ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัวโปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉิน พร้อมชวนเช็ค 5 ข้อก่อนออกเดินทางอย่างปลอดภัยในช่วงวันหยุดยาว


กรุงเทพฯ 9 เมษายน 2564 – ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัว “โปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉิน” (Triumph Roadside Assistance Extension Programme) นานสูงสุดถึง 4 ปี จากเดิมที่มาตรฐานคุ้มครองเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อเป็นการเพิ่มความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ไม่ว่าจะขับขี่รถไทรอัมพ์อยู่ที่ไหนก็ตาม โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองที่ต้องการได้ ทั้งโปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบ 1 ปี และแบบ 2 ปี รวมความคุ้มครองสูงสุดที่ 4 ปี โดยโปรแกรมขยายบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจะเริ่มใช้งานได้หลังจากที่โปรแกรมการช่วยเหลือฉุกเฉินเดิม (2 ปี) สิ้นสุดลง ทั้งนี้ บริการพิเศษดังกล่าวสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ที่อายุไม่เกิน 2 ปีนับตั้งแต่วันส่งมอบรถ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและซื้อบริการดังกล่าวได้ที่ผู้แทนจำหน่ายไทรอัมพ์ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป

นางสาวจิราพร สำเร็จกิจเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ไทรอัมพ์ฯ ได้เปิดตัว “โปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉิน” (Triumph Roadside Assistance Extension Programme) เพิ่มเติมสูงสุดถึง 2 ปี โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองที่ต้องการเพิ่มได้ ประกอบด้วย โปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบ 1 ปี ราคา 1,100 บาท และโปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบ 2 ปี ราคา 1,980 บาท รวมความคุ้มครองสูงสุดที่ 4 ปี ให้ลูกค้าไทรอัมพ์ฯ อุ่นใจในทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม และเนื่องในช่วงวันหยุดยาวซึ่งเป็นโอกาสในการออกเดินทางท่องเที่ยวของหลายคน ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ คำนึงถึงความปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่าง (Social distancing) เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ

นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่มีแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ ไทรอัมพ์ยังได้แนะนำ 5 วิธีการตรวจเช็คสภาพรถด้วยตัวเองก่อนออกเดินทาง เพื่อความมั่นใจให้คุณขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัยตลอดทริป นอกจากการตรวจเช็คสภาพรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ตัวผู้ขับขี่เองต้องตรวจสอบตัวเองให้มีความพร้อมในการขับขี่เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางด้วยเช่นกัน เพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้นสำหรับการเดินทางไกลในช่วงหยุดยาวนี้ ควรนำรถจักรยานยนต์เข้าตรวจเช็คสภาพที่ศูนย์บริการโดยช่างเทคนิคมืออาชีพ โดยสามารถจองเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานไทรอัมพ์ทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ โดยสามารถจองเข้ารับบริการแบบออนไลน์ (Online Booking Service) ล่วงหน้า ได้ที่ https://www.triumphmotorcycles.co.th/

1. เช็คระบบสัญญาณไฟ แตร และปุ่มกดต่าง ๆ

สัญญาณไฟและแตร เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งไฟส่องสว่างในเวลากลางคืน และระบบไฟสัญญาณเตือนต่าง ๆ เพื่อใช้ในการส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่ร่วมถนน ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟเบรก และแตร ผู้ขับขี่ควรทดลองเปิดใช้งานระบบไฟทุกส่วน เพื่อทดสอบว่าระบบไฟให้ความส่องสว่างที่เพียงพอ มองได้อย่างเห็นชัดเจนหรือไม่ รวมถึงทดลองบีบแตร และปุ่มกดต่าง ๆ บนตัวรถว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ หากมีส่วนใดที่บกพร่องหรือใช้งานไม่ได้ จะต้องเปลี่ยนหรือซ่อมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนออกเดินทาง

2. เช็ควงล้อ ลมยาง และเนื้อยาง

ผู้ขับขี่จะต้องตรวจเช็ควงล้อว่ามีความคดหรือเบี้ยวหรือไม่ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุในการขับขี่ได้ รวมถึงต้องตรวจเช็คความดันลมยาง ทั้งที่ล้อหน้าและล้อหลังให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป อีกทั้งต้องตรวจดูเนื้อยางว่ามีรอยแตกลายงาหรือรอยปริหรือไม่ ในขณะที่ร่องดอกยางต้องอยู่ในสภาพที่ไม่ดูโล้น และควรมีขนาดความลึกไม่น้อยกว่า 3 – 4 มิลลิเมตร

3. ตรวจสอบระบบเบรก และระดับน้ำมันเบรก

ระบบหยุดรถ หรือเบรกเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในทุกการขับขี่ ผู้ขับขี่จะต้องเช็คการทำงานทั้งเบรกหน้าและเบรกหลัง โดยทดลองกำเบรกและสังเกตดูการหยุดรถซึ่งจะรถจะต้องสามารถหยุดได้ทันที นอกจากนี้ควรตรวจเช็คระดับน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่กำหนด และไม่มีการรั่วซึมตามสายและหัวน็อตด้วย

4. ตรวจเช็คระบบขับเคลื่อน โดยเฉพาะโซ่

โซ่มีความสำคัญต่อการขับขี่ไม่แพ้กันเพราะเป็นระบบส่งต่อกำลังของเครื่องยนต์ ซึ่งมีผลต่อความเร็วของรถจักรยานยนต์ อีกทั้งมีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ควรป้องกันไม่ให้โซ่เกิดสนิม โดยสภาพการใช้งานของโซ่จะต้องไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป ซึ่งค่ามาตรฐานความตึงของโซ่ ควรอยู่ที่ประมาณ 25 – 30 มม. สามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้เพียงแค่ลองดึงโซ่โดยใช้มือหรือของแข็ง และตรวจสอบดูว่าระยะฟรีที่สามารถดึงโซ่ออกมาได้ว่าอยู่ในระหว่างค่าที่กำหนดหรือไม่ หากระยะที่ดึงออกมามีค่าสูงหรือต่ำกว่าค่ามาตรฐาน จะต้องปรับตั้งค่าใหม่เพื่อความปลอดภัย

5. ตรวจวัดระดับของเหลว

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องใช้การตรวจสอบมากกว่าแค่การตรวจดูภายนอก ก็คือการตรวจวัดระดับของเหลว โดยผู้ขับขี่จะต้องตรวจเช็คระดับของเหลวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันรถ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และระดับน้ำในหม้อน้ำ เพื่อให้เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยก่อนออกเดินทางในช่วงวันหยุดยาว ควรนำเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนถ่ายของเหลวเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก ๆ 6 เดือน หรือตามที่คู่มือแนะนำ

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand

#TriumphMotorcyclesThailand #RoadsideAssistance #ForTheRide #JCCOTH

เกี่ยวกับ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์:

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1902 มีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน มีบริษัทสาขาทั้งในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย จีนและไทย ซึ่งทางบริษัทเข้ามาทำการตลาดและจัดจำหน่ายในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 โดยมอเตอร์ไซค์ของ ไทรอัมพ์ มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 650 รายทั่วโลก บริษัทฯ มีฐานการผลิตจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่งที่ฮิงค์ลีย์ เขตเลสเตอร์ไชร์ อังกฤษและที่ประเทศไทย รวมทั้งมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ในบราซิลและอินเดีย ปัจจุบันมีการผลิตรถจักรยานยนต์ราว 65,000 คันต่อปี โดยหัวใจหลักในการทำงานของ ไทรอัมพ์ คือ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

กรุงเทพฯ 9 เมษายน 2564 – ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เปิดตัว “โปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉิน” (Triumph Roadside Assistance Extension Programme) นานสูงสุดถึง 4 ปี จากเดิมที่มาตรฐานคุ้มครองเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อเป็นการเพิ่มความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ไม่ว่าจะขับขี่รถไทรอัมพ์อยู่ที่ไหนก็ตาม โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองที่ต้องการได้ ทั้งโปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบ 1 ปี และแบบ 2 ปี รวมความคุ้มครองสูงสุดที่ 4 ปี โดยโปรแกรมขยายบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจะเริ่มใช้งานได้หลังจากที่โปรแกรมการช่วยเหลือฉุกเฉินเดิม (2 ปี) สิ้นสุดลง ทั้งนี้ บริการพิเศษดังกล่าวสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ที่อายุไม่เกิน 2 ปีนับตั้งแต่วันส่งมอบรถ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและซื้อบริการดังกล่าวได้ที่ผู้แทนจำหน่ายไทรอัมพ์ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นไป

นางสาวจิราพร สำเร็จกิจเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ไทรอัมพ์ฯ ได้เปิดตัว “โปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉิน” (Triumph Roadside Assistance Extension Programme) เพิ่มเติมสูงสุดถึง 2 ปี โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองที่ต้องการเพิ่มได้ ประกอบด้วย โปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบ 1 ปี ราคา 1,100 บาท และโปรแกรมขยายบริการการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบ 2 ปี ราคา 1,980 บาท รวมความคุ้มครองสูงสุดที่ 4 ปี ให้ลูกค้าไทรอัมพ์ฯ อุ่นใจในทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม และเนื่องในช่วงวันหยุดยาวซึ่งเป็นโอกาสในการออกเดินทางท่องเที่ยวของหลายคน ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ คำนึงถึงความปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงสนับสนุนการปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่าง (Social distancing) เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ

นางสาวจิราพร กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่มีแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ ไทรอัมพ์ยังได้แนะนำ 5 วิธีการตรวจเช็คสภาพรถด้วยตัวเองก่อนออกเดินทาง เพื่อความมั่นใจให้คุณขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัยตลอดทริป นอกจากการตรวจเช็คสภาพรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ตัวผู้ขับขี่เองต้องตรวจสอบตัวเองให้มีความพร้อมในการขับขี่เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางด้วยเช่นกัน เพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้นสำหรับการเดินทางไกลในช่วงหยุดยาวนี้ ควรนำรถจักรยานยนต์เข้าตรวจเช็คสภาพที่ศูนย์บริการโดยช่างเทคนิคมืออาชีพ โดยสามารถจองเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานไทรอัมพ์ทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ โดยสามารถจองเข้ารับบริการแบบออนไลน์ (Online Booking Service) ล่วงหน้า ได้ที่ https://www.triumphmotorcycles.co.th/

1. เช็คระบบสัญญาณไฟ แตร และปุ่มกดต่าง ๆ

สัญญาณไฟและแตร เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งไฟส่องสว่างในเวลากลางคืน และระบบไฟสัญญาณเตือนต่าง ๆ เพื่อใช้ในการส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่ร่วมถนน ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟเบรก และแตร ผู้ขับขี่ควรทดลองเปิดใช้งานระบบไฟทุกส่วน เพื่อทดสอบว่าระบบไฟให้ความส่องสว่างที่เพียงพอ มองได้อย่างเห็นชัดเจนหรือไม่ รวมถึงทดลองบีบแตร และปุ่มกดต่าง ๆ บนตัวรถว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ หากมีส่วนใดที่บกพร่องหรือใช้งานไม่ได้ จะต้องเปลี่ยนหรือซ่อมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนออกเดินทาง

2. เช็ควงล้อ ลมยาง และเนื้อยาง

ผู้ขับขี่จะต้องตรวจเช็ควงล้อว่ามีความคดหรือเบี้ยวหรือไม่ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุในการขับขี่ได้ รวมถึงต้องตรวจเช็คความดันลมยาง ทั้งที่ล้อหน้าและล้อหลังให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป อีกทั้งต้องตรวจดูเนื้อยางว่ามีรอยแตกลายงาหรือรอยปริหรือไม่ ในขณะที่ร่องดอกยางต้องอยู่ในสภาพที่ไม่ดูโล้น และควรมีขนาดความลึกไม่น้อยกว่า 3 – 4 มิลลิเมตร

3. ตรวจสอบระบบเบรก และระดับน้ำมันเบรก

ระบบหยุดรถ หรือเบรกเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในทุกการขับขี่ ผู้ขับขี่จะต้องเช็คการทำงานทั้งเบรกหน้าและเบรกหลัง โดยทดลองกำเบรกและสังเกตดูการหยุดรถซึ่งจะรถจะต้องสามารถหยุดได้ทันที นอกจากนี้ควรตรวจเช็คระดับน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่กำหนด และไม่มีการรั่วซึมตามสายและหัวน็อตด้วย

4. ตรวจเช็คระบบขับเคลื่อน โดยเฉพาะโซ่

โซ่มีความสำคัญต่อการขับขี่ไม่แพ้กันเพราะเป็นระบบส่งต่อกำลังของเครื่องยนต์ ซึ่งมีผลต่อความเร็วของรถจักรยานยนต์ อีกทั้งมีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ควรป้องกันไม่ให้โซ่เกิดสนิม โดยสภาพการใช้งานของโซ่จะต้องไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป ซึ่งค่ามาตรฐานความตึงของโซ่ ควรอยู่ที่ประมาณ 25 - 30 มม. สามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้เพียงแค่ลองดึงโซ่โดยใช้มือหรือของแข็ง และตรวจสอบดูว่าระยะฟรีที่สามารถดึงโซ่ออกมาได้ว่าอยู่ในระหว่างค่าที่กำหนดหรือไม่ หากระยะที่ดึงออกมามีค่าสูงหรือต่ำกว่าค่ามาตรฐาน จะต้องปรับตั้งค่าใหม่เพื่อความปลอดภัย

5. ตรวจวัดระดับของเหลว

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องใช้การตรวจสอบมากกว่าแค่การตรวจดูภายนอก ก็คือการตรวจวัดระดับของเหลว โดยผู้ขับขี่จะต้องตรวจเช็คระดับของเหลวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันรถ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และระดับน้ำในหม้อน้ำ เพื่อให้เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยก่อนออกเดินทางในช่วงวันหยุดยาว ควรนำเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนถ่ายของเหลวเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก ๆ 6 เดือน หรือตามที่คู่มือแนะนำ

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand

#TriumphMotorcyclesThailand #RoadsideAssistance #ForTheRide #JCCOTH

เกี่ยวกับ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์:

ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1902 มีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน มีบริษัทสาขาทั้งในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย จีนและไทย ซึ่งทางบริษัทเข้ามาทำการตลาดและจัดจำหน่ายในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 โดยมอเตอร์ไซค์ของ ไทรอัมพ์ มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 650 รายทั่วโลก บริษัทฯ มีฐานการผลิตจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่งที่ฮิงค์ลีย์ เขตเลสเตอร์ไชร์ อังกฤษและที่ประเทศไทย รวมทั้งมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ในบราซิลและอินเดีย ปัจจุบันมีการผลิตรถจักรยานยนต์ราว 65,000 คันต่อปี โดยหัวใจหลักในการทำงานของ ไทรอัมพ์ คือ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!