ปอร์เช่ เปิดตัวนิทรรศการ “#DrivingTomorrow” ณ สนามบิน Changi ประเทศ สิงคโปร์


สิงคโปร์. ปอร์เช่ เปิดตัว นิทรรศการ #DrivingTomorrow จัดขึ้น ณ ศูนย์การค้า Jewel Changi Airport เพื่อเป็นการบอกเล่าความเป็นมาของรถสปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ผลงานนวัตกรรมที่ถือกำเนิดและพัฒนา ขึ้นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา บรรดาผู้เยี่ยมชมนิทรรศการภายในสนามบินที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจะได้เรียนรู้ เกี่ยวกับวิสัยทัศน์องค์กรของปอร์เช่และพันธะสัญญาที่มีต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านรายละเอียดสุดยอดเยี่ยมของ นิทรรศการ

“ปี 2020 นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับปอร์เช่ในการทบทวนและสรรค์สร้างพันธะสัญญาของเราที่มีต่อยนตรกรรมสปอร์ต ในอนาคตข้างหน้าด้วยการมุ่งเน้นไปยังตัวตนของยานพาหนะในจินตนาการที่เราสามารถสร้างสรรค์ให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ จากการเปลี่ยนกรอบความคิดและเข้าถึงทุกความเป็นไปได้ที่มี นิทรรศการ #DrivingTomorrow จะทำให้ผู้เข้าชมงานได้มองย้อนกลับไปสู่นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอันน่าภาคภูมิใจไปพร้อมกับเรา และทั้งร่วมกันเป็นส่วน หนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรที่คำนึงถึงการพัฒนาในอนาคตอย่างยั่งยืน” Arthur Willmann, Chief Executive Officer ของ Porsche Asia Pacific กล่าว

“เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ทางปอร์เช่ ได้ตัดสินใจเลือก Changi Airport เป็นสถานที่จัดนิทรรศการ #DrivingTomorrow ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมที่ถือได้ว่ามีความทันสมัยที่สุด ผู้ที่มายังสนามบินจะได้รับประสบการณ์อันน่าประทับใจสุดพิเศษ เมื่อเข้าชมนิทรรศการในศูนย์การค้า Jewel Changi Airport แห่งนี้” Lee Seow Hiang, Chief Executive Officer ของ Changi Airport Group กล่าวนิทรรศการนี้นับเป็นครั้งแรกของ Porsche Asia Pacific ในการจัดแสดงรถยนต์ปอร์เช่ 356 (Porsche 365) เคียงข้างด้วยปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) นี่คือการนำเอายนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตคันแรกที่ได้รับการติดตั้ง ตราสัญลักษณ์ปอร์เช่ มาอยู่บนเวทีเดียวกันกับรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกของปอร์เช่ ซึ่งเปรียบเสมือน กลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทที่ใช้ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์เป็นเครื่องนำทางไปสู่อนาคตนั่นเอง

ขับเคลื่อนด้วยวิถีแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเกียรติประวัติอันยาวนาน

วิสัยทัศน์อันกว้างไกล ประกอบกับจิตวิญญาณของนักพัฒนา คือสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังให้เป็นหนึ่งเดียวกับองค์กร มาอย่างยาวนาน ในปี 1898 Ferdinand Porsche ได้ออกแบบพัฒนารถยนต์ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าขึ้นมา หลังจากนั้นจึงวิวัฒนาการจนกระทั่งกลายเป็นรถที่มีชื่อว่า Egger-Lohner Phaeton C.2,

ปัจจุบัน ปอร์เช่ ยังคงเป็นผู้กำหนดบรรทัดฐานให้แก่วงการยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) คือภาพสะท้อนที่เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสายการผลิตภายในโรงงาน Zuffenhausen ประเทศเยอรมนี ซึ่งปราศจากคาร์บอนไดออกไซด์โดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่อง ให้เป็นรถยนต์ที่มีนวัตกรรม ล้ำยุคที่สุดในโลก จากเหล่านักวิทยาศาสตร์ของศูนย์เทคโนโลยี Centre of Automotive Management ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) คือรถสปอร์ตพันธุ์แท้ที่ให้ประสบการณ์การขับขี่สุดอัศจรรย์ นี่คือยนตรกรรมสปอร์ตจากปอร์เช่ ที่ได้รับการขับเคลื่อนด้วย พลังงานไฟฟ้าอันล้ำยุคมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ให้พลังสูงและมีพละกำลังมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชาร์จพลังงาน ได้อย่างรวดเร็วและนำกลับมารีไซเคิลได้อีกด้วย

ผู้เข้าชมนิทรรศการ #DrivingTomorrow จะได้รับความตื่นตาตื่นใจไปกับการจัดแสดงแนวคิดและกระบวนการ ใน
การออกเเบบรถสปอร์ต ผ่านผลงานบางส่วนที่คัดเลือกมาจาก “Porsche Unseen,” หนังสือที่เปิดโอกาสให้ทุกคน สามารถสัมผัสกรณีศึกษางานออกแบบต่างๆ ที่ผ่านมาในอดีตของปอร์เช่ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกเก็บรักษาเป็นความลับ จนกระทั่งถูกเปิดเผยสู่สายตาสาธารณะชนอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้

ก้าวสู่โลกเเห่งอนาคตด้วยความยั่งยืน

ปอร์เช่ ยืนหนึ่งในฐานะของผู้ผลิตรถยนต์ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่สุดในบรรดาค่ายรถสปอร์ต และยนตรกรรมระดับหรู บริษัทแห่งนี้ยึดมั่นในแนวทางการดำเนินงานที่คำนึงถึงการรักษาเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม รวมทั้งดำรงตำแหน่งแบรนด์รถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มุ่งเน้นกลยุทธ์การผลิตยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า เป็นหัวใจสำคัญเพื่อให้ได้มาซึ่งอนาคตที่มั่นคงถาวรอย่างแท้จริงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์ปอร์เช่ที่ได้รับการผลิตขึ้นมายังคงวิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วโลกเป็นอีกหนึ่งความเชื่อมั่น ที่ทำให้ปอร์เช่กลายเป็นเเบรนด์รถยนต์ที่เร้าใจคอคนรักรถสปอร์ตทั้งหลายอย่างไม่เสื่อมคลาย

สำหรับผู้ขับขี่และรถยนต์ของเขาเหล่านั้น จะได้รับการแนะนำให้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการใหม่ๆที่ได้รับการคิดค้น อาทิ Porsche Impact กองทุนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักถึงผลกระทบจากมลพิษของสารประกอบคาร์บอน มีวัตถุประสงค์ในการร่วมมือกันสร้างโลกให้สะอาดขึ้น Porsche Asia Pacific เป็นอีกกำลังสำคัญที่ริเริ่มกิจกรรม carbon offsetting ผ่านโครงการ Porsche Impact ทั้งนี้รายละเอียดดังกล่าวจะถูกจัดแสดงไว้ในนิทรรศการ #DrivingTomorrow เช่นเดียวกัน

นิทรรศการ #DrivingTomorrow จัดแสดงภายในบริเวณชั้น 2 ของศูนย์การค้า Jewel Changi Airport ผู้เข้าชม และเยาวชนจะได้รับความประทับใจพร้อมกับประสบการณ์สุดพิเศษ จาก Porsche mascots, Tom Targa และ Tina Turbo สนใจรับชมนิทรรศการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เวลางาน 9:00 จนถึง 21:00 นาฬิกา ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2020 ถึง 17 มกราคม 2021

สนใจข้อมูลนิทรรศการ “#DrivingTomorrow” เพิ่มเติม ติดตามได้จาก Appendix A

สิงคโปร์. ปอร์เช่ เปิดตัว นิทรรศการ #DrivingTomorrow จัดขึ้น ณ ศูนย์การค้า Jewel Changi Airport เพื่อเป็นการบอกเล่าความเป็นมาของรถสปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ผลงานนวัตกรรมที่ถือกำเนิดและพัฒนา ขึ้นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา บรรดาผู้เยี่ยมชมนิทรรศการภายในสนามบินที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจะได้เรียนรู้ เกี่ยวกับวิสัยทัศน์องค์กรของปอร์เช่และพันธะสัญญาที่มีต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านรายละเอียดสุดยอดเยี่ยมของ นิทรรศการ

“ปี 2020 นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับปอร์เช่ในการทบทวนและสรรค์สร้างพันธะสัญญาของเราที่มีต่อยนตรกรรมสปอร์ต ในอนาคตข้างหน้าด้วยการมุ่งเน้นไปยังตัวตนของยานพาหนะในจินตนาการที่เราสามารถสร้างสรรค์ให้กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ จากการเปลี่ยนกรอบความคิดและเข้าถึงทุกความเป็นไปได้ที่มี นิทรรศการ #DrivingTomorrow จะทำให้ผู้เข้าชมงานได้มองย้อนกลับไปสู่นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอันน่าภาคภูมิใจไปพร้อมกับเรา และทั้งร่วมกันเป็นส่วน หนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรที่คำนึงถึงการพัฒนาในอนาคตอย่างยั่งยืน” Arthur Willmann, Chief Executive Officer ของ Porsche Asia Pacific กล่าว

“เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ทางปอร์เช่ ได้ตัดสินใจเลือก Changi Airport เป็นสถานที่จัดนิทรรศการ #DrivingTomorrow ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมที่ถือได้ว่ามีความทันสมัยที่สุด ผู้ที่มายังสนามบินจะได้รับประสบการณ์อันน่าประทับใจสุดพิเศษ เมื่อเข้าชมนิทรรศการในศูนย์การค้า Jewel Changi Airport แห่งนี้” Lee Seow Hiang, Chief Executive Officer ของ Changi Airport Group กล่าวนิทรรศการนี้นับเป็นครั้งแรกของ Porsche Asia Pacific ในการจัดแสดงรถยนต์ปอร์เช่ 356 (Porsche 365) เคียงข้างด้วยปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) นี่คือการนำเอายนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตคันแรกที่ได้รับการติดตั้ง ตราสัญลักษณ์ปอร์เช่ มาอยู่บนเวทีเดียวกันกับรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกของปอร์เช่ ซึ่งเปรียบเสมือน กลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทที่ใช้ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์เป็นเครื่องนำทางไปสู่อนาคตนั่นเอง

ขับเคลื่อนด้วยวิถีแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเกียรติประวัติอันยาวนาน

วิสัยทัศน์อันกว้างไกล ประกอบกับจิตวิญญาณของนักพัฒนา คือสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังให้เป็นหนึ่งเดียวกับองค์กร มาอย่างยาวนาน ในปี 1898 Ferdinand Porsche ได้ออกแบบพัฒนารถยนต์ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าขึ้นมา หลังจากนั้นจึงวิวัฒนาการจนกระทั่งกลายเป็นรถที่มีชื่อว่า Egger-Lohner Phaeton C.2,

ปัจจุบัน ปอร์เช่ ยังคงเป็นผู้กำหนดบรรทัดฐานให้แก่วงการยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) คือภาพสะท้อนที่เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสายการผลิตภายในโรงงาน Zuffenhausen ประเทศเยอรมนี ซึ่งปราศจากคาร์บอนไดออกไซด์โดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังได้รับการยกย่อง ให้เป็นรถยนต์ที่มีนวัตกรรม ล้ำยุคที่สุดในโลก จากเหล่านักวิทยาศาสตร์ของศูนย์เทคโนโลยี Centre of Automotive Management ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) คือรถสปอร์ตพันธุ์แท้ที่ให้ประสบการณ์การขับขี่สุดอัศจรรย์ นี่คือยนตรกรรมสปอร์ตจากปอร์เช่ ที่ได้รับการขับเคลื่อนด้วย พลังงานไฟฟ้าอันล้ำยุคมาพร้อมแบตเตอรี่ที่ให้พลังสูงและมีพละกำลังมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชาร์จพลังงาน ได้อย่างรวดเร็วและนำกลับมารีไซเคิลได้อีกด้วย

ผู้เข้าชมนิทรรศการ #DrivingTomorrow จะได้รับความตื่นตาตื่นใจไปกับการจัดแสดงแนวคิดและกระบวนการ ใน การออกเเบบรถสปอร์ต ผ่านผลงานบางส่วนที่คัดเลือกมาจาก “Porsche Unseen,” หนังสือที่เปิดโอกาสให้ทุกคน สามารถสัมผัสกรณีศึกษางานออกแบบต่างๆ ที่ผ่านมาในอดีตของปอร์เช่ซึ่งล้วนแล้วแต่ถูกเก็บรักษาเป็นความลับ จนกระทั่งถูกเปิดเผยสู่สายตาสาธารณะชนอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้

ก้าวสู่โลกเเห่งอนาคตด้วยความยั่งยืน

ปอร์เช่ ยืนหนึ่งในฐานะของผู้ผลิตรถยนต์ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่สุดในบรรดาค่ายรถสปอร์ต และยนตรกรรมระดับหรู บริษัทแห่งนี้ยึดมั่นในแนวทางการดำเนินงานที่คำนึงถึงการรักษาเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม รวมทั้งดำรงตำแหน่งแบรนด์รถสปอร์ตสมรรถนะสูงที่มุ่งเน้นกลยุทธ์การผลิตยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า เป็นหัวใจสำคัญเพื่อให้ได้มาซึ่งอนาคตที่มั่นคงถาวรอย่างแท้จริงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์ปอร์เช่ที่ได้รับการผลิตขึ้นมายังคงวิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วโลกเป็นอีกหนึ่งความเชื่อมั่น ที่ทำให้ปอร์เช่กลายเป็นเเบรนด์รถยนต์ที่เร้าใจคอคนรักรถสปอร์ตทั้งหลายอย่างไม่เสื่อมคลาย

สำหรับผู้ขับขี่และรถยนต์ของเขาเหล่านั้น จะได้รับการแนะนำให้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการใหม่ๆที่ได้รับการคิดค้น อาทิ Porsche Impact กองทุนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักถึงผลกระทบจากมลพิษของสารประกอบคาร์บอน มีวัตถุประสงค์ในการร่วมมือกันสร้างโลกให้สะอาดขึ้น Porsche Asia Pacific เป็นอีกกำลังสำคัญที่ริเริ่มกิจกรรม carbon offsetting ผ่านโครงการ Porsche Impact ทั้งนี้รายละเอียดดังกล่าวจะถูกจัดแสดงไว้ในนิทรรศการ #DrivingTomorrow เช่นเดียวกัน

นิทรรศการ #DrivingTomorrow จัดแสดงภายในบริเวณชั้น 2 ของศูนย์การค้า Jewel Changi Airport ผู้เข้าชม และเยาวชนจะได้รับความประทับใจพร้อมกับประสบการณ์สุดพิเศษ จาก Porsche mascots, Tom Targa และ Tina Turbo สนใจรับชมนิทรรศการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เวลางาน 9:00 จนถึง 21:00 นาฬิกา ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2020 ถึง 17 มกราคม 2021

สนใจข้อมูลนิทรรศการ “#DrivingTomorrow” เพิ่มเติม ติดตามได้จาก Appendix A

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!