CHINA – หลังยุคกวาดล้างอิทธิพล “ขันที” เกิดตำนานยิ่งใหญ่ “สามก๊ก” (ตอนที่ 2)


By : C. Methas - Managing Editor

หลังจากการกวาดล้างอิทธิพลของพวกขันทีครั้งใหญ่จนหมดสิ้นอำนาจ และสิ้นสงครามเซ็กเพ็ก อำนาจในแผ่นดินแบ่งเป็น 3 ฝ่ายหรือ 3 ก๊ก ได้แก่ วุ่ยก๊ก ของเฉาเชาหรือโจโฉ มีอำนาจบริเวณแถบลุ่มแน่น้ำฮวงโห เป็นรัฐที่แข็งแกร่งที่สุด มีขุนพลและที่ปรึกษาผู้มีความสามารถจำนวนมาก

ง่อก๊กของซุนเฉวียนหรือซุนกวน ครองอำนาจที่ปากแม่น้ำแยงซีเกียง มีแม่ทัพ โจวอี่หรือจิวยี่ ผู้ชาญฉลาด และจ๊กก๊กของหลิวเปี้ยหรือเล่าปี่ มีอิทธิพลในแถบชิงอี้โจวกับฮั่นจง มีมิตรสหายที่เก่งกาจและซื่อสัตย์ยิ่ง มีชื่อเสียงจากอดีตจนถึงปัจจุบัน คือ กุนซือ จูเก๋อเลี่ยงหรือขงเบ้ง ขุนศึก 3 คน คือ

กวนอี่หรือกวนอู

จังเฟยหรือเตียวหุย

เจ้าอวิ๋นหรือจูล่ง

แต่เป็นรัฐอ่อนแอที่สุด

การรวมสามก๊กเป็นหนึ่งเดียว

ความขัดแย้งระหว่างซุนเฉวียนกับหลิวเป้ยมีมาต่อเนื่องจากเรื่องการยึดดินแดนบางส่วนของหลิวเป้ยและเรื่องซุนเฉวียนสังหารกวนอี่หรือกวนอู พี่น้องร่วมสาบานของหลิวเป้ย เมื่อสถาปนาอาณาจักรจ๊กก๊กอย่างเป็นทางการและตั้งตนเป็นเจ้า จึงเริ่มภารกิจแก้แค้นให้กวนอี่ โดยไม่ฟังคำทัดทานของกุนซือ ขงเบ้ง ต้องพ่ายแพ้กลับมาและสิ้นชีวิตในเวลาต่อมา

กุนซือของเขายังคงพยายามตีเมืองเหนือ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากขงเบ้งสิ้นชีวิต ทายาทของหลิวเป้ย ไม่มีความสามารถเพียงพอ ทำให้จ๊กก๊กของหลิวเป้ยอ่อนแอลง ส่วนวุ่ยก๊กของเฉาเชาซึ่งเสียชีวิตไป ทายาทไม่สามารถรักษาอำนาจไว้ได้

ถูกสองพ่อลูกตระกูลซือหม่าแย่งชิงการครองแผ่นดินไป ซือหม่าเจา หรือสุมาเจียว นำทหารบุกตีพวกจ๊กก๊กของหลิวเป้ยแตก ยุคหลังจากกุนซือ ขงเบ้งสิ้นชีวิตแล้ว ยึดครองแผ่นดินส่วนนั้นไว้ ต่อมาสุมาเอี๋ยน บุตรชายของสุมาเจียวสถาปนาตนเป็นจักรพรรดินามว่า พระเจ้าจิ้นอู่ตี้ ซึ่งถือเป็นต้นราชวงศ์จิ้น

ปี ค.ศ. 280 นำกองทัพบุกตีง่อก๊ก ของ ซุนกวน แตก ถือเป็นการวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวกันได้สำเร็จ ช่วง พ.ศ. 808-1131 ซือหม่าเอี๋ยนสถาปนาตนเองเป็นจิ้นอู่ตี้ ก่อตั้งราชวงค์จิ้นตะวันตกใน ปีคริสตศักราช 265 แทนที่ราชวงศ์วุ่ยของเฉาเชาหรือโจโฉ เมื่อถึงปี 280 จิ้นตะวันตกปราบก๊กอู๋ลงได้ สภาพการแบ่งแยกอำนาจของสามก๊กสลายตัว แผ่นดินจีนรวมเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง

ราชวงศ์จิ้นเป็นยุคสมัยที่กลุ่มตระกูลใหญ่ก้าวเข้ามาเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมือง

เนื่องจากนโยบายการปกครองของซือหม่าเอี๋ยนหรือจิ้นอู่ตี้ โน้มเอียงไปในทางเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มตระกูลชนชั้นสูง กฎหมายให้สิทธิพิเศษต่อขุนนางเจ้าที่ดิน กลายเป็นเครื่องมือการเพาะสร้างอำนาจแบบเบ็ดเสร็จให้กับกลุ่มตระกูลใหญ่ เกิดการแบ่งแยกทางชนชั้นในสังคมครั้งใหญ่ เพื่อรักษาสิทธิพิเศษนี้ ถึงกับไม่ยอมนั่งร่วมโต๊ะหรือแต่งงานข้ามสายเลือดกับตระกูลที่ไม่ได้รับสิทธิพิเศษ ผู้อยู่นอกวงตระกูลแม้ได้เข้ารับราชการยังคงถูกกีดกันไม่ให้ได้รับการเลื่อนขั้นตำแหน่งสูงขึ้น

นับแต่สมัยฮั่นตะวันออก ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในในแถบชายแดนภาคตะวันตกและภาคเหนือก็ได้ทยอยอพยพเข้าสู่แผ่นดินจีน เมื่อถึงปลายราชวงศ์วุ่ยและจิ้น เนื่องจากเกิดภาวะแรงงานขาดแคลน มีการกวาดต้อนชนกลุ่มน้อยเข้ามาเป็นแรงงาน ชนเผ่าต่าง ๆ เมื่อเข้ามาอาศัยระยะยาว ได้รับอิทธิพลจากชาวฮั่น เปลี่ยนวิถีชีวิตที่เดิมเป็นปศุสัตว์เร่ร่อน ได้รับการศึกษาเข้ารับราชการ

ต่อมาเนื่องจากได้รับการบีบคั้นจากการปกครองของเจ้าที่ดินและการรีดเก็บภาษีขั้นสูง ในที่สุดพากันลุกขึ้นต่อต้านการปกครองจากส่วนกลาง โดยกลุ่มที่เริ่มทำการก่อนได้แก่กลุ่มขุนศึกของชนเผ่าต่าง ๆ

ในช่วงปลายของจลาจล 8 อ๋อง บรรดาเชื้อพระวงศ์ ผู้นำของแต่ละกลุ่มทยอยเสียชีวิตในการรบ ปี 316 กองกำลังของชนเผ่าซงหนู บุกเข้านครฉางอัน จับกุมจิ้นหมิ่นตี้ เข้ารับโทษทัณฑ์ จิ้นตะวันตกจึงถึงกาลล่มสลาย

ราชวงศ์จิ้นตะวันออกก่อตั้งขึ้นหลังการย้ายราชธานีของเหล่าข้าราชสำนักจิ้นลงสู่ภาคใต้ ภายหลังการล่มสลายของราชวงศ์จิ้นตะวันตก

บ้านเมืองตอนเหนือระส่ำระสาย เกิดสงครามการแย่งชิงของแคว้นต่าง ๆ ภายใต้การนำของกลุ่มชนเผ่าจากนอกด่าน ความแตกแยกดำเนินไปท่ามกลางการล้มล้างแล้วก่อตั้งครั้งแล้วครั้งเล่า สู่การหลอมรวมทางชนชาติครั้งใหญ่ของจีนและล่มสลายลงของราชวงศ์จิ้นตะวันออก

Recent posts

error: Content is protected !!