By : C. Methas – Managing Editor
สปอร์ตซูเปอร์คาร์ในฐานะรถต้นแบบรุ่น Sesto Elemento ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเบากว่า 1,000 กิโลกรัม โดยอาศัยเทคโนโลยี่ด้านวัสดุศาสตร์คาร์บอนไฟเบอร์พลาสติคหล่อ (CFRP) เปี่ยมสมรรถนะการทำความเร็ว ทำความเร็วสูงสุดได้เกินกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Stephan Winkelmann ประธานและผู้บริหารสูงสุดของ Automobili Lamborghini ได้กล่าวว่า
สปอร์ตซูเปอร์คาร์ต้นแบบรุ่นนี้เป็นยานยนต์ที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของซูเปอร์ในอนาคตที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ เปี่ยมสมรรถนะและขับสนุกเร้าใจอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งทางลัมบอร์กินี่ได้อาศัยความชำนาญทางด้านเทคโนโลยี่ที่มีอยู่ทั้งหมดทุ่มเทให้กับการพัฒนาสปอร์ตต้นแบบรุ่นนี้ โดยเน้นในเรื่องของการลดน้ำหนักรถเปล่าที่เบามากเป็นพิเศษ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญมากยยิ่งสำหรับการกำหนดอนาคตของซูเปอร์คาร์ในแต่ละรุ่น
เครื่องยนต์ ขนาด 5.2 ลิตร เป็นบล็อคเดียวกับที่วางไว้ในรุ่น Gallardo Superleggera แบบ วี-10 สูบ ทำมุม 90 องศา จำนวน 4 วาล์วต่อสูบ ระบบเพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิคส์ อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 12.5:1 สามารถรีดแรงม้าสูงสุด 570 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 398 ปอนด์-ฟุตที่ 6,500 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้พละกำลังต่อน้ำหนัก 3.9 ปอนด์ต่อแรงม้า
สมรรถนะการทำความเร็วของสปอร์ตซูเปอร์คาร์ต้นแบบรุ่นนี้ สามารถทำความเร็ว จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 2.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้เกินกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วางรูปแบบเครื่องยนต์วางกลางลำตัว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์
Sesto Elemento สปอร์ตซูเปอร์ต้นแบบที่อาศัยเทคโนโลยี่ด้านวัสดุศาสตร์ ในส่วนของตัวถังและแชสซีส์ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ โดยรถมีน้ำหนักรถเปล่า 2,202 ปอนด์หรือ 999 กิโลกรัมเท่านั้น
ระบบพวงมาลัยเป็นแบบฟันเฟืองและตัวหนอน มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง ระบบเบรกแบบดิสก์มีร่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อผลิตจากคาร์บอนเซรามิค แคลิเปอร์เบรกคู่หน้าจำนวน 8 ลูกสูบ คู่หลังจำนวน 6 ลูกสูบ
ระบบกันสะเทือนผลิตจากอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน นอกจากนี้ยังใช้วัสดุเรซินและไททาเนียมเข้ามาเป็นส่วนประกอบสำหรับชิ้นส่วนบางชิ้น
Sesto Elemento ซูเปอร์คาร์ต้นแบบโฉมล่าสุดของลัมบอร์กินี่เป็นผลงานทางด้านเทคโนโลยี่สำหรับอนาคตที่พัฒนาโดย The Lamborghini Advanced Composite Structures Laboratory ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันร่วมกับสำนักวิจัยและพัฒนาของลัมบอร์กินี่ใน Sant’Agata ที่อิตาลี
By : C. Methas - Managing Editor
สปอร์ตซูเปอร์คาร์ในฐานะรถต้นแบบรุ่น Sesto Elemento ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเบากว่า 1,000 กิโลกรัม โดยอาศัยเทคโนโลยี่ด้านวัสดุศาสตร์คาร์บอนไฟเบอร์พลาสติคหล่อ (CFRP) เปี่ยมสมรรถนะการทำความเร็ว ทำความเร็วสูงสุดได้เกินกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Stephan Winkelmann ประธานและผู้บริหารสูงสุดของ Automobili Lamborghini ได้กล่าวว่า
สปอร์ตซูเปอร์คาร์ต้นแบบรุ่นนี้เป็นยานยนต์ที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของซูเปอร์ในอนาคตที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ เปี่ยมสมรรถนะและขับสนุกเร้าใจอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งทางลัมบอร์กินี่ได้อาศัยความชำนาญทางด้านเทคโนโลยี่ที่มีอยู่ทั้งหมดทุ่มเทให้กับการพัฒนาสปอร์ตต้นแบบรุ่นนี้ โดยเน้นในเรื่องของการลดน้ำหนักรถเปล่าที่เบามากเป็นพิเศษ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญมากยยิ่งสำหรับการกำหนดอนาคตของซูเปอร์คาร์ในแต่ละรุ่น
เครื่องยนต์ ขนาด 5.2 ลิตร เป็นบล็อคเดียวกับที่วางไว้ในรุ่น Gallardo Superleggera แบบ วี-10 สูบ ทำมุม 90 องศา จำนวน 4 วาล์วต่อสูบ ระบบเพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิคส์ อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 12.5:1 สามารถรีดแรงม้าสูงสุด 570 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 398 ปอนด์-ฟุตที่ 6,500 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้พละกำลังต่อน้ำหนัก 3.9 ปอนด์ต่อแรงม้า
สมรรถนะการทำความเร็วของสปอร์ตซูเปอร์คาร์ต้นแบบรุ่นนี้ สามารถทำความเร็ว จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 2.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้เกินกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วางรูปแบบเครื่องยนต์วางกลางลำตัว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์
Sesto Elemento สปอร์ตซูเปอร์ต้นแบบที่อาศัยเทคโนโลยี่ด้านวัสดุศาสตร์ ในส่วนของตัวถังและแชสซีส์ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ โดยรถมีน้ำหนักรถเปล่า 2,202 ปอนด์หรือ 999 กิโลกรัมเท่านั้น
ระบบพวงมาลัยเป็นแบบฟันเฟืองและตัวหนอน มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง ระบบเบรกแบบดิสก์มีร่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อผลิตจากคาร์บอนเซรามิค แคลิเปอร์เบรกคู่หน้าจำนวน 8 ลูกสูบ คู่หลังจำนวน 6 ลูกสูบ
ระบบกันสะเทือนผลิตจากอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน นอกจากนี้ยังใช้วัสดุเรซินและไททาเนียมเข้ามาเป็นส่วนประกอบสำหรับชิ้นส่วนบางชิ้น
Sesto Elemento ซูเปอร์คาร์ต้นแบบโฉมล่าสุดของลัมบอร์กินี่เป็นผลงานทางด้านเทคโนโลยี่สำหรับอนาคตที่พัฒนาโดย The Lamborghini Advanced Composite Structures Laboratory ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันร่วมกับสำนักวิจัยและพัฒนาของลัมบอร์กินี่ใน Sant’Agata ที่อิตาลี
