บีจีขยายอาณาจักรทางธุรกิจเสริมแกร่ง เปิดตัว บีจีอี โซลูชั่น (BGE Solution) เพื่อผลิตพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร


ประเทศไทยมีการใช้พลังงานในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2561 คิดเป็น 49,822 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน ของปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 6.7 ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 837,380 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานของประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยที่น้ำมันสำเร็จรูปยังคงเป็นชนิดของพลังงานที่ใช้มากที่สุด หรือคิดเป็นร้อยละ 48.6 ของการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ รองลงมา ได้แก่ เชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และก๊าซธรรมชาติตามลำดับ ทั้งนี้ จากการที่ประเทศไทยมีแนวโน้มการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงได้มีนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทนในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยพยายามผลักดันให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากแผนการอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน พ.ศ. 2558 – 2579

โดย บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจแก้วครบวงจร และเป็นหนึ่งในบริษัทของกลุ่มอุตสาหกรรมแก้วที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังงานอย่างมีคุณค่า และแนวโน้มการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ จึงได้จัดตั้งบริษัท บีจีอี โซลูชั่น (BGE Solution) หรือ บริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด ขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อาทิ ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell) โรงไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนทิ้ง (Waste Heat Recovery)

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีจุดเริ่มต้นมาจากโครงการผลิตไอน้ำจากพลังงานความร้อนทิ้ง ณ BGC ขอนแก่น กล๊าส เมื่อปี พ.ศ. 2553 ด้วยกำลังการผลิต 40,000 ตันไอน้ำต่อปี และต่อมาได้เริ่มโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนทิ้ง ณ BGC อยุธยากล๊าส ปี พ.ศ. 2557 ด้วยกำลังการผลิต 1.8 เมกะวัตต์ และในปีเดียวกันนั้นเอง ได้เริ่มโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ที่โรงงาน BGC ขอนแก่นกล๊าสด้วยกำลังการผลิต 0.6 เมกะวัตต์ เพื่อนำพลังงานที่ได้มาใช้ภายในโรงงาน และจำหน่ายสู่ภายนอก ซึ่งเป็นการนำพลังงานจากแหล่งธรรมชาติที่สะอาดและบริสุทธิ์มาใช้อย่างคุ้มค่าและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต

บีจีอี โซลูชั่น (BGE Solution) ได้ดำเนินนโยบายตามแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทแม่อย่าง บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ที่มีความมุ่งหวังที่จะนำพลังงานเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วมาใช้อย่างคุ้มค่าและก่อให้เกิดเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นการกระตุ้นโดยตรงให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ปัจจุบัน บีจีอี โซลูชั่น ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานบริสุทธิ์ ดังนี้

-พลังงานความร้อนจากแหล่งใต้ภิภพ และพลังงานความร้อนทิ้ง (Geothermal & Waste Heat Recovery)

-พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy)

-พลังงานลม (Wind Energy)

-พลังงานชีวภาพ ชีวมวล (Bio Energy)

-พลังงานน้ำ (Hydro Power)

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยี สนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานที่สะอาด และบริสุทธิ์อย่างมีประสิทธภาพ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม

บีจีอี โซลูชั่น มีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานทั้งภายใน และภายนอก เดินหน้าขยายศักยภาพ เติบโตอย่างแข็งแรง บนพื้นฐานการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของชุมชนในทุกกระบวนการ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน

ประเทศไทยมีการใช้พลังงานในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2561 คิดเป็น 49,822 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน ของปี 2560 คิดเป็นร้อยละ 6.7 ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 837,380 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานของประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยที่น้ำมันสำเร็จรูปยังคงเป็นชนิดของพลังงานที่ใช้มากที่สุด หรือคิดเป็นร้อยละ 48.6 ของการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ รองลงมา ได้แก่ เชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และก๊าซธรรมชาติตามลำดับ ทั้งนี้ จากการที่ประเทศไทยมีแนวโน้มการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงได้มีนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทดแทนในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยพยายามผลักดันให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากแผนการอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน พ.ศ. 2558 - 2579

โดย บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจแก้วครบวงจร และเป็นหนึ่งในบริษัทของกลุ่มอุตสาหกรรมแก้วที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังงานอย่างมีคุณค่า และแนวโน้มการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ จึงได้จัดตั้งบริษัท บีจีอี โซลูชั่น (BGE Solution) หรือ บริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด ขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อาทิ ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell) โรงไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนทิ้ง (Waste Heat Recovery)

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีจุดเริ่มต้นมาจากโครงการผลิตไอน้ำจากพลังงานความร้อนทิ้ง ณ BGC ขอนแก่น กล๊าส เมื่อปี พ.ศ. 2553 ด้วยกำลังการผลิต 40,000 ตันไอน้ำต่อปี และต่อมาได้เริ่มโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนทิ้ง ณ BGC อยุธยากล๊าส ปี พ.ศ. 2557 ด้วยกำลังการผลิต 1.8 เมกะวัตต์ และในปีเดียวกันนั้นเอง ได้เริ่มโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ที่โรงงาน BGC ขอนแก่นกล๊าสด้วยกำลังการผลิต 0.6 เมกะวัตต์ เพื่อนำพลังงานที่ได้มาใช้ภายในโรงงาน และจำหน่ายสู่ภายนอก ซึ่งเป็นการนำพลังงานจากแหล่งธรรมชาติที่สะอาดและบริสุทธิ์มาใช้อย่างคุ้มค่าและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต

บีจีอี โซลูชั่น (BGE Solution) ได้ดำเนินนโยบายตามแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทแม่อย่าง บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) ที่มีความมุ่งหวังที่จะนำพลังงานเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วมาใช้อย่างคุ้มค่าและก่อให้เกิดเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นการกระตุ้นโดยตรงให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย ปัจจุบัน บีจีอี โซลูชั่น ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานบริสุทธิ์ ดังนี้

-พลังงานความร้อนจากแหล่งใต้ภิภพ และพลังงานความร้อนทิ้ง (Geothermal & Waste Heat Recovery)

-พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy)

-พลังงานลม (Wind Energy)

-พลังงานชีวภาพ ชีวมวล (Bio Energy)

-พลังงานน้ำ (Hydro Power)

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยี สนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานที่สะอาด และบริสุทธิ์อย่างมีประสิทธภาพ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม

บีจีอี โซลูชั่น มีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานทั้งภายใน และภายนอก เดินหน้าขยายศักยภาพ เติบโตอย่างแข็งแรง บนพื้นฐานการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของชุมชนในทุกกระบวนการ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!