1917 LINCOLN MODEL L-รถยนต์คันแรกของค่ายลินคอล์นแบบสปอร์ตคูเป้ Fat man Steering wheel


By : C. Methas – Managing Editor

Model L เป็นรถยนต์รุ่นแรกของค่ายลินคอล์น ซึ่งผลิตออกมาจำนวน 441 คัน รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบเป็นแบบ 2 ประตู ขนาด 4 ที่นั่ง สิ้นสุดการผลิตในปี 1922 ตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 3,900 ดอลล่าร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่นวางเครื่องยนต์ แบบ วี-8 สูบ

เครื่องยนต์ใน Model L ของลินคอล์นรุ่นนี้ เป็นเครื่องยนต์ แบบ วี-8 สูบ ทำมุม 60 องศา รหัส L Series เครื่องยนต์ ขนาด 5.9 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบคาร์บูเรเตอร์คู่ วงแหวนลูกสูบจำนวน 3 วงแหวน เสื้อสูบและฝาสูบผลิตจากเหล็กหล่อ สามารถขับแรงม้าสูงสุด 80 แรงม้าที่ 2,600 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้แรงม้าต่อลิตรเท่ากับ 13.6 แรงม้าต่อลิตร

Model L วางรูปแบบเครื่องยนต์ วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 3 จังหวะแบบปรับเลื่อน รูปทรงตัวถังได้รับการออกแบบโดย Judkins ผู้ผลิตตัวถัง และความยาวฐานล้อเท่ากับ 130 นิ้ว

รถยนต์แบบ 2 ประตูคูเป้รุ่นนี้ของลินคอล์น เป็นหนึ่งในยานยนต์ที่ผลิตแบบเน้นคุณภาพสูง พวงมาลัยติดตั้งอุปกรณ์ปรับแต่งส่วนต่าง ๆ แบบที่เรียกว่า Fat man Steering wheel กระจกติดฟิล์มกรองแสงรอบคัน

ไฟหน้ารูปทรงกลมแยกซ้าย-ขวา ขอบทองเหลือง ฝากระโปรงเปิดออกแบบปรับพับด้านเดียว กระทะล้อผลิตจากเหล็ก ลวดลายหลายก้าน ซุ้มล้อออกแบบลาดเอียงต่อเนื่องบันไดข้างและซุ้มล้อหลัง รูปทรงในส่วนของตัวรถรูปทรงกล่อง

ด้านข้างตัวรถมีบันไดขนาดใหญ่ให้ความสะดวกในการเข้า-ออกห้องโดยสาร แผงกระจกหน้าแนวตั้ง มีแผงบังแดด กรอบประตูผลิตจากไม้ พวงมาลัยผลิตจากไม้เช่นกันโดยโครงพวงมาลัยผลิตจากอะลูมิเนียม ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยผ้า เบาะที่นั่งด้านท้ายแบบโซฟา ขนาดใหญ่มีที่วางแขนด้านข้าง

Henry M. Leland เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งค่ายรถยนต์แคดิลแลค ก่อนที่จะแยกตัวออกมาตั้งแบรนด์เนมรถยนต์ของตนเอง โดยผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรุ่น Liberty และได้ปรับเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์โดยมีพนักงานในโรงงานถึง 6,000 คน จนกระทั่งขายกิจการให้กับฟอร์ด มอเตอร์ ซึ่งปัจจุบันแบรนด์เนมรถยนต์ ลินคอล์นยังอยู่ในเครือข่ายของฟอร์ด มอเตอร์

ต่อมารถยนต์รุ่นนี้พัฒนาต่อเนื่องหลังจากเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของฟอร์ด มอเตอร์ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงภายนอกใหม่ในแบบไมเนอร์เชนจ์ และความยาวฐานล้อได้ขยายยาวออกไป จนกระทั่งสิ้นสุดการผลิตไปในปี 1931 โดยมีรุ่น Model K เข้ามาแทนที่

Lincoln แบรนด์เนมรถยนต์ที่นำชื่อของอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกามาตั้งชื่อ เนื่องจาก Henry M. Leland มีความชื่นชอบประธานาธิบดี Abraham Lincoln เป็นอย่างมาก และรถยนต์ของค่ายนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาด จากการผลิตรถยนต์ที่เน้นคุณภาพและเน้นความหรูหรา

By : C. Methas - Managing Editor

Model L เป็นรถยนต์รุ่นแรกของค่ายลินคอล์น ซึ่งผลิตออกมาจำนวน 441 คัน รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบเป็นแบบ 2 ประตู ขนาด 4 ที่นั่ง สิ้นสุดการผลิตในปี 1922 ตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 3,900 ดอลล่าร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่นวางเครื่องยนต์ แบบ วี-8 สูบ

เครื่องยนต์ใน Model L ของลินคอล์นรุ่นนี้ เป็นเครื่องยนต์ แบบ วี-8 สูบ ทำมุม 60 องศา รหัส L Series เครื่องยนต์ ขนาด 5.9 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบคาร์บูเรเตอร์คู่ วงแหวนลูกสูบจำนวน 3 วงแหวน เสื้อสูบและฝาสูบผลิตจากเหล็กหล่อ สามารถขับแรงม้าสูงสุด 80 แรงม้าที่ 2,600 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้แรงม้าต่อลิตรเท่ากับ 13.6 แรงม้าต่อลิตร

Model L วางรูปแบบเครื่องยนต์ วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 3 จังหวะแบบปรับเลื่อน รูปทรงตัวถังได้รับการออกแบบโดย Judkins ผู้ผลิตตัวถัง และความยาวฐานล้อเท่ากับ 130 นิ้ว

รถยนต์แบบ 2 ประตูคูเป้รุ่นนี้ของลินคอล์น เป็นหนึ่งในยานยนต์ที่ผลิตแบบเน้นคุณภาพสูง พวงมาลัยติดตั้งอุปกรณ์ปรับแต่งส่วนต่าง ๆ แบบที่เรียกว่า Fat man Steering wheel กระจกติดฟิล์มกรองแสงรอบคัน

ไฟหน้ารูปทรงกลมแยกซ้าย-ขวา ขอบทองเหลือง ฝากระโปรงเปิดออกแบบปรับพับด้านเดียว กระทะล้อผลิตจากเหล็ก ลวดลายหลายก้าน ซุ้มล้อออกแบบลาดเอียงต่อเนื่องบันไดข้างและซุ้มล้อหลัง รูปทรงในส่วนของตัวรถรูปทรงกล่อง

ด้านข้างตัวรถมีบันไดขนาดใหญ่ให้ความสะดวกในการเข้า-ออกห้องโดยสาร แผงกระจกหน้าแนวตั้ง มีแผงบังแดด กรอบประตูผลิตจากไม้ พวงมาลัยผลิตจากไม้เช่นกันโดยโครงพวงมาลัยผลิตจากอะลูมิเนียม ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยผ้า เบาะที่นั่งด้านท้ายแบบโซฟา ขนาดใหญ่มีที่วางแขนด้านข้าง

Henry M. Leland เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งค่ายรถยนต์แคดิลแลค ก่อนที่จะแยกตัวออกมาตั้งแบรนด์เนมรถยนต์ของตนเอง โดยผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินรุ่น Liberty และได้ปรับเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์โดยมีพนักงานในโรงงานถึง 6,000 คน จนกระทั่งขายกิจการให้กับฟอร์ด มอเตอร์ ซึ่งปัจจุบันแบรนด์เนมรถยนต์ ลินคอล์นยังอยู่ในเครือข่ายของฟอร์ด มอเตอร์

ต่อมารถยนต์รุ่นนี้พัฒนาต่อเนื่องหลังจากเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของฟอร์ด มอเตอร์ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงภายนอกใหม่ในแบบไมเนอร์เชนจ์ และความยาวฐานล้อได้ขยายยาวออกไป จนกระทั่งสิ้นสุดการผลิตไปในปี 1931 โดยมีรุ่น Model K เข้ามาแทนที่

Lincoln แบรนด์เนมรถยนต์ที่นำชื่อของอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกามาตั้งชื่อ เนื่องจาก Henry M. Leland มีความชื่นชอบประธานาธิบดี Abraham Lincoln เป็นอย่างมาก และรถยนต์ของค่ายนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาด จากการผลิตรถยนต์ที่เน้นคุณภาพและเน้นความหรูหรา

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!