นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2559 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 64,771 คัน ลดลง 15.3% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,306 คัน ลดลง 9.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 41,465 คัน ลดลง 18.2% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 34,345 คัน ลดลง 15.8%
ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน มีปริมาณการขาย 64,771 คัน ลดลง 15.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 9.4% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 18.2% เนื่องจากฐานยอดขายของปลายปีที่ผ่านมาสูงกว่าปกติจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ประกอบกับการเร่งกำลังซื้อก่อนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ในช่วงเวลานั้น
ตลาดรถยนต์สะสม 11 เดือน มีปริมาณการขาย 681,930 คัน ลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 5.3% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 0.5% เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวช้า ทำให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนระมัดระวังเรื่องการลงทุนและใช้จ่าย
ตลาดรถยนต์ในเดือน ธันวาคม แนวโน้มทรงตัว ถึงแม้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเร่งเบิกจ่ายเงินจากภาครัฐที่ส่งผลในเชิงบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับสถิติการขายที่ชี้ว่า เดือนธันวาคม จะเป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดของปี ทั้งจากการจัดงานมอเตอร์เอกซ์โป ตลอดจนความต่อเนื่องของกิจกรรมส่งเสริมการขาย จะส่งผลในเชิงบวกต่อตลาดรถยนต์ แต่อย่างไรก็ตามความกังวลต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทำให้ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน ประกอบกับกำลังซื้อที่ยังไม่ขยายตัว ส่งผลให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมยังอยู่ในสภาวะทรงตัว
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2559 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 64,771 คัน ลดลง 15.3% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,306 คัน ลดลง 9.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 41,465 คัน ลดลง 18.2% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 34,345 คัน ลดลง 15.8%
ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน มีปริมาณการขาย 64,771 คัน ลดลง 15.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 9.4% และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 18.2% เนื่องจากฐานยอดขายของปลายปีที่ผ่านมาสูงกว่าปกติจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ประกอบกับการเร่งกำลังซื้อก่อนการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ในช่วงเวลานั้น
ตลาดรถยนต์สะสม 11 เดือน มีปริมาณการขาย 681,930 คัน ลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 5.3% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 0.5% เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงฟื้นตัวช้า ทำให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนระมัดระวังเรื่องการลงทุนและใช้จ่าย
ตลาดรถยนต์ในเดือน ธันวาคม แนวโน้มทรงตัว ถึงแม้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเร่งเบิกจ่ายเงินจากภาครัฐที่ส่งผลในเชิงบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับสถิติการขายที่ชี้ว่า เดือนธันวาคม จะเป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดของปี ทั้งจากการจัดงานมอเตอร์เอกซ์โป ตลอดจนความต่อเนื่องของกิจกรรมส่งเสริมการขาย จะส่งผลในเชิงบวกต่อตลาดรถยนต์ แต่อย่างไรก็ตามความกังวลต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทำให้ภาคเอกชนยังชะลอการลงทุน ประกอบกับกำลังซื้อที่ยังไม่ขยายตัว ส่งผลให้แนวโน้มตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมยังอยู่ในสภาวะทรงตัว