2014 DAKAR RALLY (Part 1) -ศึกแรลลี่หฤโหดปีนี้แข่งเดือดตั้งแต่ออกสตาร์ท


By : C. Methas – Managing Editor

ศึกดักการ์ แรลลี่ประจำปี 2014 เริ่มออกสตาร์ทกันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมาจากเมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนติน่าและจะไปสิ้นสุดที่เมืองวัลพาไรโซ ประเทศชิลีในวันที่ 18 มกราคมนี้ซึ่งจะทำการแข่งขันรวมทั้งหมด 13 สเตจ หยุดพักการแข่งขันในวันที่ 11 มกราคม

เส้นทางการแข่งขันศึกดักการ์ แรลลี่ปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่โดยผ่าน 3 ประเทศจากอาร์เจนติน่าเข้าสู่ประเทศโบลิเวียและไปสิ้นสุดที่ประเทศชิลี รวมระยะทางการแข่งขัน 9,374 กิโลเมตร ที่ผ่านเส้นทางหฤโหดหลากหลายรูปแบบซึ่งในปีนี้ยังคงมีรถแข่งเข้าร่วมแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกันประกอบด้วยประเภทรถยนต์, มอเตอร์ไซค์, รถบรรทุกและรถอเนกประสงค์ รวมทั้งหมดมีรถแข่งเข้าร่วมแข่งขัน 431 คัน แบ่งออกเป็นประเภทรถยนต์ 147 คัน, ประเภทรถบรรทุก 70 คัน, ประเภทมอเตอร์ไซค์ 174 คันและรถอเนกประสงค์จำนวน 40 คัน

ศึกดักการ์ แรลลี่ตั้งแต่มาทำการแข่งขันในทวีปอเมริกาใต้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการแข่งขันใหม่ทุกปีเช่นเดียวกับปีนี้ได้ใช้เส้นทางเข้าไปสู่ประเทศโบลิเวียซึ่งเป็นประเทศที่ 28 ที่ได้เข้าร่วมศึกดักการ์ แรลลี่ ในปีนี้มีเส้นทางมาราธอนอยู่ 2 ช่วงระยะทางรวม 2,702 กิโลเมตร ช่วงแรกระยะทาง 1,228 กิโลเมตรและช่วงที่สองระยะทาง 1,474 กิโลเมตร

ทีมแข่งประเภทรถยนต์ปีนี้ทีมมินิเป็นทีมใหญ่ที่สุดและสเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลวัย 48 ปีแชมป์ศึกดักการ์ แรลลี่ 2 สมัยซ้อนคนล่าสุดและกวาดแชมป์ในรายการนี้ไปทั้งหมดรวม 11 สมัย ปีนี้ยังคงลงแข่งในสังกัดทีมมินิ ส่วนแชมป์ในรายการนี้เมื่อปี 2011 จากกาตาร์ นัสเซอร์ อัล-อัททิยะห์ลงแข่งในสังกัดทีมมินิเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอดีตแชมป์ประเภทมอเตอร์ไซค์ในรายการนี้เมื่อปี 2004 นานิ โรม่าลงแข่งในสังกัดเดียวกันโดยในปีนี้ลงแข่งประเภทรถยนต์

ศึกดักการ์ แรลลี่ปีนี้ดุเดือดเข้มข้นกว่าหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ท ทีมโตโยต้าเป็นอีกทีมที่แข็งแกร่งส่งทีมลงแข่งในปีนี้เช่นกันโดยเมื่อปีที่แล้วสามารถคว้ารองแชมป์ไปได้โดยจิเนียล เดอ วิลลิเยร์ส์ซึ่งเคยคว้าแชมป์เมื่อปี 2009 ปีนี้ยังคงลงแข่งในสังกัดทีมโตโยต้า ขณะที่ค่ายเรด บูลล์ส่งรถแข่งลงในรายการนี้ด้วยรถแข่งแบบบักกี้ภายใต้ชื่อทีม Red Bull SMG โดยมีคาร์ลอส แซงส์อดีตเจ้าของแชมป์ศึกแรลลี่โลกและแชมป์ดักการ์ แรลลี่เมื่อปี 2010 และรอบบี้ กอร์ดอนนักแข่งจากสหรัฐฯ ปีนี้ยังคงลงแข่งด้วยรถฮัมเมอร์

สเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลออกสตาร์ทไปเป็นคันแรกแต่ไม่สามารถทำเวลาได้เร็วที่สุดในสเตจแรก คาร์ลอส เซาซานักแข่งในศึกดักการ์ แรลลี่หลายสมัยจากปอร์ตุเกส ปีนี้ลงสังกัดทีมฮาวาล ค่ายรถยนต์จากจีนสามารถทำเวลาได้เร็วที่สุดในสเตจออกสตาร์ท ตามมาด้วยออร์ลันโด เทอร์ราโนวาในสังกัดทีมมินิเป็นนักขับเจ้าถิ่นชาวอาร์เจนติน่า ส่วนอันดับ 3 เป็นของนัสเซอร์ อัล-อัททิยะห์ ตามมาด้วยนานิ โรม่าและคาร์ลอส แซงส์ ส่วนสเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 6 เนื่องจากรถมีปัญหายางแตกในช่วง 30 กิโลเมตรก่อนเข้าเส้นชัย

สเตจที่ 2 เป็นสเตจที่รถแข่งทำความเร็วได้เร็วที่สุดของศึกดักการ์ แรลลี่ปีนี้และจะเป็นการเข้าสู่เส้นทางผ่านเนินเขาในทะเลทรายเป็นสเตจแรกในช่วง 100 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย สเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลสามารถคว้าแชมป์ในสเตจที่ 2 ไปครอง ส่วนคาร์ลอส เซาซาที่คว้าแชมป์สเตจแรกรถมีปัญหาต้องออกจากการแข่งขันไปหลังจากเครื่องยนต์มีปัญหาระบบเทอร์โบชาร์จพังหลังจากกดคันเร่งอย่างหนักหน่วงโดยเส้นทางการแข่งขันรวม 798 กิโลเมตร ช่วงจับเวลาพิเศษ 433 กิโลเมตร

คาร์ลอส แซงส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 เวลาตามหลังเพียง 46 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของจิเนียล เดอ วิลิเยร์ นักขับจากแอฟริกาใต้ในสังกัดทีมโตโยต้า ตามมาด้วยนานิ โรม่าและนัสเซอร์ อัล-อัททิยะห์ในสังกัดทีมมินิ

สเตจที่ 3 นานิ โรม่าทำเวลาได้เร็วที่สุดส่งผลให้ไต่อันดับจากที่ 4 ขึ้นนำหัวแถวหลังจากสเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลรถไปชนพุ่มไม้ต้องเสียเวลาซ่อมแซมรถส่งผลให้อันดับร่วงไปอยู่ที่ 5 ในสเตจนี้แข่งขันรวม 596 กิโลเมตร เส้นทางจับเวลาพิเศษ 301 กิโลเมตรยังคงอยู่ในประเทศอาร์เจนติน่าซึ่งในวันแข่งขันมีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้มีน้ำป่าไหลบ่าเข้าสู้เส้นทางแข่งขันหลายช่วง ส่วนอันดับ 2 เป็นของเคอร์ซิสทีฟ โอโลวซิค นักขับจากโปแลนด์ สังกัดทีมมินิและอันดับ 3 เป็นของลีรอย เพาล์เตอร์ นักขับจากแอฟริกาใต้ในสังกัดทีมโตโยต้า

By : C. Methas - Managing Editor

ศึกดักการ์ แรลลี่ประจำปี 2014 เริ่มออกสตาร์ทกันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมาจากเมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนติน่าและจะไปสิ้นสุดที่เมืองวัลพาไรโซ ประเทศชิลีในวันที่ 18 มกราคมนี้ซึ่งจะทำการแข่งขันรวมทั้งหมด 13 สเตจ หยุดพักการแข่งขันในวันที่ 11 มกราคม

เส้นทางการแข่งขันศึกดักการ์ แรลลี่ปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่โดยผ่าน 3 ประเทศจากอาร์เจนติน่าเข้าสู่ประเทศโบลิเวียและไปสิ้นสุดที่ประเทศชิลี รวมระยะทางการแข่งขัน 9,374 กิโลเมตร ที่ผ่านเส้นทางหฤโหดหลากหลายรูปแบบซึ่งในปีนี้ยังคงมีรถแข่งเข้าร่วมแข่งขันแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกันประกอบด้วยประเภทรถยนต์, มอเตอร์ไซค์, รถบรรทุกและรถอเนกประสงค์ รวมทั้งหมดมีรถแข่งเข้าร่วมแข่งขัน 431 คัน แบ่งออกเป็นประเภทรถยนต์ 147 คัน, ประเภทรถบรรทุก 70 คัน, ประเภทมอเตอร์ไซค์ 174 คันและรถอเนกประสงค์จำนวน 40 คัน

ศึกดักการ์ แรลลี่ตั้งแต่มาทำการแข่งขันในทวีปอเมริกาใต้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการแข่งขันใหม่ทุกปีเช่นเดียวกับปีนี้ได้ใช้เส้นทางเข้าไปสู่ประเทศโบลิเวียซึ่งเป็นประเทศที่ 28 ที่ได้เข้าร่วมศึกดักการ์ แรลลี่ ในปีนี้มีเส้นทางมาราธอนอยู่ 2 ช่วงระยะทางรวม 2,702 กิโลเมตร ช่วงแรกระยะทาง 1,228 กิโลเมตรและช่วงที่สองระยะทาง 1,474 กิโลเมตร

ทีมแข่งประเภทรถยนต์ปีนี้ทีมมินิเป็นทีมใหญ่ที่สุดและสเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลวัย 48 ปีแชมป์ศึกดักการ์ แรลลี่ 2 สมัยซ้อนคนล่าสุดและกวาดแชมป์ในรายการนี้ไปทั้งหมดรวม 11 สมัย ปีนี้ยังคงลงแข่งในสังกัดทีมมินิ ส่วนแชมป์ในรายการนี้เมื่อปี 2011 จากกาตาร์ นัสเซอร์ อัล-อัททิยะห์ลงแข่งในสังกัดทีมมินิเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอดีตแชมป์ประเภทมอเตอร์ไซค์ในรายการนี้เมื่อปี 2004 นานิ โรม่าลงแข่งในสังกัดเดียวกันโดยในปีนี้ลงแข่งประเภทรถยนต์

ศึกดักการ์ แรลลี่ปีนี้ดุเดือดเข้มข้นกว่าหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มออกสตาร์ท ทีมโตโยต้าเป็นอีกทีมที่แข็งแกร่งส่งทีมลงแข่งในปีนี้เช่นกันโดยเมื่อปีที่แล้วสามารถคว้ารองแชมป์ไปได้โดยจิเนียล เดอ วิลลิเยร์ส์ซึ่งเคยคว้าแชมป์เมื่อปี 2009 ปีนี้ยังคงลงแข่งในสังกัดทีมโตโยต้า ขณะที่ค่ายเรด บูลล์ส่งรถแข่งลงในรายการนี้ด้วยรถแข่งแบบบักกี้ภายใต้ชื่อทีม Red Bull SMG โดยมีคาร์ลอส แซงส์อดีตเจ้าของแชมป์ศึกแรลลี่โลกและแชมป์ดักการ์ แรลลี่เมื่อปี 2010 และรอบบี้ กอร์ดอนนักแข่งจากสหรัฐฯ ปีนี้ยังคงลงแข่งด้วยรถฮัมเมอร์

สเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลออกสตาร์ทไปเป็นคันแรกแต่ไม่สามารถทำเวลาได้เร็วที่สุดในสเตจแรก คาร์ลอส เซาซานักแข่งในศึกดักการ์ แรลลี่หลายสมัยจากปอร์ตุเกส ปีนี้ลงสังกัดทีมฮาวาล ค่ายรถยนต์จากจีนสามารถทำเวลาได้เร็วที่สุดในสเตจออกสตาร์ท ตามมาด้วยออร์ลันโด เทอร์ราโนวาในสังกัดทีมมินิเป็นนักขับเจ้าถิ่นชาวอาร์เจนติน่า ส่วนอันดับ 3 เป็นของนัสเซอร์ อัล-อัททิยะห์ ตามมาด้วยนานิ โรม่าและคาร์ลอส แซงส์ ส่วนสเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 6 เนื่องจากรถมีปัญหายางแตกในช่วง 30 กิโลเมตรก่อนเข้าเส้นชัย

สเตจที่ 2 เป็นสเตจที่รถแข่งทำความเร็วได้เร็วที่สุดของศึกดักการ์ แรลลี่ปีนี้และจะเป็นการเข้าสู่เส้นทางผ่านเนินเขาในทะเลทรายเป็นสเตจแรกในช่วง 100 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย สเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลสามารถคว้าแชมป์ในสเตจที่ 2 ไปครอง ส่วนคาร์ลอส เซาซาที่คว้าแชมป์สเตจแรกรถมีปัญหาต้องออกจากการแข่งขันไปหลังจากเครื่องยนต์มีปัญหาระบบเทอร์โบชาร์จพังหลังจากกดคันเร่งอย่างหนักหน่วงโดยเส้นทางการแข่งขันรวม 798 กิโลเมตร ช่วงจับเวลาพิเศษ 433 กิโลเมตร

คาร์ลอส แซงส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 เวลาตามหลังเพียง 46 วินาทีเท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของจิเนียล เดอ วิลิเยร์ นักขับจากแอฟริกาใต้ในสังกัดทีมโตโยต้า ตามมาด้วยนานิ โรม่าและนัสเซอร์ อัล-อัททิยะห์ในสังกัดทีมมินิ

สเตจที่ 3 นานิ โรม่าทำเวลาได้เร็วที่สุดส่งผลให้ไต่อันดับจากที่ 4 ขึ้นนำหัวแถวหลังจากสเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลรถไปชนพุ่มไม้ต้องเสียเวลาซ่อมแซมรถส่งผลให้อันดับร่วงไปอยู่ที่ 5 ในสเตจนี้แข่งขันรวม 596 กิโลเมตร เส้นทางจับเวลาพิเศษ 301 กิโลเมตรยังคงอยู่ในประเทศอาร์เจนติน่าซึ่งในวันแข่งขันมีฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้มีน้ำป่าไหลบ่าเข้าสู้เส้นทางแข่งขันหลายช่วง ส่วนอันดับ 2 เป็นของเคอร์ซิสทีฟ โอโลวซิค นักขับจากโปแลนด์ สังกัดทีมมินิและอันดับ 3 เป็นของลีรอย เพาล์เตอร์ นักขับจากแอฟริกาใต้ในสังกัดทีมโตโยต้า

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!