2015 ABU DHABI GRAND PRIX (Round 19) – นิโก้ รอสเบิร์กคว้าแชมป์ปิดฤดูกาล 3 สนามซ้อน


By : C. Methas – Managing Editor

ศึกฟอร์มูล่า-วันสนามสุดท้ายรายการอะบู ดาบิ กรังด์ปรีซ์จบลงด้วยการคว้าแชมป์ไปครองของนิโก้ รอสเบิร์กเป็นการปิดฉากเอฟ-วันจากการทำแฮทชทริคกวาดแชมป์ 3 สนามซ้อนและเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของทีมเมอเซเดส 4 สนามรวดและรวม 12 สนามของ 19 สนามโดยนิโก้ รอสเบิร์กทำได้รวม 6 สนามและลิวอิส แฮมิลตันกวาดแชมป์ได้รวม 10 สนามและอีก 3 สนามเป็นของเซบาสเตียน เวทเทลจากทีมเฟอร์รารี่

นิโก้ รอสเบิร์กสร้างผลงานในรอบควอลิฟายด้วยการคว้าโพล โพสิชั่นที่สนามล่าสุดเป็นผลงานคว้าโพล โพสิชั่นติดต่อกัน 6 สนามซ้อนในช่วง 6 สนามสุดท้าย ลิวอิส แฮมิลตันติดอันดับ 2 และคิมี่ ไรค์โคเน่นติดอันดับ 3 ท้ายที่สุด 3 อันดับแรกของการออกสตาร์ทไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยตามกันตามลำดับ เซบาสเตียน เวทเทลที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 15 มาเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 ตามมาด้วยเซอร์จิโอ เปเรซที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 4 ส่วนลิวอิส แฮมิลตันเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 44 พร้อมกับทำเวลาในพิท สต็อปได้เร็วที่สุดในรอบที่ 11 จากการเข้าพิทครั้งแรกและทำเวลาติดอันดับ 2 จากการเข้าพิทในรอบที่ 41 ส่วนนิโก้ รอสเบิร์กติดอันดับ 3 ในรอบที่ 31 ทีมเมอเซเดสทำผลงานสนามปิดฤดูกาลได้อย่างครบเครื่องทั้งการเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 รอบควอลิฟายติดอันดับ 1-2 ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดและทำเวลาในพิท สต็อปได้เร็วที่สุดติด 3 อันดับแรก

การคว้าแชมป์สนามนี้เป็นการขึ้นนำแบบม้วนเดียวจบรวม 3 สนามติดต่อกันของนิโก้ รอสเบิร์ก สนามล่าสุดใช้ยุทธศาสตร์เข้าพิท สต็อป 2 ครั้ง ลิวอิส แฮมิลตันมีโอกาสขึ้นนำอยู่ 10 รอบในช่วงรอบที่ 30-40 ก่อนจะเสียอันดับหัวแถวไปในช่วงเข้าพิทครั้งที่สองโดยในช่วงนี้ทางลิวอิส แฮมิลตันวิทยุขอทีมงานให้เขาใช้ยุทธศาสตร์เข้าพิทเพียงครั้งเดียวเพื่อคว้าแชมป์สนามนี้ แต่ทางทีมงานไม่อนุญาติ

การออกสตาร์ทของนิโก้ รอสเบิร์กสนามนี้เข้าโค้งแรกและขึ้นนำแบบไร้ความกดดัน นิโก้ ฮูลเคนเบิร์กออกตัวได้ร้อนแรงจากอันดับ 7 แซงดาเนียล ริคเคียร์โด้และวิลเธอริ บอททาสขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ส่วนลิวอิส แฮมิลตันต้องป้องกันคิมี่ ไรค์โคเน่นและเซอร์จิโอ เปเรซที่ออกตัวได้ร้อนแรงเช่นกันและเซบาสเตียน เวทเทลจากอันดับ 15 ขึ้นมาอยู่ที่ 11

ส่วนเฟอร์นันโด อลอนโซ่เฉี่ยวชนกับปาสเตอร์ มัลโดนาโด้ตั้งแต่โค้งแรกและมัลโดนาโด้ต้องออกจากการแข่งขันไป ส่วนเฟอร์นันโด อลอนโซ่ถูกทำโทษปรับขับรถผ่านพิทเลนพร้อมกับถูกจดคะแนนโทษอีก 2 แต้มซึ่งทางเฟอร์นันโด อลอนโซ่ไม่ค่อยพอใจต่อการตัดสินทำโทษปรับเนื่องจากเขาถูกเฟลิเป้ นาสซ์ชนท้ายก่อน

ส่วนอุบัติเหตุอีกรายเกิดขึ้นในรอบที่ 47 ระหว่างแมกซ์ เวอร์สเตบเพ่นกับเจนสัน บัตตันจากการแซงนอกแทร็คของเวอร์สเตบเพ่นและไม่ปล่อยให้เจนสัน บัตตันแซงคืน นอกจากนี้ยังไม่ทำตามสัญญาณธงฟ้าที่ให้รถที่เร็วกว่าแซงขึ้นไปทำให้ถูกทำโทษเพิ่มเวลาอีก 20 วินาทีส่งผลให้อันดับที่ 12 ของการเข้าเส้นชัยหล่นไปอยู่อันดับ 16

หลังสิ้นสุดการแข่งขันนิโก้ รอสเบิร์กทำโดนัทฉลองชัยชนะในรายการดังกล่าว ส่วนลิวอิส แฮมิลตันรับรางวัล DHL Fastest Lap Award ซึ่งรางวัลสำหรับนักแข่งที่ทำความเร็วต่อรอบได้มากที่สุดของฤดูกาล สำหรับศึกเอฟ-วันปีหน้าจะเริ่มที่รายการออสเตรเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ในวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคมปีหน้า

ผลการแข่งขันศึกอะบู ดาบิ กรังด์ปรีซ์

อันดับ              ผู้ขับ            ทีม         เวลารวม

1 นิโก้ รอสเบิร์ก เมอเซเดส 1 ชั่วโมง 38 นาที 30.175 วินาที

2 ลิวอิส แฮมิลตัน เมอเซเดส + 8.271 วินาที

3 คิมี่ ไรค์โคเนน เฟอร์รารี่ + 19.430 วินาที

4 เซบาสเตียน เวทเทล เฟอร์รารี่ + 43.735 วินาที

5 เซอร์จิโอ เปเรซ ฟอร์ซ อินเดีย + 1 นาที 03.952 วินาที

สรุปคะแนนสะสมประเภทผู้ขับรวม 19 สนาม

อันดับ               ผู้ขับ          ทีม           คะแนนรวม

1 ลิวอิส แฮมิลตัน เมอเซเดส 381

2 นิโก้ รอสเบิร์ก เมอเซเดส 322

3 เซบาสเตียน เวทเทล เฟอร์รารี่ 278

4 คิมี่ ไรค์โคเนน เฟอร์รารี่ 150

5 วัลเธอริ บอททาส วิลเลี่ยมส์ 136

สรุปคะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิต

อันดับ            ทีม         คะแนนรวม

1 เมอเซเดส 703

2 เฟอร์รารี่ 428

3 วิลเลี่ยมส์ 257

4 เรด บูลล์ 187

5 ฟอร์ซ อินเดีย 136

By : C. Methas - Managing Editor

ศึกฟอร์มูล่า-วันสนามสุดท้ายรายการอะบู ดาบิ กรังด์ปรีซ์จบลงด้วยการคว้าแชมป์ไปครองของนิโก้ รอสเบิร์กเป็นการปิดฉากเอฟ-วันจากการทำแฮทชทริคกวาดแชมป์ 3 สนามซ้อนและเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของทีมเมอเซเดส 4 สนามรวดและรวม 12 สนามของ 19 สนามโดยนิโก้ รอสเบิร์กทำได้รวม 6 สนามและลิวอิส แฮมิลตันกวาดแชมป์ได้รวม 10 สนามและอีก 3 สนามเป็นของเซบาสเตียน เวทเทลจากทีมเฟอร์รารี่

นิโก้ รอสเบิร์กสร้างผลงานในรอบควอลิฟายด้วยการคว้าโพล โพสิชั่นที่สนามล่าสุดเป็นผลงานคว้าโพล โพสิชั่นติดต่อกัน 6 สนามซ้อนในช่วง 6 สนามสุดท้าย ลิวอิส แฮมิลตันติดอันดับ 2 และคิมี่ ไรค์โคเน่นติดอันดับ 3 ท้ายที่สุด 3 อันดับแรกของการออกสตาร์ทไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยตามกันตามลำดับ เซบาสเตียน เวทเทลที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 15 มาเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 ตามมาด้วยเซอร์จิโอ เปเรซที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 4 ส่วนลิวอิส แฮมิลตันเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 44 พร้อมกับทำเวลาในพิท สต็อปได้เร็วที่สุดในรอบที่ 11 จากการเข้าพิทครั้งแรกและทำเวลาติดอันดับ 2 จากการเข้าพิทในรอบที่ 41 ส่วนนิโก้ รอสเบิร์กติดอันดับ 3 ในรอบที่ 31 ทีมเมอเซเดสทำผลงานสนามปิดฤดูกาลได้อย่างครบเครื่องทั้งการเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 รอบควอลิฟายติดอันดับ 1-2 ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดและทำเวลาในพิท สต็อปได้เร็วที่สุดติด 3 อันดับแรก

การคว้าแชมป์สนามนี้เป็นการขึ้นนำแบบม้วนเดียวจบรวม 3 สนามติดต่อกันของนิโก้ รอสเบิร์ก สนามล่าสุดใช้ยุทธศาสตร์เข้าพิท สต็อป 2 ครั้ง ลิวอิส แฮมิลตันมีโอกาสขึ้นนำอยู่ 10 รอบในช่วงรอบที่ 30-40 ก่อนจะเสียอันดับหัวแถวไปในช่วงเข้าพิทครั้งที่สองโดยในช่วงนี้ทางลิวอิส แฮมิลตันวิทยุขอทีมงานให้เขาใช้ยุทธศาสตร์เข้าพิทเพียงครั้งเดียวเพื่อคว้าแชมป์สนามนี้ แต่ทางทีมงานไม่อนุญาติ

การออกสตาร์ทของนิโก้ รอสเบิร์กสนามนี้เข้าโค้งแรกและขึ้นนำแบบไร้ความกดดัน นิโก้ ฮูลเคนเบิร์กออกตัวได้ร้อนแรงจากอันดับ 7 แซงดาเนียล ริคเคียร์โด้และวิลเธอริ บอททาสขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ส่วนลิวอิส แฮมิลตันต้องป้องกันคิมี่ ไรค์โคเน่นและเซอร์จิโอ เปเรซที่ออกตัวได้ร้อนแรงเช่นกันและเซบาสเตียน เวทเทลจากอันดับ 15 ขึ้นมาอยู่ที่ 11

ส่วนเฟอร์นันโด อลอนโซ่เฉี่ยวชนกับปาสเตอร์ มัลโดนาโด้ตั้งแต่โค้งแรกและมัลโดนาโด้ต้องออกจากการแข่งขันไป ส่วนเฟอร์นันโด อลอนโซ่ถูกทำโทษปรับขับรถผ่านพิทเลนพร้อมกับถูกจดคะแนนโทษอีก 2 แต้มซึ่งทางเฟอร์นันโด อลอนโซ่ไม่ค่อยพอใจต่อการตัดสินทำโทษปรับเนื่องจากเขาถูกเฟลิเป้ นาสซ์ชนท้ายก่อน

ส่วนอุบัติเหตุอีกรายเกิดขึ้นในรอบที่ 47 ระหว่างแมกซ์ เวอร์สเตบเพ่นกับเจนสัน บัตตันจากการแซงนอกแทร็คของเวอร์สเตบเพ่นและไม่ปล่อยให้เจนสัน บัตตันแซงคืน นอกจากนี้ยังไม่ทำตามสัญญาณธงฟ้าที่ให้รถที่เร็วกว่าแซงขึ้นไปทำให้ถูกทำโทษเพิ่มเวลาอีก 20 วินาทีส่งผลให้อันดับที่ 12 ของการเข้าเส้นชัยหล่นไปอยู่อันดับ 16

หลังสิ้นสุดการแข่งขันนิโก้ รอสเบิร์กทำโดนัทฉลองชัยชนะในรายการดังกล่าว ส่วนลิวอิส แฮมิลตันรับรางวัล DHL Fastest Lap Award ซึ่งรางวัลสำหรับนักแข่งที่ทำความเร็วต่อรอบได้มากที่สุดของฤดูกาล สำหรับศึกเอฟ-วันปีหน้าจะเริ่มที่รายการออสเตรเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ในวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคมปีหน้า

ผลการแข่งขันศึกอะบู ดาบิ กรังด์ปรีซ์

อันดับ              ผู้ขับ            ทีม         เวลารวม

1 นิโก้ รอสเบิร์ก เมอเซเดส 1 ชั่วโมง 38 นาที 30.175 วินาที

2 ลิวอิส แฮมิลตัน เมอเซเดส + 8.271 วินาที

3 คิมี่ ไรค์โคเนน เฟอร์รารี่ + 19.430 วินาที

4 เซบาสเตียน เวทเทล เฟอร์รารี่ + 43.735 วินาที

5 เซอร์จิโอ เปเรซ ฟอร์ซ อินเดีย + 1 นาที 03.952 วินาที

สรุปคะแนนสะสมประเภทผู้ขับรวม 19 สนาม

อันดับ               ผู้ขับ          ทีม           คะแนนรวม

1 ลิวอิส แฮมิลตัน เมอเซเดส 381

2 นิโก้ รอสเบิร์ก เมอเซเดส 322

3 เซบาสเตียน เวทเทล เฟอร์รารี่ 278

4 คิมี่ ไรค์โคเนน เฟอร์รารี่ 150

5 วัลเธอริ บอททาส วิลเลี่ยมส์ 136

สรุปคะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิต

อันดับ            ทีม         คะแนนรวม

1 เมอเซเดส 703

2 เฟอร์รารี่ 428

3 วิลเลี่ยมส์ 257

4 เรด บูลล์ 187

5 ฟอร์ซ อินเดีย 136

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!