน่าสนใจของงานไว้ในเยอรมนีได้อีกด้วย”

ยิ่งไปกว่านั้น คอนติเนนทอลยังได้เร่งพัฒนาเทคโนโลยี AI แห่งอนาคตในระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อการเป็นผู้ช่วยขับขี่ ไปจนถึงการขับขี่และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วย จึงทำให้เกิดคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัท ด้วยการมุ้งเน้นไปที่จุดสำคัญของนวัตกรรม เช่น ซอฟต์แวร์และระบบดิจิทัล อีกทั้งวิศวกรของคอนติเนนทอลจำนวนประมาณ 20,000 คนจากกว่า 51,000 คนเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์และไอทีอยู่แล้ว และบริษัทก็ยังต้องการเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวด้าน AI ให้มากขึ้นจาก 1,000 คนเป็น 1,600 คนภายในปี 2566 อีกด้วย

คอนติเนนทอลก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2414 พัฒนาเทคโนโลยีและบริการที่ก้าวล้ำสำหรับยานยนต์ที่มีการเชื่อมต่อและความยั่งยืนให้กับผู้คนและสินค้า โดยนำเสนอวิธีการที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ชาญฉลาด และราคาไม่แพงให้กับยานยนต์ เครื่องจักร การจราจร ตลอดจนการขนส่ง คอนติเนนทอลยอดขายเบื้องต้นที่ 37.7 พันล้านยูโรในปี พ.ศ. 2563 และมีพนักงานกว่า 235,000 คนใน 58 ประเทศทั่วโลก และจะฉลองครบรอบ 150 ปีใน พ.ศ. 2564 นี้

ดร. เอเรียน เรนฮาร์ท กรรมการบริหารฝ่ายมนุษยสัมพันธ์ คอนติเนนทอล กล่าวว่า “ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นกุญแจสำคัญสำหรับประเทศเยอรมันในการคงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี หากไม่มีการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากทั้งภาครัฐและเอกชน เราอาจจะตามโลกที่เทคโนโลยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วไม่ทัน”

• “การศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ได้รับการฝึกอบรบในเชิงปฏิบัติอย่างเพียงพอ จะทำให้เยอรมนีตกเป็นรองในด้านผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก” ดร. เอเรียน เรนฮาร์ท (Dr. Ariane Reinhart)กรรมการบริหารฝ่ายมนุษยสัมพันธ์ คอนติเนนทอล

• คอนติเนนทอลเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติมากขึ้น

• “วิทยาศาสตร์จะต้องมีการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริงได้ดีขึ้น และเชื่อมต่อกับสถาบันวิจัยและสถาบันอื่นๆ มากขึ้น” คริสเตียน เคอสทิง (Kristian Kersting) ศาสตราจารย์ด้านปัญญาประดิษฐ์

• คุณสมบัติและโครงการที่น่าสนใจเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะและดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เอาไว้

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เมืองฮันโนเวอร์ คอนติเนนทอลได้เรียกร้องกับทางมหาวิทยาลัยให้มีการเปลี่ยนแปลงด้านการฝึกอบรบผู้เชี่ยวชาญทางด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อที่เยอรมนีจะสามารถไล่ตาม AI ได้ทัน โดยดร. ดร. เอเรียน เรนฮาร์ท กรรมการบริหารฝ่ายมนุษยสัมพันธ์ของคอนติเนนทอล ได้อธิบายว่า “AI เป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญสำหรับเยอรมนี หากไม่มีการพิจารณาจากทางมหาวิทยาลัยให้มีการเพิ่มความสำคัญให้กับการฝึกอบรมแบบเชิงปฏิบัติในการศึกษาด้าน AI ก็อาจทำให้เยอรมีกลายเป็นรองทางด้านเทคโนโลยีระดับโลก ดังนั้นเศรษฐกิจของประเทศจะเสี่ยงต่อการสูญเสียฐานเศษฐกิจชั้นนำด้านเทคโนโลยีอื่นๆ ได้”

แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะสามารถผลิตนักวิทยาศาสตร์ทางด้าน AI ที่มีชื่อเสียงมามากมาย แต่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ยังไม่สามารถเข้าถึงอุตสาหกรรมได้โดยตรงเนื่องจากขาดความเชี่ยวชาญเชิงปฏิบัติ ดร. เรนฮาร์ท กล่าวอีกว่า “ผู้สำเร็จการศึกษาในหลักสูตร AI ไม่ได้รับการฝึกฝนเชิงปฏิบัติการอย่างเพียงพอตามความต้องการของเศรษฐกิจ เราจึงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จากมหาวิทยาลัยได้ฝึกปฏิบัติการอย่างเป็นระบบ โดยใช้เวลาฝึกอบรมเพิ่มเติมอีก 3-5 ปี ซึ่งถือว่าใช้เวลาค่อนข้างมากในแง่ของ AI ที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วในทุกด้าน”

คอนติเนนทอลใช้เงินหลายสิบล้านในการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI มากกว่า 1,000 คนในแต่ละปี “เศรษฐกิจจะต้องละทิ้งแนวคิดที่ว่ามหาวิทยาลัยต่างๆ กำลังผลิตผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีไป เนื่องจากนวัตกรรมมีวิวัฒนาการสูงขึ้นแต่มีความกดดันด้านต้นทุนให้ต่ำลง จึงทำให้มีบริษัทที่สามารถลงทุนเงินก้อนโตเพื่อฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI น้อยลงไปด้วย” ดร. เรนฮาร์ท กล่าว

และยังกล่าวต่ออีกว่า “AI ต้องการความแตกต่างของการทำงานร่วมกันระหว่างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม กับวัฒนธรรมในการแบ่งปัน ทั้งนี้เราจึงควรทำตามผู้นำที่กำหนดโดยประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและจีน โดยบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในประเทศเหล่านี้ ได้ให้ข้อมูลเพื่อให้วิทยาศาสตร์สามารถพัฒนาและตรวจสอบโปรแกรม AI และอัลกอริธึมจากข้อมูลนั้นๆ ได้”

วิทยาศาสตร์จำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริง

คริสเตียน เคอสทิง ศาสตราจารย์ด้านปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่มหาวิทยาลัยเทคนิคดาร์มสตัดท์ และผู้อำนวยการร่วมของศูนย์เฮสเซียน ให้การสนับสนุนแนวทางนี้ แต่ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงการขาดวัฒนธรรมของ AI ในระบบเศรษฐกิจ สำหรับเขาการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้น จึงไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะมีความสำคัญในการทดสอบโครงการและแบบจำลองทางวิทยาศาสาตร์ในเชิงปฏิบัติการ แต่การที่มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริงได้ เพื่อให้มีการเชื่อมโยงกันระหว่างสถาบันวิทยาศาสตร์และสถาบันทางด้าน AI อื่นๆ มากขึ้น ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน เคอสทิง กล่าวว่า “ บริษัทต่างๆ พึ่งพา AI โดยไม่เข้าใจหลักการทำงานที่แท้จริงของมัน ดังนั้นทุกคนที่เกี่ยวข้องควรจะต้องมาร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนา อีกทั้งรัฐก็จะต้องร่วมแบ่งปันและสนับสนุนหน่วยงานด้าน AI และสถาบัน AI ด้วยงบประมาณที่สูงขึ้นด้วย เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีนั้นสามารถปรับปรุงและขยายออกไปได้”

คอนติเนนทอลในฐานะผู้คิดค้นคุณสมบัติของ AI

คอนติเนนทอลได้เปิดสถาบันซอฟต์แวร์ของตนเอง เพื่อฝึกอบรมผู้เชี่ยวด้าน AI แบบปฏิบัติการจริง พร้อมทั้งอัพเดทความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยจัดให้มีการฝึกอบรม ตลอดจนหลักสูตรและสัมมนาภายในองค์กร รวมถึงการพูดคุยเกี่ยวกับเทคนิคกับวิทยากรจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ดร. เรนฮาร์ท ยังคงกล่าวอีกว่า “ผู้ที่มีความรู้เฉพาะทางด้าน AI นั้นถือเป็นปัจจัยที่สามารถชี้ขาดและดึงดูดใจนายจ้างได้ว่าจะไม่ทำให้เทคโนโลยีล้าหลัง คอนติเนนทอลมีความริเริ่มและมุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นว่าบริษัทสัญชาติเยอรมันนั้นไม่เพียงแค่เป็นผู้นำในการมีผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จำนวนมากเท่านั้น แต่ยังคงความน่าสนใจของงานไว้ในเยอรมนีได้อีกด้วย”

ยิ่งไปกว่านั้น คอนติเนนทอลยังได้เร่งพัฒนาเทคโนโลยี AI แห่งอนาคตในระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อการเป็นผู้ช่วยขับขี่ ไปจนถึงการขับขี่และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วย จึงทำให้เกิดคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัท ด้วยการมุ้งเน้นไปที่จุดสำคัญของนวัตกรรม เช่น ซอฟต์แวร์และระบบดิจิทัล อีกทั้งวิศวกรของคอนติเนนทอลจำนวนประมาณ 20,000 คนจากกว่า 51,000 คนเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์และไอทีอยู่แล้ว และบริษัทก็ยังต้องการเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวด้าน AI ให้มากขึ้นจาก 1,000 คนเป็น 1,600 คนภายในปี 2566 อีกด้วย

คอนติเนนทอลก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2414 พัฒนาเทคโนโลยีและบริการที่ก้าวล้ำสำหรับยานยนต์ที่มีการเชื่อมต่อและความยั่งยืนให้กับผู้คนและสินค้า โดยนำเสนอวิธีการที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ชาญฉลาด และราคาไม่แพงให้กับยานยนต์ เครื่องจักร การจราจร ตลอดจนการขนส่ง คอนติเนนทอลยอดขายเบื้องต้นที่ 37.7 พันล้านยูโรในปี พ.ศ. 2563 และมีพนักงานกว่า 235,000 คนใน 58 ประเทศทั่วโลก และจะฉลองครบรอบ 150 ปีใน พ.ศ. 2564 นี้

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!