มาสด้า โตสูงสุดอันดับหนึ่งในตลาด ปีนี้ส่งอีก 6 รุ่นลุยตลาด ตั้งเป้าโต 18%


มาสด้า โตสูงสุดอันดับหนึ่งในตลาด ปีนี้ส่งอีก 6 รุ่นลุยตลาด ตั้งเป้าโต 18%

บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยความสำเร็จในปี 2559 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะด้านยอดขาย ที่ มาสด้า มีอัตราการเติบโต 8% สูงสุดเป็นอันดับ 1 สวนทางกับตลาดรวมที่ลดลง 4% พร้อมประกาศ ปี 2560 เตรียมเสริมทัพรถยนต์ใหม่ 6 รุ่น พร้อมเทคโนโลยีใหม่ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ตั้งเป้ายอดขาย 50,000 คัน หรือเติบโต 18%


นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2559 ตลาดรถยนต์โดยรวมมียอดขายประมาณ 767,000 คัน ปรับตัวลดลง 4% ขณะที่ยอดขายของ มาสด้า สามารถทำได้ 42,537 คัน เติบโตได้สูงสุด 8% ครองส่วนแบ่งตลาด 5.5% โดยมียอดขาย มาสด้า2 จำนวน 23,223 คัน เพิ่มขึ้น 22%, มาสด้า3 จำนวน 4,121 คัน ลดลง 42%, มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 จำนวน 4,787 คัน, มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 3,323 คัน ลดลง 13%, มาสด้า บีที-50 โปร จำนวน 7,052 คัน ลดลง 12% และ มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 จำนวน 31 คัน เพิ่มขึ้น 11%
สำหรับปี 2560 คาดว่ายอดขายรวมของตลาดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-8% หรือมากกว่า 800,000 คัน โดยมาสด้า ตั้งเป้าการขายมากกว่า 50,000 คัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 18% และเตรียมเปิดตัวรถใหม่ถึง 6 รุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 6% โดยจะเน้นการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ Mazda Corporate Identity เน้นการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย ด้วยการเสริมศักยภาพทีมงานผู้จำหน่ายทั้งสองด้านอย่างไม่หยุดยั้ง


นายอัตสึชิ ยาสึโมโต รองประธานบริหารชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า ประเทศไทย คือตลาดหลักที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับมาสด้าในการสร้างยอดขาย และถูกจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกของประเทศที่มียอดขายสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 เติบโตเพิ่มขึ้น 8% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.5% เพิ่มขึ้น 0.7% ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 1 ของมาสด้าทั่วโลก และเป็นตลาดอันดับสองที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด รองจากประเทศออสเตรเลีย


นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของมาสด้า และเป็นฐานการผลิตรถยนต์ครบวงจรแห่งแรกนอกจากประเทศญี่ปุ่น สามารถผลิตทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และการประกอบรถยนต์ โดยโรงงานมาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดชลบุรี เริ่มผลิตและส่งออกระบบเกียร์อัตโนมัติ สกายแอคทีฟ ไปยังประเทศเม็กซิโก ประเทศจีน และในภูมิภาคอื่นๆ และโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง เป็นฐานการผลิตและส่งออก ผลิตรถยนต์มาสด้า 4 รุ่น คือ มาสด้า3, มาสด้า2, ซีเอ็กซ์-3 และ มาสด้า บีที-50 โปร


นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการตลาดในปีนี้ว่า เราจะยังคงมุ่งไปที่การสร้างแบรนด์ให้เกิดความแข็งแกร่งมากขึ้น สร้างให้มีความเป็นพรีเมียมมากขึ้นทั้งระบบ ทั้งผลิตภัณฑ์ รูปแบบของศูนย์บริการ ศักยภาพของพนักงาน การบริการด้านการขายและคุณภาพของการบริการหลังการขาย รวมทั้งการตอบรับอย่างดียิ่งต่อเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และรูปลักษณ์การออกแบบ โคโตะ ดีไซน์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั้งความแรง และประหยัดน้ำมัน และในปีนี้ ผู้บริโภคจะได้พับกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากมาสด้า คือ SKYACTIVE-Vehicle Dynamics ที่กำลังจะมาพร้อมกับ มาสด้า3 ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 24 มกราคม นี้
นั่นคือการขับเคลื่อนของมาสด้า เพื่อต่อยอดความสำเร็จ และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป

มาสด้า โตสูงสุดอันดับหนึ่งในตลาด ปีนี้ส่งอีก 6 รุ่นลุยตลาด ตั้งเป้าโต 18%

บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยความสำเร็จในปี 2559 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะด้านยอดขาย ที่ มาสด้า มีอัตราการเติบโต 8% สูงสุดเป็นอันดับ 1 สวนทางกับตลาดรวมที่ลดลง 4% พร้อมประกาศ ปี 2560 เตรียมเสริมทัพรถยนต์ใหม่ 6 รุ่น พร้อมเทคโนโลยีใหม่ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ตั้งเป้ายอดขาย 50,000 คัน หรือเติบโต 18%

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2559 ตลาดรถยนต์โดยรวมมียอดขายประมาณ 767,000 คัน ปรับตัวลดลง 4% ขณะที่ยอดขายของ มาสด้า สามารถทำได้ 42,537 คัน เติบโตได้สูงสุด 8% ครองส่วนแบ่งตลาด 5.5% โดยมียอดขาย มาสด้า2 จำนวน 23,223 คัน เพิ่มขึ้น 22%, มาสด้า3 จำนวน 4,121 คัน ลดลง 42%, มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 จำนวน 4,787 คัน, มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 3,323 คัน ลดลง 13%, มาสด้า บีที-50 โปร จำนวน 7,052 คัน ลดลง 12% และ มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 จำนวน 31 คัน เพิ่มขึ้น 11% สำหรับปี 2560 คาดว่ายอดขายรวมของตลาดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5-8% หรือมากกว่า 800,000 คัน โดยมาสด้า ตั้งเป้าการขายมากกว่า 50,000 คัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 18% และเตรียมเปิดตัวรถใหม่ถึง 6 รุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 6% โดยจะเน้นการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ Mazda Corporate Identity เน้นการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย ด้วยการเสริมศักยภาพทีมงานผู้จำหน่ายทั้งสองด้านอย่างไม่หยุดยั้ง

นายอัตสึชิ ยาสึโมโต รองประธานบริหารชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า ประเทศไทย คือตลาดหลักที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับมาสด้าในการสร้างยอดขาย และถูกจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกของประเทศที่มียอดขายสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 เติบโตเพิ่มขึ้น 8% ครองส่วนแบ่งการตลาด 5.5% เพิ่มขึ้น 0.7% ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 1 ของมาสด้าทั่วโลก และเป็นตลาดอันดับสองที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด รองจากประเทศออสเตรเลีย

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของมาสด้า และเป็นฐานการผลิตรถยนต์ครบวงจรแห่งแรกนอกจากประเทศญี่ปุ่น สามารถผลิตทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และการประกอบรถยนต์ โดยโรงงานมาสด้า พาวเวอร์เทรน แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดชลบุรี เริ่มผลิตและส่งออกระบบเกียร์อัตโนมัติ สกายแอคทีฟ ไปยังประเทศเม็กซิโก ประเทศจีน และในภูมิภาคอื่นๆ และโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง เป็นฐานการผลิตและส่งออก ผลิตรถยนต์มาสด้า 4 รุ่น คือ มาสด้า3, มาสด้า2, ซีเอ็กซ์-3 และ มาสด้า บีที-50 โปร

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวถึงกลยุทธ์ด้านการตลาดในปีนี้ว่า เราจะยังคงมุ่งไปที่การสร้างแบรนด์ให้เกิดความแข็งแกร่งมากขึ้น สร้างให้มีความเป็นพรีเมียมมากขึ้นทั้งระบบ ทั้งผลิตภัณฑ์ รูปแบบของศูนย์บริการ ศักยภาพของพนักงาน การบริการด้านการขายและคุณภาพของการบริการหลังการขาย รวมทั้งการตอบรับอย่างดียิ่งต่อเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และรูปลักษณ์การออกแบบ โคโตะ ดีไซน์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั้งความแรง และประหยัดน้ำมัน และในปีนี้ ผู้บริโภคจะได้พับกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากมาสด้า คือ SKYACTIVE-Vehicle Dynamics ที่กำลังจะมาพร้อมกับ มาสด้า3 ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 24 มกราคม นี้ นั่นคือการขับเคลื่อนของมาสด้า เพื่อต่อยอดความสำเร็จ และมุ่งมั่นที่จะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตลอดไป

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!