The Legends of Automobile : ตอนที่ 182 รถไฮบริดคันแรกของโลกแล่นได้จริงและสร้างขายโดยปอร์เช่


By : C. Methas – Managing Editor

รถยนต์พลังงานไฮบริดได้พัฒนาจากรถไฟฟ้าได้สร้างโดยค่ายปอร์เช่ ประกอบสร้างที่ Lohner Coach Factory คิดค้นพัฒนาโดย Ferdinand Porsche ตั้งแต่ปีค.ศ. 1898 ขณะมีอายุเพียง 23 ปี ระบบนี้เรียกว่า System Lohner-Porsche เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าได้นำออกแสดงครั้งแรกที่ Paris World Fair ในปีค.ศ. 1900

รถไฟฟ้าคันแรกของค่ายปอร์เช่ได้พัฒนาต่อไปเป็นรถยนต์ไฮบริดคันแรกของโลก ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ชุดติดตั้งไว้ที่ดุมล้อและระบบเบรกเป็นแบบเบรกทั้ง 4 ล้อซึ่งได้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกเช่นกันใช้ชื่อรุ่น Semper Vivus หรือ Always Alive ในภาษาอังกฤษได้สร้างสำเร็จและกลายเป็นรถยนต์ไฮบริดคันแรกของโลกเมื่อปีค.ศ. 1900 หรือ 117 ปีที่แล้วโดยใช้พื้นฐานของระบบ Lohner-Porsche

Semper-Vivus รถไฮบริดคันแรกของโลกได้ปรับลดจำนวนแบตเตอรี่จาก 74 เซลล์เป็น 44 เซลล์เพื่อให้น้ำหนักรถเบาลงและนำเครื่องยนต์สันดาปภายในของ De-Dion Bouton ที่ให้แรงม้า 2.5 แรงม้ามาเป็นกำลังสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 2 ชุดให้กำลังไฟฟ้ารวม 3.68 กิโลวัตต์เพื่อไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าและสามารถดับเครื่องยนต์เพื่อให้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

รถยนต์ไฮบริดคันแรกยังคงมีปัญหาในเรื่องน้ำหนักรถที่หนักมาก แม้ว่าจะแก้ปัญหาด้วยการลดจำนวนแบตเตอรี่ลงซึ่งช่วยให้น้ำหนักเบาลง แต่ยังมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นต้นแบบ Lohner-Porsche อยู่ราว 70 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามรถรุ่นนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 22 ไมล์ต่อชั่วโมงและสามารถขับขี่ได้ระยะทางประมาณ 124 ไมล์เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง

ในปีค.ศ. 1901 ปอร์เช่ได้ผลิตรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกเพื่อจำหน่ายใช้ชื่อว่า Mixte พัฒนาในเรื่องการลดน้ำหนักด้วยการลดจำนวนแบตเตอรี่ลงอีกและวางเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ให้แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 25 แรงม้า นอกจากนี้ยังได้พัฒนาปรับปรุงแก้ปัญหาในหลายส่วน Mixte ไปคว้าแชมป์ได้ในรายการแข่งแรลลี่ Exelberg Rally ในปีค.ศ. 1901 โดย Ferdinand Porsche ขับด้วยตัวเองและไปทุบสถิติความเร็วสูงสุดที่ออสเตรียบ้านเกิดของเขาด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ 37.2 ไมล์ต่อชั่วโมง หลังจากนั้นในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อสามารถทำความเร็วสูงสุด 112.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ 70 ไมล์ต่อชั่วโมง

Mixte รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานไฮบริดรุ่นแรกได้พัฒนาและปรับปรุงอย่างรวดเร็วโดยมีการผลิตออกจำหน่ายราว 1,000 คันในหลายประเทศซึ่งส่วนใหญ่ในยุโรปและท้ายที่สุดต้องยุติการผลิตลงหลังจาก Henry Ford ได้ใช้ระบบการผลิตรถยนต์แบบสายพานการผลิตขนาดใหญ่แบบอุตสาหกรรมขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกในปีค.ศ. 1903 ส่งผลให้รถยนต์ถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากภายในเวลาสั้นลงและราคาถูกเนื่องจากต้นทุนการผลิตลดลงโดยพื้นฐานรถยนต์ของฟอร์ดจะมีราคาประมาณ 500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เท่านั้นหรือราว 10,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปัจจุบัน

ขณะที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีราคาอยู่ที่ 1,700 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่วนรถยนต์พลังงานไฮบริดมีราคาแพงกว่า นอกจากนี้ยังมีการขุดค้นพบบ่อน้ำหนักขนาดใหญ่ที่รัฐเท็กซัสและโอคลาโฮม่า ทำให้ราคาน้ำมันถูกลง ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริดยังมีปัญหาในเรื่องของแบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักมาก, ราคาแพงและการชาร์จแบตเตอรี่ค่อนข้างยุ่งยากใช้เวลานานในการชาร์จ

ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริดได้ถูกนำกลับมาพัฒนาใหม่อีกครั้งซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่ประหยัดน้ำมัน, ลดภาวะโลกร้อนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากค่ายผลิตรถยนต์ถูกกดดันจากกฎหมายใหม่ ๆ ที่ออกมาเพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อมโลก หลายค่ายผู้ผลิตรถยนต์ได้พยายามพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ในช่วงหลังนี้ประมาณ 30 ปีที่ผ่านมาทั้งในแบบใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซล, ไฮโดรเจน, เซลล์เชื้อเพลิง, ไฮบริดและรถไฟฟ้า แต่มาประสบความสำเร็จจนสามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้เป็นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1997 โดยค่ายโตโยต้าเปิดตัวรุ่น Prius รถไฮบริดรุ่นแรกของโลกและประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยยอดขายรวมทั่วโลกเกินกว่า 4 ล้านคัน

ส่วนรถไฟฟ้าค่ายเจเนอรัล มอเตอร์สเปิดตัวครั้งแรกของโลกรุ่น EV1 เมื่อปีค.ศ. 1996 แต่ไม่ประสบความสำเร็จและได้ยุติการผลิตลงในปีค.ศ. 1999 ผลิตออกมาทั้งหมด 1,117 คันเท่านั้น ทางด้านค่ายนิสสันเป็นรายแรกที่ประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Leaf เป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปีค.ศ. 2010

By : C. Methas - Managing Editor

รถยนต์พลังงานไฮบริดได้พัฒนาจากรถไฟฟ้าได้สร้างโดยค่ายปอร์เช่ ประกอบสร้างที่ Lohner Coach Factory คิดค้นพัฒนาโดย Ferdinand Porsche ตั้งแต่ปีค.ศ. 1898 ขณะมีอายุเพียง 23 ปี ระบบนี้เรียกว่า System Lohner-Porsche เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าได้นำออกแสดงครั้งแรกที่ Paris World Fair ในปีค.ศ. 1900

รถไฟฟ้าคันแรกของค่ายปอร์เช่ได้พัฒนาต่อไปเป็นรถยนต์ไฮบริดคันแรกของโลก ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ชุดติดตั้งไว้ที่ดุมล้อและระบบเบรกเป็นแบบเบรกทั้ง 4 ล้อซึ่งได้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกเช่นกันใช้ชื่อรุ่น Semper Vivus หรือ Always Alive ในภาษาอังกฤษได้สร้างสำเร็จและกลายเป็นรถยนต์ไฮบริดคันแรกของโลกเมื่อปีค.ศ. 1900 หรือ 117 ปีที่แล้วโดยใช้พื้นฐานของระบบ Lohner-Porsche

Semper-Vivus รถไฮบริดคันแรกของโลกได้ปรับลดจำนวนแบตเตอรี่จาก 74 เซลล์เป็น 44 เซลล์เพื่อให้น้ำหนักรถเบาลงและนำเครื่องยนต์สันดาปภายในของ De-Dion Bouton ที่ให้แรงม้า 2.5 แรงม้ามาเป็นกำลังสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 2 ชุดให้กำลังไฟฟ้ารวม 3.68 กิโลวัตต์เพื่อไปขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าและสามารถดับเครื่องยนต์เพื่อให้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

รถยนต์ไฮบริดคันแรกยังคงมีปัญหาในเรื่องน้ำหนักรถที่หนักมาก แม้ว่าจะแก้ปัญหาด้วยการลดจำนวนแบตเตอรี่ลงซึ่งช่วยให้น้ำหนักเบาลง แต่ยังมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นต้นแบบ Lohner-Porsche อยู่ราว 70 กิโลกรัม อย่างไรก็ตามรถรุ่นนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 22 ไมล์ต่อชั่วโมงและสามารถขับขี่ได้ระยะทางประมาณ 124 ไมล์เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง

ในปีค.ศ. 1901 ปอร์เช่ได้ผลิตรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกเพื่อจำหน่ายใช้ชื่อว่า Mixte พัฒนาในเรื่องการลดน้ำหนักด้วยการลดจำนวนแบตเตอรี่ลงอีกและวางเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ให้แรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 25 แรงม้า นอกจากนี้ยังได้พัฒนาปรับปรุงแก้ปัญหาในหลายส่วน Mixte ไปคว้าแชมป์ได้ในรายการแข่งแรลลี่ Exelberg Rally ในปีค.ศ. 1901 โดย Ferdinand Porsche ขับด้วยตัวเองและไปทุบสถิติความเร็วสูงสุดที่ออสเตรียบ้านเกิดของเขาด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ 37.2 ไมล์ต่อชั่วโมง หลังจากนั้นในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อสามารถทำความเร็วสูงสุด 112.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ 70 ไมล์ต่อชั่วโมง

Mixte รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานไฮบริดรุ่นแรกได้พัฒนาและปรับปรุงอย่างรวดเร็วโดยมีการผลิตออกจำหน่ายราว 1,000 คันในหลายประเทศซึ่งส่วนใหญ่ในยุโรปและท้ายที่สุดต้องยุติการผลิตลงหลังจาก Henry Ford ได้ใช้ระบบการผลิตรถยนต์แบบสายพานการผลิตขนาดใหญ่แบบอุตสาหกรรมขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกในปีค.ศ. 1903 ส่งผลให้รถยนต์ถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากภายในเวลาสั้นลงและราคาถูกเนื่องจากต้นทุนการผลิตลดลงโดยพื้นฐานรถยนต์ของฟอร์ดจะมีราคาประมาณ 500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เท่านั้นหรือราว 10,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับปัจจุบัน

ขณะที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีราคาอยู่ที่ 1,700 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ส่วนรถยนต์พลังงานไฮบริดมีราคาแพงกว่า นอกจากนี้ยังมีการขุดค้นพบบ่อน้ำหนักขนาดใหญ่ที่รัฐเท็กซัสและโอคลาโฮม่า ทำให้ราคาน้ำมันถูกลง ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริดยังมีปัญหาในเรื่องของแบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักมาก, ราคาแพงและการชาร์จแบตเตอรี่ค่อนข้างยุ่งยากใช้เวลานานในการชาร์จ

ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าและรถไฮบริดได้ถูกนำกลับมาพัฒนาใหม่อีกครั้งซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ที่ประหยัดน้ำมัน, ลดภาวะโลกร้อนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากค่ายผลิตรถยนต์ถูกกดดันจากกฎหมายใหม่ ๆ ที่ออกมาเพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อมโลก หลายค่ายผู้ผลิตรถยนต์ได้พยายามพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ในช่วงหลังนี้ประมาณ 30 ปีที่ผ่านมาทั้งในแบบใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซล, ไฮโดรเจน, เซลล์เชื้อเพลิง, ไฮบริดและรถไฟฟ้า แต่มาประสบความสำเร็จจนสามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้เป็นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1997 โดยค่ายโตโยต้าเปิดตัวรุ่น Prius รถไฮบริดรุ่นแรกของโลกและประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยยอดขายรวมทั่วโลกเกินกว่า 4 ล้านคัน

ส่วนรถไฟฟ้าค่ายเจเนอรัล มอเตอร์สเปิดตัวครั้งแรกของโลกรุ่น EV1 เมื่อปีค.ศ. 1996 แต่ไม่ประสบความสำเร็จและได้ยุติการผลิตลงในปีค.ศ. 1999 ผลิตออกมาทั้งหมด 1,117 คันเท่านั้น ทางด้านค่ายนิสสันเป็นรายแรกที่ประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Leaf เป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปีค.ศ. 2010

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!