อวสาน YAHOO!-ทุกคนที่เริ่มใช้อินเตอร์เน็ตในยุคแรกๆ คงรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี


ในปี 1994 Jerry Yang และ David Filo ได้ก่อตั้ง Yahoo ขึ้น เพราะเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนวิศวะไฟฟ้าที่ Stanford ในช่วงแรก Yahoo ทำตัวเหมือนเป็นสมุดหน้าเหลืองที่ใช้ในการค้นหาทุกอย่าง

ในเมืองไทยเองเวบไซต์ Sanook ก็คงได้แนวคิดมาจาก Yahoo นั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่า สนุก กับ ยาฮู มีความหมายที่คล้ายกันมาก

หุ้นของ Yahoo พุ่งเป็นจรวดในยุคฟองสบู่ดอทคอม ขึ้นไปจุดสูงสุดที่ 118 เหรียญ ในปี 2000 แต่ใครจะรู้ว่าปีต่อมาเมื่อฟองสบู่แตกราคาหุ้น Yahoo ตกลงมาเหลือแค่ 8 เหรียญ

หลังปี 2000 คนเริ่มใช้ Google ในการค้นหาแทน Yahoo ทำให้ Yahoo ค่อยๆถูกลดบทบาทในวงการอินเตอร์เน็ต

ธุรกิจที่สำคัญของ Yahoo อีกเรื่องคือ E-Mail ตอนนั้นทุกคนใช้ E-Mail ของ Yahoo แต่สุดท้ายก็ถูก Google ตีด้วย Gmail ที่ให้ความจุมากกว่า

มาถึงตอนนี้ดูเหมือน Google จะชนะ Yahoo ไปซะทุกเรื่อง แต่จริงๆแล้วมีอยู่ประเทศหนึ่งที่ Yahoo ประสบความสำเร็จ นั่นคือ ประเทศญี่ปุ่น

Yahoo ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นมากพอที่ทำให้ คนญี่ปุ่นใช้ Yahoo Japan ในการค้นหามากกว่า Google

อีกเรื่องหนึ่งที่ Yahoo ประสบความสำเร็จคือ Yahoo เป็นนักลงทุนแรกๆในบริษัท Alibaba ของแจ๊ค หม่า โดยตอนนี้ Yahoo ถือหุ้น 15% ใน Alibaba

Jerry Yang ได้เจอ แจ๊ค หม่า ตอนปี 1997 ตอนนั้น แจ๊คหม่าเป็นแค่ “ไกด์ทัวร์” พา Jerry Yang เยี่ยมชมกำแพงเมืองจีน ระหว่างนั้นทั้ง 2 คนได้พูดคุยเกี่ยวกับการเติบโตของอินเตอร์เน็ต

และแจ๊ค หม่า ก็ได้ก่อตั้ง Alibaba หลังจากนั้นไม่นาน แต่ Jerry Yang ไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่ง..

10 ปีผ่านไป..

Jerry Yang ได้ยินเรื่อง Alibaba ว่ากำลังเป็นคู่แข่ง eBay ที่เมืองจีน เขาจึงสงสัยว่าเป็น แจ๊ค หม่า คนเดียวกับที่พาเขาทัวร์กำแพงเมืองจีนในตอนนั้นหรือเปล่า

สรุปว่าใช่ แจ๊ค หม่า คือไกด์ทัวร์คนนั้น! และ Jerry Yang จึงเริ่มเข้าร่วมลงทุนใน Alibaba หลังจากนั้น

ตอนนี้ รูปของ Jerry Yang และ แจ๊ค หม่า ที่ถ่ายหน้ากำแพงเมืองจีน ถูกแขวนอยู่ในสำนักงานของ Alibaba ในเมืองหางโจว และเป็นรูปประกอบของบทความนี้

จนถึงตอนนี้ Alibaba ของไกด์ทัวร์ชื่อ แจ๊ค หม่า เป็นบริษัทที่ใหญ่โตแล้ว ตอนนี้บริษัท Alibaba มีมูลค่าบริษัทใหญ่กว่ามูลค่าธุรกิจหลักของ Yahoo ถึง 80 เท่า

พอเรื่องเป็นอย่างนี้ ผลลัพธ์ออกมาก็คือ แค่มูลค่าหุ้นที่ Yahoo ถือใน Alibaba และ Yahoo Japan ก็มากกว่าการทำธุรกิจหลักของ Yahoo เองถึง 12 เท่า

แต่ตลาดมักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับบริษัทที่เป็น Holding Company เท่าไรนัก ทำให้ราคาหุ้น Yahoo ซื้อขายกันต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่ Yahoo ถือรวมกันเสียอีก

ผู้บริหาร Yahoo จึงมีความคิดที่จะ spin off (แยกบริษัท) การถือหุ้น Alibaba ออกมาเพื่อรับรู้มูลค่า แต่ปรากฏว่าติดปัญหาเรื่องภาษี

สุดท้ายเมื่อแยกออกมาไม่ได้ Yahoo จึงตัดสินใจขายธุรกิจหลักทั้งหมดทิ้งซะเลย แล้วเอาบริษัท Yahoo เองเนี่ยแหละเป็นบริษัทที่ spin off

ธุรกิจหลักทั้งหมดของ Yahoo ถูกขายให้บริษัทโทรคมนาคมชื่อ Verizon ด้วยราคา 4,500 ล้านเหรียญ โดยผู้ถือหุ้น Yahoo พึ่งโหวตอนุมัติเมื่อวาน (8 มิ ย 60)

โดย Verizon จะนำธุรกิจของ Yahoo ไปรวมกับธุรกิจ AOL เป็นชื่อแบรนด์ใหม่ว่า “Oath”

หลังจากแยกชิ้นส่วนแล้วบริษัท Yahoo ก็จะไม่เหลืออะไรเลยนอกจาก ความเป็นเจ้าของในบางส่วนของ Alibaba และ Yahoo Japan แต่แค่นี้ก็มีมูลค่ารวมกันมากถึง 57,000 ล้านเหรียญ

และเรื่องราว 23 ปี ของบริษัท Yahoo ก็จะสิ้นสุดลง.. คงเหลือแต่บริษัทเดิมที่จะถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Altaba” หรือย่อมาจาก Alternative Alibaba นั่นเอง..

ที่มา : เฟซบุ๊คลงทุนแมน

ในปี 1994 Jerry Yang และ David Filo ได้ก่อตั้ง Yahoo ขึ้น เพราะเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนวิศวะไฟฟ้าที่ Stanford ในช่วงแรก Yahoo ทำตัวเหมือนเป็นสมุดหน้าเหลืองที่ใช้ในการค้นหาทุกอย่าง ในเมืองไทยเองเวบไซต์ Sanook ก็คงได้แนวคิดมาจาก Yahoo นั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่า สนุก กับ ยาฮู มีความหมายที่คล้ายกันมาก หุ้นของ Yahoo พุ่งเป็นจรวดในยุคฟองสบู่ดอทคอม ขึ้นไปจุดสูงสุดที่ 118 เหรียญ ในปี 2000 แต่ใครจะรู้ว่าปีต่อมาเมื่อฟองสบู่แตกราคาหุ้น Yahoo ตกลงมาเหลือแค่ 8 เหรียญ หลังปี 2000 คนเริ่มใช้ Google ในการค้นหาแทน Yahoo ทำให้ Yahoo ค่อยๆถูกลดบทบาทในวงการอินเตอร์เน็ต ธุรกิจที่สำคัญของ Yahoo อีกเรื่องคือ E-Mail ตอนนั้นทุกคนใช้ E-Mail ของ Yahoo แต่สุดท้ายก็ถูก Google ตีด้วย Gmail ที่ให้ความจุมากกว่า มาถึงตอนนี้ดูเหมือน Google จะชนะ Yahoo ไปซะทุกเรื่อง แต่จริงๆแล้วมีอยู่ประเทศหนึ่งที่ Yahoo ประสบความสำเร็จ นั่นคือ ประเทศญี่ปุ่น Yahoo ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นมากพอที่ทำให้ คนญี่ปุ่นใช้ Yahoo Japan ในการค้นหามากกว่า Google อีกเรื่องหนึ่งที่ Yahoo ประสบความสำเร็จคือ Yahoo เป็นนักลงทุนแรกๆในบริษัท Alibaba ของแจ๊ค หม่า โดยตอนนี้ Yahoo ถือหุ้น 15% ใน Alibaba Jerry Yang ได้เจอ แจ๊ค หม่า ตอนปี 1997 ตอนนั้น แจ๊คหม่าเป็นแค่ “ไกด์ทัวร์” พา Jerry Yang เยี่ยมชมกำแพงเมืองจีน ระหว่างนั้นทั้ง 2 คนได้พูดคุยเกี่ยวกับการเติบโตของอินเตอร์เน็ต และแจ๊ค หม่า ก็ได้ก่อตั้ง Alibaba หลังจากนั้นไม่นาน แต่ Jerry Yang ไม่รู้เรื่องนี้จนกระทั่ง.. 10 ปีผ่านไป.. Jerry Yang ได้ยินเรื่อง Alibaba ว่ากำลังเป็นคู่แข่ง eBay ที่เมืองจีน เขาจึงสงสัยว่าเป็น แจ๊ค หม่า คนเดียวกับที่พาเขาทัวร์กำแพงเมืองจีนในตอนนั้นหรือเปล่า สรุปว่าใช่ แจ๊ค หม่า คือไกด์ทัวร์คนนั้น! และ Jerry Yang จึงเริ่มเข้าร่วมลงทุนใน Alibaba หลังจากนั้น ตอนนี้ รูปของ Jerry Yang และ แจ๊ค หม่า ที่ถ่ายหน้ากำแพงเมืองจีน ถูกแขวนอยู่ในสำนักงานของ Alibaba ในเมืองหางโจว และเป็นรูปประกอบของบทความนี้ จนถึงตอนนี้ Alibaba ของไกด์ทัวร์ชื่อ แจ๊ค หม่า เป็นบริษัทที่ใหญ่โตแล้ว ตอนนี้บริษัท Alibaba มีมูลค่าบริษัทใหญ่กว่ามูลค่าธุรกิจหลักของ Yahoo ถึง 80 เท่า พอเรื่องเป็นอย่างนี้ ผลลัพธ์ออกมาก็คือ แค่มูลค่าหุ้นที่ Yahoo ถือใน Alibaba และ Yahoo Japan ก็มากกว่าการทำธุรกิจหลักของ Yahoo เองถึง 12 เท่า แต่ตลาดมักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับบริษัทที่เป็น Holding Company เท่าไรนัก ทำให้ราคาหุ้น Yahoo ซื้อขายกันต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่ Yahoo ถือรวมกันเสียอีก ผู้บริหาร Yahoo จึงมีความคิดที่จะ spin off (แยกบริษัท) การถือหุ้น Alibaba ออกมาเพื่อรับรู้มูลค่า แต่ปรากฏว่าติดปัญหาเรื่องภาษี สุดท้ายเมื่อแยกออกมาไม่ได้ Yahoo จึงตัดสินใจขายธุรกิจหลักทั้งหมดทิ้งซะเลย แล้วเอาบริษัท Yahoo เองเนี่ยแหละเป็นบริษัทที่ spin off ธุรกิจหลักทั้งหมดของ Yahoo ถูกขายให้บริษัทโทรคมนาคมชื่อ Verizon ด้วยราคา 4,500 ล้านเหรียญ โดยผู้ถือหุ้น Yahoo พึ่งโหวตอนุมัติเมื่อวาน (8 มิ ย 60) โดย Verizon จะนำธุรกิจของ Yahoo ไปรวมกับธุรกิจ AOL เป็นชื่อแบรนด์ใหม่ว่า “Oath” หลังจากแยกชิ้นส่วนแล้วบริษัท Yahoo ก็จะไม่เหลืออะไรเลยนอกจาก ความเป็นเจ้าของในบางส่วนของ Alibaba และ Yahoo Japan แต่แค่นี้ก็มีมูลค่ารวมกันมากถึง 57,000 ล้านเหรียญ และเรื่องราว 23 ปี ของบริษัท Yahoo ก็จะสิ้นสุดลง.. คงเหลือแต่บริษัทเดิมที่จะถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “Altaba” หรือย่อมาจาก Alternative Alibaba นั่นเอง.. ที่มา : เฟซบุ๊คลงทุนแมน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!