“โตโยต้า” เผยยอดจำหน่ายรถยนต์ไฮบริดทั่วโลกทะลุ 10 ล้านคัน จากที่มาของรถ 34 รุ่น


โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ภาคภูมิใจที่จะประกาศว่าบริษัทฯมียอดขายรถยนต์ไฮบริดรวมทั่วโลกอยู่ที่ 10.05 ล้านคัน ณ วันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นการบรรลุเป้ายอดขาย 10 ล้านคัน โดยยอดขายดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จเชิงตัวเลขเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังอันยั่งยืนของเทคโนโลยีในการช่วยลดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โตโยต้า ให้ความสำคัญในการพยายามช่วยลดผลกระทบจากรถยนต์มีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยาวนาน เราเชื่อว่าหากผู้คนขับขี่ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแพร่หลาย จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้สังคมได้ในที่สุด ด้วยเหตุผลดังกล่าว โตโยต้า จึงพยายามนำเสนอรถยนต์ไฮบริดให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง

ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2540 โตโยต้า เปิดตัวรถโคสเตอร์ ไฮบริด อีวี ต่อมาในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โตโยต้าได้แนะนำโตโยต้า พริอุส รถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาผลิตเพื่อจำหน่าย หลังจากนั้น รถยนต์ไฮบริดของ โตโยต้า ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้ใช้ทั่วโลก ทั้งนี้การบรรลุเป้าหมาย 10 ล้านคันในครั้งนี้ สามารถทำได้ภายในช่วงเวลาเพียง 9 เดือนหลังจากที่ยอดขายรวมแตะหลัก 9 ล้านคันเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2559

การลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนับวันก็ยิ่งจะกลายเป็นประเด็นปัญหาระดับโลกมากขึ้น รถพริอุสรุ่นแรกถือเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นเพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในศตวรรษที่ 21 นี้ ทีมงานที่พัฒนารถ พริอุสเชื่อมั่นว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องพัฒนายานยนต์ไฮบริดเพื่อโลกอนาคต และแทนที่จะเลือกทำแต่เรื่องง่ายๆ พวกเขากลับเชื่อว่าตนเองต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมนี้ให้สำเร็จ

ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าว ในที่สุดทีมงานนี้ก็ได้เปิดตัวรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาผลิตเพื่อขายเป็นจำนวนมากให้ทั่วโลกได้สัมผัสและครอบครอง และเป็นที่ชัดเจนว่าผู้คนต่างนิยมใช้รถยนต์พริอุสอย่างแพร่หลายจนถึงขั้นที่คำว่าพริอุสกลายเป็นคำติดปากที่สื่อถึง “ยานหาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
นอกจากนี้ ระบบ (Toyota Hybrid System – THS) ที่ติดตั้งในพริอุสรุ่นแรกก็ถูกพัฒนาไปอีกขั้นให้เป็นระบบ THS II ในปี 2546 โดยระบบนี้ถูกติดตั้งเป็นระบบขับเคลื่อนในรถไฮบริดของ โตโยต้า อีกหลายรุ่น

ต่อมาในพริอุสรุ่นที่สี่ ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มโตโยต้า นิว โกลบอล อาร์คิเทคเจอร์ (Toyota New Global Architecture – TNGA2 ) ก็ถูกพัฒนาให้เป็นรถที่นอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นทางเลือกให้ผู้ขับขี่ที่มองหารถยนต์ที่ขับสนุกไปพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับอีกด้วย

โตโยต้า เปิดตัวรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่นั้นมา อุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ด้วยความนิยมในตัวรถพริอุสที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ลูกค้าเริ่มคำนึงถึงปัจจัยเรื่องสมรรถนะด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเกณฑ์มาตรฐานอีกข้อในการเลือกซื้อรถ

จากการที่บริษัทรถยนต์ค่ายต่างๆ เริ่มพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้เกิดประเภทตลาดรถยนต์ที่เรียกว่า “รถไฮบริด” เพิ่มขึ้นมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ทุกวันนี้ลูกค้าทั่วโลกต่างก็เลือกซื้อรถไฮบริดและรถประหยัดพลังงานมากขึ้น หมายถึงอุตสาหกรรมยานยนต์เข้ามามีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในระดับโลกได้ ถึงแม้ โตโยต้า จะสามารถบรรลุเป้ายอดขายรถไฮบริด 10 ล้านคันได้แล้ว แต่โตโยต้าจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เราจะเดินหน้าสร้างสรรค์รถยนต์ที่ดียิ่งกว่านี้เพื่อลูกค้าของเราต่อไป
ทาเคชิ อูชิยามาดะ กรรมการบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ตอนที่เราเปิดตัวพริอุส ไม่มีใครรู้เลยว่าไฮบริดคืออะไร ผู้คนต่างเรียกคนที่เลือกขับพริอุสว่าเป็นพวกบ้าเทคโนโลยีหรืออะไรทำนองนั้น แต่พอมาถึงวันนี้ ต้องบอกว่าเป็นเพราะกลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่ให้โอกาสเราด้วยการเลือกใช้พริอุสนั่นเองครับที่ทำให้รถไฮบริดได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังช่วยกันขับเคลื่อนความสำเร็จของนวัตกรรมที่ไม่มีใครรู้จักกันในตอนแรก ให้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในทุกวันนี้ เราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ช่วยผลักดันให้โตโยต้าบรรลุเป้ายอดขายรถไฮบริด 10 ล้านคันได้ และขอมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าทำหน้าที่ของเราต่อไปด้วยกันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม”

ในวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา โตโยต้า คาดการณ์ว่าการขับขี่รถยนต์ไฮบริดของโตโยต้า แทนที่การขับขี่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงแบบธรรมดาที่มีขนาดเดียวกันและสมรรถนะการขับขี่ไม่ต่างกันนั้นจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 77 ล้านตัน ตลอดจนสามารถประหยัดน้ำมันได้ราว 29 ล้านกิโลลิตรทีเดียว

เมื่อเดือนตุลาคม 2558 ได้ประกาศแผน Toyota Environmental Challenge 2050 ซึ่งมุ่งตั้งเป้าลดผลกระทบด้านลบของรถยนต์ต่อสิ่งแวดล้อมในระดับโลกให้เหลือใกล้เคียงศูนย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตลอดจนมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ โตโยต้า กำหนดให้เทคโนโลยีไฮบริดเป็นเทคโนโลยีหลักที่จะช่วยผลักดันให้บรรลุพันธกิจด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมในศตวรรษที่ 21 โดยเทคโนโลยีไฮบริดหมายรวมถึงเทคโนโลยีทุกอย่างที่นำมาใช้เพื่อพัฒนาขึ้นเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้าและเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงแบบผสมผสานหลายรูปแบบ ทั้งนี้ โตโยต้ามุ่งมั่นที่จะต่อยอดผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ขยายไปสู่รถยนต์รุ่นอื่นๆ อีกในอนาคต
ยอดขายรวมของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด จากข้อมูลของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น

พริอุส 3,984,600 คัน

พริอุส อัลฟ่า , พริอุส วี , พริอุส + 671,200 คัน
อะควา , พริอุส ซี 1,380,100 คัน
คัมรี ไฮบริด 614,700 คัน
อัลพาร์ด ไฮบริด1 74,900 คัน
ออริส ไฮบริด 378,000 คัน
วิทซ์ ไฮบริด , ยาริส ไฮบริด 302,700 คัน
อวาลอน ไฮบริด 55,200 คัน
ไฮแลนเดอร์ ไฮบริด , คลูเกอร์ ไฮบริด2 156,300 คัน
ราฟ 4 ไฮบริด 109,700 คัน
ซี-เอชอาร์ ไฮบริด 23,600 คัน
โคโรลล่า ไฮบริด 47,600 คัน
เลวิน ไฮบริด 30,000 คัน
เวลไฟร์ ไฮบริด 39,400 คัน
ซาย 100,400 คัน
เอสติมา ไฮบริด , พรีเวีย ไฮบริด 120,000 คัน
แฮริเออร์ ไฮบริด 69,000 คัน
คราวน์ ไฮบริด 172,200 คัน
คราวน์ ไมลด์ ไฮบริด3 6,500 คัน
โคโรลล่า แอ๊กซิโอ ไฮบริด 57,100 คัน
โคโรลล่า ฟิลเดอร์ ไฮบริด 135,400 คัน
ว็อกซี ไฮบริด 94,600 คัน
โนอาห์ ไฮบริด 72,000 คัน
เอสไควร์ ไฮบริด 67,600 คัน
เซียนต้า ไฮบริด 80,000 คัน
เลกซัส แอลเอส 600 เอช /600 เอชแอล 42,200 คัน
เลกซัส จีเอส 450 เอช /300 เอช 58,800 คัน
เลกซัส อาร์เอ็กซ์ 400 เอช /450 เอช 363,000 คัน
เลกซัส เอชเอส 250 เอช 68,100 คัน
เลกซัส ซีที 200 เอช 290,800 คัน
เลกซัส อีเอส 300 เอช 143,200 คัน
เลกซัส ไอเอส 300 เอช 59,300 คัน
เลกซัส เอ็นเอ็กซ์ 300 เอช 90,400 คัน
เลกซัส อาร์ซี 300 เอช 5,700 คัน
พริอุส พีเอชวี 79,300 คัน

โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ภาคภูมิใจที่จะประกาศว่าบริษัทฯมียอดขายรถยนต์ไฮบริดรวมทั่วโลกอยู่ที่ 10.05 ล้านคัน ณ วันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นการบรรลุเป้ายอดขาย 10 ล้านคัน โดยยอดขายดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จเชิงตัวเลขเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังอันยั่งยืนของเทคโนโลยีในการช่วยลดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โตโยต้า ให้ความสำคัญในการพยายามช่วยลดผลกระทบจากรถยนต์มีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยาวนาน เราเชื่อว่าหากผู้คนขับขี่ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแพร่หลาย จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้สังคมได้ในที่สุด ด้วยเหตุผลดังกล่าว โตโยต้า จึงพยายามนำเสนอรถยนต์ไฮบริดให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง

ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2540 โตโยต้า เปิดตัวรถโคสเตอร์ ไฮบริด อีวี ต่อมาในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โตโยต้าได้แนะนำโตโยต้า พริอุส รถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาผลิตเพื่อจำหน่าย หลังจากนั้น รถยนต์ไฮบริดของ โตโยต้า ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้ใช้ทั่วโลก ทั้งนี้การบรรลุเป้าหมาย 10 ล้านคันในครั้งนี้ สามารถทำได้ภายในช่วงเวลาเพียง 9 เดือนหลังจากที่ยอดขายรวมแตะหลัก 9 ล้านคันเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2559

การลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนับวันก็ยิ่งจะกลายเป็นประเด็นปัญหาระดับโลกมากขึ้น รถพริอุสรุ่นแรกถือเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นเพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในศตวรรษที่ 21 นี้ ทีมงานที่พัฒนารถ พริอุสเชื่อมั่นว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องพัฒนายานยนต์ไฮบริดเพื่อโลกอนาคต และแทนที่จะเลือกทำแต่เรื่องง่ายๆ พวกเขากลับเชื่อว่าตนเองต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมนี้ให้สำเร็จ

ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าว ในที่สุดทีมงานนี้ก็ได้เปิดตัวรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริดมาผลิตเพื่อขายเป็นจำนวนมากให้ทั่วโลกได้สัมผัสและครอบครอง และเป็นที่ชัดเจนว่าผู้คนต่างนิยมใช้รถยนต์พริอุสอย่างแพร่หลายจนถึงขั้นที่คำว่าพริอุสกลายเป็นคำติดปากที่สื่อถึง “ยานหาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นอกจากนี้ ระบบ (Toyota Hybrid System – THS) ที่ติดตั้งในพริอุสรุ่นแรกก็ถูกพัฒนาไปอีกขั้นให้เป็นระบบ THS II ในปี 2546 โดยระบบนี้ถูกติดตั้งเป็นระบบขับเคลื่อนในรถไฮบริดของ โตโยต้า อีกหลายรุ่น

ต่อมาในพริอุสรุ่นที่สี่ ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มโตโยต้า นิว โกลบอล อาร์คิเทคเจอร์ (Toyota New Global Architecture – TNGA2 ) ก็ถูกพัฒนาให้เป็นรถที่นอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นทางเลือกให้ผู้ขับขี่ที่มองหารถยนต์ที่ขับสนุกไปพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือระดับอีกด้วย

โตโยต้า เปิดตัวรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว นับตั้งแต่นั้นมา อุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ด้วยความนิยมในตัวรถพริอุสที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ลูกค้าเริ่มคำนึงถึงปัจจัยเรื่องสมรรถนะด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเกณฑ์มาตรฐานอีกข้อในการเลือกซื้อรถ

จากการที่บริษัทรถยนต์ค่ายต่างๆ เริ่มพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้เกิดประเภทตลาดรถยนต์ที่เรียกว่า “รถไฮบริด” เพิ่มขึ้นมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ทุกวันนี้ลูกค้าทั่วโลกต่างก็เลือกซื้อรถไฮบริดและรถประหยัดพลังงานมากขึ้น หมายถึงอุตสาหกรรมยานยนต์เข้ามามีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในระดับโลกได้ ถึงแม้ โตโยต้า จะสามารถบรรลุเป้ายอดขายรถไฮบริด 10 ล้านคันได้แล้ว แต่โตโยต้าจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เราจะเดินหน้าสร้างสรรค์รถยนต์ที่ดียิ่งกว่านี้เพื่อลูกค้าของเราต่อไป ทาเคชิ อูชิยามาดะ กรรมการบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ตอนที่เราเปิดตัวพริอุส ไม่มีใครรู้เลยว่าไฮบริดคืออะไร ผู้คนต่างเรียกคนที่เลือกขับพริอุสว่าเป็นพวกบ้าเทคโนโลยีหรืออะไรทำนองนั้น แต่พอมาถึงวันนี้ ต้องบอกว่าเป็นเพราะกลุ่มลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่ให้โอกาสเราด้วยการเลือกใช้พริอุสนั่นเองครับที่ทำให้รถไฮบริดได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังช่วยกันขับเคลื่อนความสำเร็จของนวัตกรรมที่ไม่มีใครรู้จักกันในตอนแรก ให้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในทุกวันนี้ เราขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ช่วยผลักดันให้โตโยต้าบรรลุเป้ายอดขายรถไฮบริด 10 ล้านคันได้ และขอมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าทำหน้าที่ของเราต่อไปด้วยกันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม”

ในวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา โตโยต้า คาดการณ์ว่าการขับขี่รถยนต์ไฮบริดของโตโยต้า แทนที่การขับขี่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงแบบธรรมดาที่มีขนาดเดียวกันและสมรรถนะการขับขี่ไม่ต่างกันนั้นจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 77 ล้านตัน ตลอดจนสามารถประหยัดน้ำมันได้ราว 29 ล้านกิโลลิตรทีเดียว

เมื่อเดือนตุลาคม 2558 ได้ประกาศแผน Toyota Environmental Challenge 2050 ซึ่งมุ่งตั้งเป้าลดผลกระทบด้านลบของรถยนต์ต่อสิ่งแวดล้อมในระดับโลกให้เหลือใกล้เคียงศูนย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตลอดจนมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน ทั้งนี้ โตโยต้า กำหนดให้เทคโนโลยีไฮบริดเป็นเทคโนโลยีหลักที่จะช่วยผลักดันให้บรรลุพันธกิจด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมในศตวรรษที่ 21 โดยเทคโนโลยีไฮบริดหมายรวมถึงเทคโนโลยีทุกอย่างที่นำมาใช้เพื่อพัฒนาขึ้นเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้าและเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงแบบผสมผสานหลายรูปแบบ ทั้งนี้ โตโยต้ามุ่งมั่นที่จะต่อยอดผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ขยายไปสู่รถยนต์รุ่นอื่นๆ อีกในอนาคต ยอดขายรวมของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด จากข้อมูลของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น

พริอุส 3,984,600 คัน

พริอุส อัลฟ่า , พริอุส วี , พริอุส + 671,200 คัน อะควา , พริอุส ซี 1,380,100 คัน คัมรี ไฮบริด 614,700 คัน อัลพาร์ด ไฮบริด1 74,900 คัน ออริส ไฮบริด 378,000 คัน วิทซ์ ไฮบริด , ยาริส ไฮบริด 302,700 คัน อวาลอน ไฮบริด 55,200 คัน ไฮแลนเดอร์ ไฮบริด , คลูเกอร์ ไฮบริด2 156,300 คัน ราฟ 4 ไฮบริด 109,700 คัน ซี-เอชอาร์ ไฮบริด 23,600 คัน โคโรลล่า ไฮบริด 47,600 คัน เลวิน ไฮบริด 30,000 คัน เวลไฟร์ ไฮบริด 39,400 คัน ซาย 100,400 คัน เอสติมา ไฮบริด , พรีเวีย ไฮบริด 120,000 คัน แฮริเออร์ ไฮบริด 69,000 คัน คราวน์ ไฮบริด 172,200 คัน คราวน์ ไมลด์ ไฮบริด3 6,500 คัน โคโรลล่า แอ๊กซิโอ ไฮบริด 57,100 คัน โคโรลล่า ฟิลเดอร์ ไฮบริด 135,400 คัน ว็อกซี ไฮบริด 94,600 คัน โนอาห์ ไฮบริด 72,000 คัน เอสไควร์ ไฮบริด 67,600 คัน เซียนต้า ไฮบริด 80,000 คัน เลกซัส แอลเอส 600 เอช /600 เอชแอล 42,200 คัน เลกซัส จีเอส 450 เอช /300 เอช 58,800 คัน เลกซัส อาร์เอ็กซ์ 400 เอช /450 เอช 363,000 คัน เลกซัส เอชเอส 250 เอช 68,100 คัน เลกซัส ซีที 200 เอช 290,800 คัน เลกซัส อีเอส 300 เอช 143,200 คัน เลกซัส ไอเอส 300 เอช 59,300 คัน เลกซัส เอ็นเอ็กซ์ 300 เอช 90,400 คัน เลกซัส อาร์ซี 300 เอช 5,700 คัน พริอุส พีเอชวี 79,300 คัน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!