By : Saksithi Chompaisal – Foreign Editor
สปอร์ตแฮทชแบ็คสายพันธ์ซีรีส์ 1 วางเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่เน้นประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซลรวม 9 รุ่นด้วยกัน
BMW 1 Series สปอร์ตแฮทชแบ็คนับว่าเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ รูปทรงปราดเปรียวเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ ห้องโดยสารสไตล์สปอร์ตหรูและห้องบรรจุสัมภาระด้านท้ายกว้างขวาง
กรอบไฟหน้าออกแบบใหม่เป็นไฟแบบ LED แผงสปอยเลอร์หน้ามีไฟตัดหมอก แผงกันชนทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบใหม่ กรอบไฟท้ายรูปทรงเหลี่ยม ปลายท่อไอเสียรูปทรงกลมคู่ เหนือหลังคาด้านท้ายติดสปอยเลอร์มีไฟเบรกดวงที่ 3 และกระทะล้อลวดลาย 5 ก้านคู่
ห้องโดยสารกว้างขวางตกแต่งรอบคันด้วยหนังแท้ พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน คอนโซลกลางติดจอมอนิเตอร์ ขนาด 6.5 นิ้วมีขนาด 8 นิ้วให้เลือก ชุดไฟแสดงระบบการทำงานต่าง ๆ สามารถปรับความสว่างของแสงได้ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีกว่าในการขับขี่
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซล เครื่องพื้นฐานเบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 3 สูบแถวเรียง 109 แรงม้าและให้แรงบิด 180 นิวตันเมตรวางไว้ในรุ่น 116i
รุ่น 118i วางเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง ติดเทอร์โบชาร์จ ระบบปรับวาล์วแปรผันอัจฉริยะ สามารถรีดแรงม้าสูงสุด 136 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 20 นิวตันเมตร
รุ่น 120i วางเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบแถวเรียงติดเทอร์โบชาร์จ ขนาด 1.6 ลิตรให้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตรและรุ่น 125i วางเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียงติดเทอร์โบชาร์จ 218 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 318 นิวตันเมตร
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลมีให้เลือก 5 รุ่นด้วยกัน รุ่น 116d และรุ่น 116d Efficient Dynamic Edition ซึ่ง วางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ แบบ 3 สูบแถวเรียง ขนาด 1.5 ลิตร 116 แรงม้าและให้แรงบิด 270 นิวตันเมตร
รุ่น 118d และ 118d xDrive วางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 150 แรงม้าและให้แรงบิด 320 นิวตันเมตรและรุ่น 120d และ 120d xDrive วางเครื่องดีเซลเทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิต 190 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรและรุ่น 125d วางเครื่องดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร 224 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร
รุ่น 116d Efficient Dynamic Edition ซึ่งเป็นรุ่นที่ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุดวางเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่เน้นประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของบีเอ็มดับลิว ปล่อยค่าคาร์บอนมอน๊อกไซด์เฉลี่ย 89 กรัมต่อกิโลเมตร ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 6 และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 3.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
ส่วนรุ่นท็อป M135i xDrive วางเครื่องแบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร 326 แรงม้าและให้แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร สมรรถนะการทำความเร็ว จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 5.1 วินาทีและความเร็วสูงสุดจำกัดด้วยอิเล็กทรอนิคส์ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 7.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรและปล่อยคาร์บอนมอน็อกไซด์ 182 กรัมต่อกิโลเมตร
สมรรถนะการทำความเร็วของสปอร์ตแฮทชแบ็ค รุ่น 116i จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 8.5 และทำความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มีเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะมีระบบชิฟท์เกียร์ Steptronic ให้เลือก และการกระจายน้ำหนักระหว่างหน้า/หลังเท่ากับ 50/50 เพื่อผลทางด้านเสถียรภาพการควบคุมการขับขี่ที่ดีกว่า
ระบบกันสะเทือนพัฒนาเน้นน้ำหนักเบาผลิตจากอะลูมิเนียมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอสัน สตรัท Aluminium double-joint cross-strut axle ด้านหลังแบบ 5- ลิ้งค์ เสริมประสิทธิภาพด้วยการติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน โดยมีระบบ Servotronic เป็นอุปกรณ์ให้เลือก นอกจากนี้ระบบเกียร์แบบอัตโนมัติ 8 จังหวะมีโหมดให้เลือกขับขี่ได้ 4 รูปแบบประกอบด้วยโหมด Comfort, Sport, Sport+ และ Eco Pro
ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบสไตล์สปอร์ตหรู ติดตั้งระบบนำร่องผ่านดาวเทียม เหนือคอนโซลกลางติดตั้งจอมอนิเตอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นปรับพับเก็บได้ มีระบบ Control Display สั่งการแบบสัมผัส พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ติดตั้งชุดควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบปรับเปลี่ยนเกียร์และระบบปรับตั้งความเร็วคงที่ขณะเดินทางไกล
ระบบนำร่องผ่านดาวเทียมและระบบสื่อสารข้อมูลการจราจรออนไลน์ BMW Online and Real Time Traffic
By : Saksithi Chompaisal - Foreign Editor
สปอร์ตแฮทชแบ็คสายพันธ์ซีรีส์ 1 วางเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่เน้นประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซลรวม 9 รุ่นด้วยกัน BMW 1 Series สปอร์ตแฮทชแบ็คนับว่าเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ รูปทรงปราดเปรียวเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ ห้องโดยสารสไตล์สปอร์ตหรูและห้องบรรจุสัมภาระด้านท้ายกว้างขวาง
กรอบไฟหน้าออกแบบใหม่เป็นไฟแบบ LED แผงสปอยเลอร์หน้ามีไฟตัดหมอก แผงกันชนทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบใหม่ กรอบไฟท้ายรูปทรงเหลี่ยม ปลายท่อไอเสียรูปทรงกลมคู่ เหนือหลังคาด้านท้ายติดสปอยเลอร์มีไฟเบรกดวงที่ 3 และกระทะล้อลวดลาย 5 ก้านคู่
ห้องโดยสารกว้างขวางตกแต่งรอบคันด้วยหนังแท้ พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน คอนโซลกลางติดจอมอนิเตอร์ ขนาด 6.5 นิ้วมีขนาด 8 นิ้วให้เลือก ชุดไฟแสดงระบบการทำงานต่าง ๆ สามารถปรับความสว่างของแสงได้ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อทัศนวิสัยที่ดีกว่าในการขับขี่
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซล เครื่องพื้นฐานเบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 3 สูบแถวเรียง 109 แรงม้าและให้แรงบิด 180 นิวตันเมตรวางไว้ในรุ่น 116i
รุ่น 118i วางเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.6 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง ติดเทอร์โบชาร์จ ระบบปรับวาล์วแปรผันอัจฉริยะ สามารถรีดแรงม้าสูงสุด 136 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 20 นิวตันเมตร รุ่น 120i วางเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบแถวเรียงติดเทอร์โบชาร์จ ขนาด 1.6 ลิตรให้แรงม้าสูงสุด 177 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตรและรุ่น 125i วางเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียงติดเทอร์โบชาร์จ 218 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 318 นิวตันเมตร
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลมีให้เลือก 5 รุ่นด้วยกัน รุ่น 116d และรุ่น 116d Efficient Dynamic Edition ซึ่ง วางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ แบบ 3 สูบแถวเรียง ขนาด 1.5 ลิตร 116 แรงม้าและให้แรงบิด 270 นิวตันเมตร
รุ่น 118d และ 118d xDrive วางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 150 แรงม้าและให้แรงบิด 320 นิวตันเมตรและรุ่น 120d และ 120d xDrive วางเครื่องดีเซลเทอร์โบ แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิต 190 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรและรุ่น 125d วางเครื่องดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร 224 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร รุ่น 116d Efficient Dynamic Edition ซึ่งเป็นรุ่นที่ประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุดวางเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่เน้นประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของบีเอ็มดับลิว ปล่อยค่าคาร์บอนมอน๊อกไซด์เฉลี่ย 89 กรัมต่อกิโลเมตร ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 6 และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 3.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
ส่วนรุ่นท็อป M135i xDrive วางเครื่องแบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร 326 แรงม้าและให้แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร สมรรถนะการทำความเร็ว จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 5.1 วินาทีและความเร็วสูงสุดจำกัดด้วยอิเล็กทรอนิคส์ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 7.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรและปล่อยคาร์บอนมอน็อกไซด์ 182 กรัมต่อกิโลเมตร
สมรรถนะการทำความเร็วของสปอร์ตแฮทชแบ็ค รุ่น 116i จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 8.5 และทำความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มีเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะมีระบบชิฟท์เกียร์ Steptronic ให้เลือก และการกระจายน้ำหนักระหว่างหน้า/หลังเท่ากับ 50/50 เพื่อผลทางด้านเสถียรภาพการควบคุมการขับขี่ที่ดีกว่า
ระบบกันสะเทือนพัฒนาเน้นน้ำหนักเบาผลิตจากอะลูมิเนียมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอสัน สตรัท Aluminium double-joint cross-strut axle ด้านหลังแบบ 5- ลิ้งค์ เสริมประสิทธิภาพด้วยการติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่และระบบควบคุมการยึดเกาะถนน โดยมีระบบ Servotronic เป็นอุปกรณ์ให้เลือก นอกจากนี้ระบบเกียร์แบบอัตโนมัติ 8 จังหวะมีโหมดให้เลือกขับขี่ได้ 4 รูปแบบประกอบด้วยโหมด Comfort, Sport, Sport+ และ Eco Pro
ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบสไตล์สปอร์ตหรู ติดตั้งระบบนำร่องผ่านดาวเทียม เหนือคอนโซลกลางติดตั้งจอมอนิเตอร์แบบมัลติฟังก์ชั่นปรับพับเก็บได้ มีระบบ Control Display สั่งการแบบสัมผัส พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ติดตั้งชุดควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบปรับเปลี่ยนเกียร์และระบบปรับตั้งความเร็วคงที่ขณะเดินทางไกล
ระบบนำร่องผ่านดาวเทียมและระบบสื่อสารข้อมูลการจราจรออนไลน์ BMW Online and Real Time Traffic
