2015 ITALIAN GRAND PRIX (Round 12) – ลิวอิส แฮมิลตันแรงไม่หยุด…คว้าแชมป์ในรังของเฟอร์รารี่


By : C. Methas – Managing Editor

ความร้อนแรงของลิวอิส แฮมิลตันยังไม่มีนักขับรายใดหยุดยั้งได้หลังจากคว้าแชมป์สนามที่ 12 ในศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ที่มอนซ่า เซอร์กิตรังใหญ่ของทีมเฟอร์รารี่โดยเป็นการกวาดแชมป์ทั้งหมดรวม 7 สนามของ 12 สนามในปีนี้

ลิวอิส แฮมิลตันคว้าแชมป์ในแบบม้วนเดียวจบอีกสนามหลังจากออกสตาร์ทจากหัวแถวโดยสามารถคว้าโพล โพสิชั่นได้อีกครั้งรวมเป็น 11 สนามของการแข่งขัน 12 สนามในปีนี้และสนามนี้ทีมเฟอร์รารี่สามารถติดอันดับ 2-3 ในรอบควอลิฟายตามมาด้วยนิโก้ รอสเบิร์กออกสตาร์ทจากอันดับ 4 หลังจากรอบควอลิฟายมีปัญหาเครื่องยนต์ต้องกลับไปเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่

คิมี่ ไรค์โคเนนออกสตาร์ทจากอันดับ 2 เป็นครั้งแรกตั้งแต่ศึกไชนีส กรังด์ปรีซ์เมื่อปี 2013 โดยสามารถทำเวลาได้เร็วกว่าเซบาสเตียน เวทเทลในช่วงท้ายและไปเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 ตามหลังเซบาสเตียน เวทเทลโดยในช่วงออกสตาร์ทรถของคิมี่ ไรค์โคเนนมีปัญหาต้องจอดสนิทอันดับหล่นไปอยู่ที่ 14 ส่งผลให้เวทเทลแซงขึ้นไปตามหลังแฮมิลตัน ส่วนนิโก้ รอสเบิร์กเสียจังหวะช่วงไรค์โคเนนรถจอดนิ่งอันดับหล่นไปอยู่ที่ 5 และท้ายที่สุดรถมีปัญหาเครื่องยนต์เกิดเพลิงลุกไหม้ขณะที่เหลืออีก 3 รอบสุดท้ายขณะอยู่อันดับ 3 ต้องออกจากสนามไปซึ่งเป็นครั้งแรกของปีนี้ที่นิโก้ รอสเบิร์กไม่จบการแข่งขันส่งผลให้เฟลิเป้ มาสซ่าได้ขึ้นโพเดี้ยมไปแบบส้มหล่นตามมาด้วยวิลเธอริ บอททาสเพื่อนร่วมทีมวิลเลี่ยมส์ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 5-6 ตามลำดับ

การคว้าแชมป์ของลิวอิส แฮมิลตันสนามนี้เป็นไปอย่างสมบูรณ์โดยเป็นการคว้าแชมป์แบบม้วนเดียวจบด้วยการขึ้นนำทุกรอบการแข่งขันของ 53 รอบหลังจากคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและเป็นนักขับที่ทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 48 นิโก้ รอสเบิร์กทำเวลาเร็วที่สุดติดอันดับ 2 ในรอบที่ 43

ทีมฟอร์ซ อินเดียเก็บแต้มออกไปจากสนามนี้ได้ทั้งคู่ เซอร์จิโอ เปเรซและนิโก้ ฮูลเคนเบิร์กเข้าเส้นชัยในอันดับ 6-7 ตามลำดับ ส่วนทีมเรด บูลล์เข้าเส้นชัยในอันดับ 8 และ 10 ดาเนียล ริคเคียร์โด้นำหน้าดานีล คัยยาต ส่วนมาร์คัส อีริคสันจากทีมเซาเบอร์ติดอันดับ 9 ซึ่งนักขับทั้งคู่ของทีมเรด บูลล์สามารถไล่แซงขึ้นมาจากอันดับ 19 และ 18 หลังจากมีปัญหาในรอบควอลิฟาย ส่วนการทำเวลาในพิท สต็อปเร็วที่สุดตกเป็นของทีมเรด บูลล์โดยดานีล คัยยาตทำได้เร็วที่สุดในการเข้าพิท สต็อปรอบที่ 27 ตามมาด้วยดาเนียล ริคเคียร์โด้รอบที่ 30

หลังเสร็จศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ปีนี้โอกาสลุ้นแชมป์โลกอีกสมัยของลิวอิส แฮมิลตันใกล้เข้าไปทุกขณะโดยมีคะแนนสะสมทิ้งห่างนิโก้ รอสเบิร์กออกไปถึง 53 แต้ม ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 7 สนาม ส่วนคะแนนสะสมของเซบาสเตียน เวทเทลตามหลังนิโก้ รอสเบิร์กอยู่ 21 แต้ม

หลังสิ้นสุดการแข่งขันในรายการนี้รถแข่งของลิวอิส แฮมิลตันถูกตรวจสอบพบว่าแรงดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยมีแรงดันต่ำกว่ามาตรฐาน 0.3 psi ส่วนของนิโก้ รอสเบิร์กแรงดันต่ำกว่า 1.1 psi ซึ่งตามกำหนดของแรงดันยางมาตรฐานอยู่ที่ 19.5 psi แต่ทางทีมเมอเซเดสให้เหตุผลว่าได้กำหนดแรงดันยางปกติตามกำหนดของค่ายพีเรลลี่ ส่วนยางที่มีอุณหภูมิต่ำกว่ากำหนดเนื่องจากผ้าห่มอุ่นยางไม่ได้เชื่อมต่อกับแหล่งพลังงาน จากเหตุผลนี้ทางสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติจึงไม่ลงโทษทีมเมอเซเดส ส่งผลให้ลิวอิส แฮมิลตันยังคงได้แชมป์ประจำรายการไปครอง

สนามต่อไปกลับมาสู่แผ่นดินในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้งในศึกสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ สนามปิดถนนแข่งในวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายนนี้ที่มาริน่า เบย์ สตรีท เซอร์กิต

ผลการแข่งขันศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์

อันดับ              ผู้ขับ          ทีม       เวลารวม

1 ลิวอิส แฮมิลตัน เมอเซเดส 1 ชั่วโมง 18 นาที 00.688 วินาที

2 เซบาสเตียน เวทเทล เฟอร์รารี่ + 25.042 วินาที

3 เฟลิเป้ มาสซ่า วิลเลี่ยมส์ + 47.635 วินาที

4 วิลเธอริ บอททาส วิลเลี่ยมส์ + 47.996 วินาที

5 คิมี่ ไรค์โคเนน เฟอร์รารี่ + 1 นาที 08.860 วินาที

สรุปคะแนนสะสมประเภทผู้ขับรวม 12 สนาม

อันดับ               ผู้ขับ           ทีม          คะแนนรวม

1 ลิวอิส แฮมิลตัน เมอเซเดส 252

2 นิโก้ รอสเบิร์ก เมอเซเดส 199

3 เซบาสเตียน เวทเทล เฟอร์รารี่ 178

4 เฟลิเป้ มาสซ่า วิลเลี่ยมส์ 97

5 คิมี่ ไรค์โคเนน เฟอร์รารี่ 92

สรุปคะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิต

อันดับ               ทีม        คะแนนรวม

1 เมอเซเดส 451

2 เฟอร์รารี่ 270

3 วิลเลี่ยมส์ 188

4 เรด บูลล์ 113

5 ฟอร์ซ อินเดีย 63

By : C. Methas - Managing Editor

ความร้อนแรงของลิวอิส แฮมิลตันยังไม่มีนักขับรายใดหยุดยั้งได้หลังจากคว้าแชมป์สนามที่ 12 ในศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ที่มอนซ่า เซอร์กิตรังใหญ่ของทีมเฟอร์รารี่โดยเป็นการกวาดแชมป์ทั้งหมดรวม 7 สนามของ 12 สนามในปีนี้

ลิวอิส แฮมิลตันคว้าแชมป์ในแบบม้วนเดียวจบอีกสนามหลังจากออกสตาร์ทจากหัวแถวโดยสามารถคว้าโพล โพสิชั่นได้อีกครั้งรวมเป็น 11 สนามของการแข่งขัน 12 สนามในปีนี้และสนามนี้ทีมเฟอร์รารี่สามารถติดอันดับ 2-3 ในรอบควอลิฟายตามมาด้วยนิโก้ รอสเบิร์กออกสตาร์ทจากอันดับ 4 หลังจากรอบควอลิฟายมีปัญหาเครื่องยนต์ต้องกลับไปเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่

คิมี่ ไรค์โคเนนออกสตาร์ทจากอันดับ 2 เป็นครั้งแรกตั้งแต่ศึกไชนีส กรังด์ปรีซ์เมื่อปี 2013 โดยสามารถทำเวลาได้เร็วกว่าเซบาสเตียน เวทเทลในช่วงท้ายและไปเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 ตามหลังเซบาสเตียน เวทเทลโดยในช่วงออกสตาร์ทรถของคิมี่ ไรค์โคเนนมีปัญหาต้องจอดสนิทอันดับหล่นไปอยู่ที่ 14 ส่งผลให้เวทเทลแซงขึ้นไปตามหลังแฮมิลตัน ส่วนนิโก้ รอสเบิร์กเสียจังหวะช่วงไรค์โคเนนรถจอดนิ่งอันดับหล่นไปอยู่ที่ 5 และท้ายที่สุดรถมีปัญหาเครื่องยนต์เกิดเพลิงลุกไหม้ขณะที่เหลืออีก 3 รอบสุดท้ายขณะอยู่อันดับ 3 ต้องออกจากสนามไปซึ่งเป็นครั้งแรกของปีนี้ที่นิโก้ รอสเบิร์กไม่จบการแข่งขันส่งผลให้เฟลิเป้ มาสซ่าได้ขึ้นโพเดี้ยมไปแบบส้มหล่นตามมาด้วยวิลเธอริ บอททาสเพื่อนร่วมทีมวิลเลี่ยมส์ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 5-6 ตามลำดับ

การคว้าแชมป์ของลิวอิส แฮมิลตันสนามนี้เป็นไปอย่างสมบูรณ์โดยเป็นการคว้าแชมป์แบบม้วนเดียวจบด้วยการขึ้นนำทุกรอบการแข่งขันของ 53 รอบหลังจากคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและเป็นนักขับที่ทำเวลาต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 48 นิโก้ รอสเบิร์กทำเวลาเร็วที่สุดติดอันดับ 2 ในรอบที่ 43

ทีมฟอร์ซ อินเดียเก็บแต้มออกไปจากสนามนี้ได้ทั้งคู่ เซอร์จิโอ เปเรซและนิโก้ ฮูลเคนเบิร์กเข้าเส้นชัยในอันดับ 6-7 ตามลำดับ ส่วนทีมเรด บูลล์เข้าเส้นชัยในอันดับ 8 และ 10 ดาเนียล ริคเคียร์โด้นำหน้าดานีล คัยยาต ส่วนมาร์คัส อีริคสันจากทีมเซาเบอร์ติดอันดับ 9 ซึ่งนักขับทั้งคู่ของทีมเรด บูลล์สามารถไล่แซงขึ้นมาจากอันดับ 19 และ 18 หลังจากมีปัญหาในรอบควอลิฟาย ส่วนการทำเวลาในพิท สต็อปเร็วที่สุดตกเป็นของทีมเรด บูลล์โดยดานีล คัยยาตทำได้เร็วที่สุดในการเข้าพิท สต็อปรอบที่ 27 ตามมาด้วยดาเนียล ริคเคียร์โด้รอบที่ 30

หลังเสร็จศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ปีนี้โอกาสลุ้นแชมป์โลกอีกสมัยของลิวอิส แฮมิลตันใกล้เข้าไปทุกขณะโดยมีคะแนนสะสมทิ้งห่างนิโก้ รอสเบิร์กออกไปถึง 53 แต้ม ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 7 สนาม ส่วนคะแนนสะสมของเซบาสเตียน เวทเทลตามหลังนิโก้ รอสเบิร์กอยู่ 21 แต้ม

หลังสิ้นสุดการแข่งขันในรายการนี้รถแข่งของลิวอิส แฮมิลตันถูกตรวจสอบพบว่าแรงดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดยมีแรงดันต่ำกว่ามาตรฐาน 0.3 psi ส่วนของนิโก้ รอสเบิร์กแรงดันต่ำกว่า 1.1 psi ซึ่งตามกำหนดของแรงดันยางมาตรฐานอยู่ที่ 19.5 psi แต่ทางทีมเมอเซเดสให้เหตุผลว่าได้กำหนดแรงดันยางปกติตามกำหนดของค่ายพีเรลลี่ ส่วนยางที่มีอุณหภูมิต่ำกว่ากำหนดเนื่องจากผ้าห่มอุ่นยางไม่ได้เชื่อมต่อกับแหล่งพลังงาน จากเหตุผลนี้ทางสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติจึงไม่ลงโทษทีมเมอเซเดส ส่งผลให้ลิวอิส แฮมิลตันยังคงได้แชมป์ประจำรายการไปครอง

สนามต่อไปกลับมาสู่แผ่นดินในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้งในศึกสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ สนามปิดถนนแข่งในวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายนนี้ที่มาริน่า เบย์ สตรีท เซอร์กิต

ผลการแข่งขันศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์

อันดับ              ผู้ขับ          ทีม       เวลารวม

1 ลิวอิส แฮมิลตัน เมอเซเดส 1 ชั่วโมง 18 นาที 00.688 วินาที 2 เซบาสเตียน เวทเทล เฟอร์รารี่ + 25.042 วินาที

3 เฟลิเป้ มาสซ่า วิลเลี่ยมส์ + 47.635 วินาที

4 วิลเธอริ บอททาส วิลเลี่ยมส์ + 47.996 วินาที

5 คิมี่ ไรค์โคเนน เฟอร์รารี่ + 1 นาที 08.860 วินาที

สรุปคะแนนสะสมประเภทผู้ขับรวม 12 สนาม

อันดับ               ผู้ขับ           ทีม          คะแนนรวม

1 ลิวอิส แฮมิลตัน เมอเซเดส 252

2 นิโก้ รอสเบิร์ก เมอเซเดส 199

3 เซบาสเตียน เวทเทล เฟอร์รารี่ 178

4 เฟลิเป้ มาสซ่า วิลเลี่ยมส์ 97

5 คิมี่ ไรค์โคเนน เฟอร์รารี่ 92

สรุปคะแนนสะสมประเภททีมผู้ผลิต

อันดับ               ทีม        คะแนนรวม

1 เมอเซเดส 451

2 เฟอร์รารี่ 270

3 วิลเลี่ยมส์ 188

4 เรด บูลล์ 113

5 ฟอร์ซ อินเดีย 63

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!