1925 BUGATTI TYPE 35C-สปอร์ตตัวแข่งในศึกกรังด์ปรีซ์ยุคทศวรรษที่ 20 อีกหนึ่งตำนานแชมป์เอฟ-วัน


By : C. Methas – Managing Editor

Bugatti แบรนด์เนมรถยนต์สปอร์ตระดับหรูหราที่กำเนิดมาจากรถแข่งที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ในสนามแข่งด้วยการคว้าแชมป์ในหลายรายการที่ยุโรป โดยค่ายรถยนต์แห่งนี้มีต้นกำเนิดในฝรั่งเศส ก่อตั้งโดย Ettore Bugatti ปัจจุบันได้เข้าไปอยู่ในเครือข่ายของโฟล์คสวาเก้น โดยอยู่ในความดูแลของออดี้

Bugatti Type 35 C รุ่นปี ค.ศ. 1925 ผลิตสำหรับส่งลงแข่งขันในสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยลงแข่งขันในศึกกรังด์ปรีซ์ฤดูกาล ค.ศ. 1924 เป็นครั้งแรก และลงแข่งขันในอีกหลายปีต่อมา สปอร์ตตัวแข่งรุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งตำนานของรถแข่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในสนามแข่ง

ในส่วนของเครื่องยนต์ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี ค.ศ. 1927 ได้นำมาติดตั้งระบบซูเปอร์ชาร์จ แม้ว่าเครื่องยนต์จะให้พละกำลังแรงม้าไม่มาก แต่ด้วยการพัฒนาในส่วนของการลดน้ำหนักและระบบกันสะเทือนที่ให้การยึดเกาะถนนได้ดี การควบคุมการขับขี่ที่ดีกว่า ระบบเบรกแบบสายเคเบิ้ลซึ่งเป็นการพัฒนาใหม่ล่าสุดสำหรับในยุคทศวรรษที่ 20 ให้ประสิทธิภาพการเบรกที่ดีกว่า

จากงานประกวดรถยนต์โบราณที่งาน Pebble Beach ในปี ค.ศ. 1979 รถรุ่นนี้คว้ารางวัล First in Class ไปครองและไปคว้ารางวัลที่งาน Monterey Historics ในปี ค.ศ. 1980 โดยเป็นรถแข่งในยุคก่อนสงครามที่ออกแบบสวยงามคันหนึ่งของค่ายบูกัตติและเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จในสนามแข่ง

รถแข่งของบูกัตติรุ่นนี้สามารถคว้าแชมป์ได้ในรายการแข่งขันต่าง ๆ มากกกว่า 1,000 รายการ และในรายการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ ฤดูกาล ค.ศ. 1926 คว้าแชมป์โลกไปครองด้วยการลงแข่ง 351 สนาม โดยในระหว่างช่วง 2 ปีของการลงสนาม ทำลายสถิติไปถึง 47 รายการ และระหว่างปี ค.ศ. 1925-1929 สามารถคว้าชัยชนะเหนือรุ่น Targa Florio ได้อย่างต่อเนื่อง

Bugatti Type 35 คันแรกได้รับการผลิตเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1924 ได้รับการวางเครื่องยนต์ที่โมดิฟายมาจากเครื่องยนต์ที่วางไว้ในรุ่น Type 29 เป็นเครื่องขนาด 2.0 ลิตร จำนวน 3 วาล์ว แบบ 8 สูบแถวเรียง ระบบวาล์วเหนือฝาสูบ แหวนลูกสูบจำนวน 5 แหวน สามารถขับแรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า

ระบบกันสะเทือนเป็นแบบแหนบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ระบบเบรกแบบดรัมเบรกด้านท้ายโดยใช้สายเบรกแบบเคเบิ้ล

Bugatti Type 35 ได้รับการผลิตออกจากทั้งสิ้น 96 คัน ซึ่งต่อมาได้เป็นต้นแบบให้กับรถแข่งที่พัฒนาต่อเนื่องหลายรุ่น ประกอบด้วยรุ่น Type 35 A หรือที่มีชื่อเรียกว่า Tecla ซึ่งผลิตตามออกมาในปี ค.ศ. 1925 เป็นรุ่นราคาไม่แพงของตระกูล Type 35 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1925 โดยชื่อ Tecla เป็นชื่อที่มาจากเพชร

เครื่องยนต์ในรุ่น Type 35 A เป็นเครื่องบล็อกเดียวกับที่วางไว้ในรุ่น Type 30 โดยมีแหวนลูกสูบจำนวน 3 วงแหวน วาล์วขนาดเล็ก ให้แรงม้าน้อยกว่า ผลิตออกมาจำนวน 139 คัน

Type 35 C เป็นรุ่นที่วางเครื่องยนต์ แบบ 8 สูบแถวเรียง ติดซูเปอร์ชาร์จ ขนาด 2.0 ลิตระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ จำนวนวาล์ว 24 วาล์ว เพลาราวลิ้นเดี่ยวเหนือฝาสูบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ สามารถรีดแรงม้าสูงสุด 95 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้แรงม้าต่อลิตร 47.5 แรงม้าต่อลิตร และเฉลี่ยให้พละกำลังต่อน้ำหนักเท่ากับ 17.4 ปอนด์ต่อแรงม้า โดยรอบเครื่องยนต์ที่ขีดแดงที่ 5,500 รอบต่อนาที อัตราทดเฟืองท้ายเท่ากับ 3.6:1

สปอร์ตเวอร์ชั่นสนามแข่งรุ่นนี้ได้รับการวางรูปแบบวางเครื่องด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง โดยระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ

สมรรถนะการทำความเร็วสูงสุดที่ 188.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีน้ำหนักรถเปล่าเท่ากับ 750 กก. ผลิตออกมาเพียง 45 คันเท่านั้น ผลงานที่ยิ่งใหญ่ของสปอร์ตรุ่นนี้ ไปคว้าแชมป์ในศึกเฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ ฤดูกาล ค.ศ. 1929

By : C. Methas - Managing Editor

Bugatti แบรนด์เนมรถยนต์สปอร์ตระดับหรูหราที่กำเนิดมาจากรถแข่งที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ในสนามแข่งด้วยการคว้าแชมป์ในหลายรายการที่ยุโรป โดยค่ายรถยนต์แห่งนี้มีต้นกำเนิดในฝรั่งเศส ก่อตั้งโดย Ettore Bugatti ปัจจุบันได้เข้าไปอยู่ในเครือข่ายของโฟล์คสวาเก้น โดยอยู่ในความดูแลของออดี้

Bugatti Type 35 C รุ่นปี ค.ศ. 1925 ผลิตสำหรับส่งลงแข่งขันในสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยลงแข่งขันในศึกกรังด์ปรีซ์ฤดูกาล ค.ศ. 1924 เป็นครั้งแรก และลงแข่งขันในอีกหลายปีต่อมา สปอร์ตตัวแข่งรุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งตำนานของรถแข่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในสนามแข่ง

ในส่วนของเครื่องยนต์ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี ค.ศ. 1927 ได้นำมาติดตั้งระบบซูเปอร์ชาร์จ แม้ว่าเครื่องยนต์จะให้พละกำลังแรงม้าไม่มาก แต่ด้วยการพัฒนาในส่วนของการลดน้ำหนักและระบบกันสะเทือนที่ให้การยึดเกาะถนนได้ดี การควบคุมการขับขี่ที่ดีกว่า ระบบเบรกแบบสายเคเบิ้ลซึ่งเป็นการพัฒนาใหม่ล่าสุดสำหรับในยุคทศวรรษที่ 20 ให้ประสิทธิภาพการเบรกที่ดีกว่า

จากงานประกวดรถยนต์โบราณที่งาน Pebble Beach ในปี ค.ศ. 1979 รถรุ่นนี้คว้ารางวัล First in Class ไปครองและไปคว้ารางวัลที่งาน Monterey Historics ในปี ค.ศ. 1980 โดยเป็นรถแข่งในยุคก่อนสงครามที่ออกแบบสวยงามคันหนึ่งของค่ายบูกัตติและเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จในสนามแข่ง

รถแข่งของบูกัตติรุ่นนี้สามารถคว้าแชมป์ได้ในรายการแข่งขันต่าง ๆ มากกกว่า 1,000 รายการ และในรายการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ ฤดูกาล ค.ศ. 1926 คว้าแชมป์โลกไปครองด้วยการลงแข่ง 351 สนาม โดยในระหว่างช่วง 2 ปีของการลงสนาม ทำลายสถิติไปถึง 47 รายการ และระหว่างปี ค.ศ. 1925-1929 สามารถคว้าชัยชนะเหนือรุ่น Targa Florio ได้อย่างต่อเนื่อง

Bugatti Type 35 คันแรกได้รับการผลิตเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1924 ได้รับการวางเครื่องยนต์ที่โมดิฟายมาจากเครื่องยนต์ที่วางไว้ในรุ่น Type 29 เป็นเครื่องขนาด 2.0 ลิตร จำนวน 3 วาล์ว แบบ 8 สูบแถวเรียง ระบบวาล์วเหนือฝาสูบ แหวนลูกสูบจำนวน 5 แหวน สามารถขับแรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า

ระบบกันสะเทือนเป็นแบบแหนบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ระบบเบรกแบบดรัมเบรกด้านท้ายโดยใช้สายเบรกแบบเคเบิ้ล

Bugatti Type 35 ได้รับการผลิตออกจากทั้งสิ้น 96 คัน ซึ่งต่อมาได้เป็นต้นแบบให้กับรถแข่งที่พัฒนาต่อเนื่องหลายรุ่น ประกอบด้วยรุ่น Type 35 A หรือที่มีชื่อเรียกว่า Tecla ซึ่งผลิตตามออกมาในปี ค.ศ. 1925 เป็นรุ่นราคาไม่แพงของตระกูล Type 35 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1925 โดยชื่อ Tecla เป็นชื่อที่มาจากเพชร

เครื่องยนต์ในรุ่น Type 35 A เป็นเครื่องบล็อกเดียวกับที่วางไว้ในรุ่น Type 30 โดยมีแหวนลูกสูบจำนวน 3 วงแหวน วาล์วขนาดเล็ก ให้แรงม้าน้อยกว่า ผลิตออกมาจำนวน 139 คัน

Type 35 C เป็นรุ่นที่วางเครื่องยนต์ แบบ 8 สูบแถวเรียง ติดซูเปอร์ชาร์จ ขนาด 2.0 ลิตระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ จำนวนวาล์ว 24 วาล์ว เพลาราวลิ้นเดี่ยวเหนือฝาสูบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ สามารถรีดแรงม้าสูงสุด 95 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้แรงม้าต่อลิตร 47.5 แรงม้าต่อลิตร และเฉลี่ยให้พละกำลังต่อน้ำหนักเท่ากับ 17.4 ปอนด์ต่อแรงม้า โดยรอบเครื่องยนต์ที่ขีดแดงที่ 5,500 รอบต่อนาที อัตราทดเฟืองท้ายเท่ากับ 3.6:1

สปอร์ตเวอร์ชั่นสนามแข่งรุ่นนี้ได้รับการวางรูปแบบวางเครื่องด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง โดยระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ

สมรรถนะการทำความเร็วสูงสุดที่ 188.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีน้ำหนักรถเปล่าเท่ากับ 750 กก. ผลิตออกมาเพียง 45 คันเท่านั้น ผลงานที่ยิ่งใหญ่ของสปอร์ตรุ่นนี้ ไปคว้าแชมป์ในศึกเฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ ฤดูกาล ค.ศ. 1929

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!