เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกาศขยายเวลารับประกันแบตเตอรี่ปลั๊กอินไฮบริด เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ขับขี่ตลอด 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทางการขับขี่


บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพของแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery) ที่ติดตั้งในรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริด สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ โดยขยายระยะเวลาเป็น 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (Unlimited mileage 10-year warranty for HV Battery) ครอบคลุมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดตามรุ่นที่กำหนด ดังต่อไปนี้ C-Class รุ่น C 350e (W206), E-Class รุ่น E 300e (W213), S-Class รุ่น S 580e (V223) รวมถึงรถเอสยูวีอย่าง GLC และ GLE ในรุ่น GLC 300e (X253), GLC 300e Coupe (C253) และ GLE 350de (V167)

รถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบของรถยนต์พลังงานทางเลือกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ความสำคัญสำหรับการทำตลาดในประเทศไทยก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในระดับโลก ที่จะขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Organization) ภายในปี 2582

ความโดดเด่นของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาจากความเหนือชั้นทางด้านเทคโนโลยีระบบปลั๊กอินไฮบริด ที่ผสมผสานการทำงานของระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ประกอบกับแบตเตอรี่แรงดันสูง อย่างรุ่น C 350e AMG Dynamic, S 580e AMG Premium และ GLE 350de 4MATIC ที่สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ถือเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดระดับลักชัวรี่ที่มีสมรรถนะและการขับขี่ที่ดีเยี่ยมในทุกเส้นทาง พร้อมมอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

สอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/services/special-offers.html และนัดหมายเข้ารับบริการออนไลน์ได้ที่ http://mb4.me/TH_OAB ทั้งนี้ เงื่อนไขให้เป็นไปตามที่บริษัทฯ และศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการกำหนด

** บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จากผู้จำหน่ายฯ อย่างเป็นทางการเท่านั้น

เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 172,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค เมอร์เซเดส-อีคิว จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยแบรนด์เมอร์-เซเดส มีนำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับลักชัวรีรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2564 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 1.9 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 386,200 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพของแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery) ที่ติดตั้งในรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริด สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ โดยขยายระยะเวลาเป็น 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (Unlimited mileage 10-year warranty for HV Battery) ครอบคลุมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดตามรุ่นที่กำหนด ดังต่อไปนี้ C-Class รุ่น C 350e (W206), E-Class รุ่น E 300e (W213), S-Class รุ่น S 580e (V223) รวมถึงรถเอสยูวีอย่าง GLC และ GLE ในรุ่น GLC 300e (X253), GLC 300e Coupe (C253) และ GLE 350de (V167)

รถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบของรถยนต์พลังงานทางเลือกที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้ความสำคัญสำหรับการทำตลาดในประเทศไทยก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในระดับโลก ที่จะขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Organization) ภายในปี 2582

ความโดดเด่นของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาจากความเหนือชั้นทางด้านเทคโนโลยีระบบปลั๊กอินไฮบริด ที่ผสมผสานการทำงานของระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ประกอบกับแบตเตอรี่แรงดันสูง อย่างรุ่น C 350e AMG Dynamic, S 580e AMG Premium และ GLE 350de 4MATIC ที่สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ถือเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดระดับลักชัวรี่ที่มีสมรรถนะและการขับขี่ที่ดีเยี่ยมในทุกเส้นทาง พร้อมมอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

สอบถามข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/services/special-offers.html และนัดหมายเข้ารับบริการออนไลน์ได้ที่ http://mb4.me/TH_OAB ทั้งนี้ เงื่อนไขให้เป็นไปตามที่บริษัทฯ และศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการกำหนด

** บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จากผู้จำหน่ายฯ อย่างเป็นทางการเท่านั้น

เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 172,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค เมอร์เซเดส-อีคิว จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยแบรนด์เมอร์-เซเดส มีนำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับลักชัวรีรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2564 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 1.9 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 386,200 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!