Mercedes-Benz โชว์วิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” พร้อมเผยโฉมยนตรกรรมระดับลักชัวรี่ครบทุกรุ่น ที่บูธ A19 ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44


บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” ยกทัพยนตรกรรมระดับลักชัวรีลุยงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44” ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม ถึง 2 เมษายน 2566 ที่บูธหมายเลข A19 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี โดยไฮไลท์สำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ คือการเผยโฉมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ รุ่นล่าสุด อย่าง “EQB 250 AMG Line” รถเอสยูวีไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่ผสานความหรูหราและความสะดวกสบายในทุกมิติ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่แรงดันสูง วิ่งได้ไกลถึง 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ผลิตและนำเข้าแบบ CBU พร้อมเปิดราคาจำหน่ายที่ 3,020,000 บาท

ภายในบูธ ยังมีการจัดแสดงยนตรกรรมเหนือชั้นอีกมากมาย อาทิ “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่วิ่งได้ไกลถึง 702 กิโลเมตร “Mercedes-AMG G 63” รถเอสยูวีพี่ใหญ่ของแบรนด์ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นราชันแห่งเส้นทางออฟโรด “Mercedes-AMG SL 43” รถสปอร์ตโรดสเตอร์ในตำนาน รวมถึงยนตรกรรมระดับ Top-End อย่าง “Mercedes-Maybach S 580 4MATIC Premium” และรถยนต์อีกกว่า 20 รุ่น ที่พร้อมให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับยนตรกรรมและประสบการณ์ที่เหนือระดับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงานมอเตอร์โชว์

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มาพร้อมวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยผ่านแผนการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ทั้งการให้ความสำคัญเกี่ยวกับแผนงานด้านความยั่งยืน (Sustainability) การนำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) การนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology and Innovation) รวมถึงการมอบประสบการณ์แบบลักชัวรี่ (Luxury Experience) โดยเราได้นำวิสัยทัศน์ดังกล่าวมาต่อยอดเป็นแนวคิดหลักในการจัดแสดงรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่บูธหมายเลข A19 ในงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งสะท้อนผ่านทุกองค์ประกอบทั้งในด้านของการออกแบบบูธ ที่ผสานความยั่งยืนและความล้ำสมัยในยุค Digital โดยเน้นการประยุกต์ใช้จอ LED ขนาดใหญ่มาติดตั้งที่รอบตัวบูธในรูปแบบ 360 องศา ควบคู่ไปกับการจัดแสดงยนตรกรรมทุกรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีมากกว่า 20 รุ่น โดยมีรุ่นไฮไลท์อย่าง EQB 250 AMG Premium รถพลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบเอสยูวี ที่จะถูกจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และทุกคนจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับ EQS 500 4MATIC AMG Premium / Mercedes-AMG G 63 และ Mercedes-AMG SL 43 รวมถึงรถในกลุ่ม Mercedes-Maybach และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอย่าง C 350 e AMG Dynamic นอกจากนี้ ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมทุกคนจะได้รับประสบการณ์แบบลักชัวรี่ที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายในงาน หรือที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย ตลอดช่วงเวลาของการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44″

พบกับ EQB 250 AMG Line เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

EQB 250 AMG Line รถพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ล่าสุด ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ผลิตและนำเข้าทั้งคันแบบ CBU มาพร้อมตัวถังในรูปแบบเอสยูวีที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกับรถ Compact SUV ของแบรนด์อย่าง GLB รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แรงดันสูงความจุ 66.5 kWh มีระยะทางการขับขี่สูงสุด 460 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 100 kW ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจาก 10 – 80% เพียง 32 นาที สำหรับการชาร์จแบบ AC รองรับสูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจาก 0 – 100% ประมาณ 6 ชั่วโมง 50 นาที โดยนอกจากความโดดเด่นจากการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบเอสยูวีแล้ว EQB 250 AMG Line ยังมีการออกแบบในสไตล์​ AMG ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมติดตั้งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครอบคลุมทั้งความบันเทิงและความสะดวกสบายภายในรถ ระบบความปลอดภัยขั้นสูงรวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หลายรายการ ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าในระดับลักชัวรี่ ที่มีทั้งความหรูหรา ความสปอร์ต ตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในราคาที่เหมาะสม

*EQB 250 AMG Line วางจำหน่ายในราคา 3,020,000 บาท

สัมผัสคันจริงกับราชันแห่ง Off-Road “Mercedes-AMG G 63”

Mercedes-AMG G 63 ยนตรกรรมสุดคลาสสิคในรูปแบบเอสยูวีขนาดใหญ่ ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ดุดันในสไตล์ G-Class พร้อมสมรรถนะที่ทรงพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ติดตั้งเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT อัตโนมัติแบบ 9 จังหวะ มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG PERFORMANCE 4MATIC all-wheel drive ที่ทำให้รถยนต์คันนี้เป็นสุดยอดยนตรกรรมสำหรับ
การตะลุยเส้นทางแบบออฟโรดได้อย่างไร้ที่ติ

*Mercedes-AMG G 63 วางจำหน่ายในราคา 17,920,000 บาท

เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 172,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ

แบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค เมอร์เซเดส-อีคิว จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยแบรนด์เมอร์-เซเดส มีนำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับลักชัวรีรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2564 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 1.9 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 386,200 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” ยกทัพยนตรกรรมระดับลักชัวรีลุยงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44” ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม ถึง 2 เมษายน 2566 ที่บูธหมายเลข A19 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี โดยไฮไลท์สำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ คือการเผยโฉมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ รุ่นล่าสุด อย่าง “EQB 250 AMG Line” รถเอสยูวีไฟฟ้า 5 ที่นั่ง ที่ผสานความหรูหราและความสะดวกสบายในทุกมิติ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่แรงดันสูง วิ่งได้ไกลถึง 460 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ผลิตและนำเข้าแบบ CBU พร้อมเปิดราคาจำหน่ายที่ 3,020,000 บาท

ภายในบูธ ยังมีการจัดแสดงยนตรกรรมเหนือชั้นอีกมากมาย อาทิ “EQS 500 4MATIC AMG Premium” รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่วิ่งได้ไกลถึง 702 กิโลเมตร “Mercedes-AMG G 63” รถเอสยูวีพี่ใหญ่ของแบรนด์ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นราชันแห่งเส้นทางออฟโรด “Mercedes-AMG SL 43” รถสปอร์ตโรดสเตอร์ในตำนาน รวมถึงยนตรกรรมระดับ Top-End อย่าง “Mercedes-Maybach S 580 4MATIC Premium” และรถยนต์อีกกว่า 20 รุ่น ที่พร้อมให้ทุกคนได้มาสัมผัสกับยนตรกรรมและประสบการณ์ที่เหนือระดับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงานมอเตอร์โชว์

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มาพร้อมวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยผ่านแผนการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน ทั้งการให้ความสำคัญเกี่ยวกับแผนงานด้านความยั่งยืน (Sustainability) การนำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) การนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Technology and Innovation) รวมถึงการมอบประสบการณ์แบบลักชัวรี่ (Luxury Experience) โดยเราได้นำวิสัยทัศน์ดังกล่าวมาต่อยอดเป็นแนวคิดหลักในการจัดแสดงรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่บูธหมายเลข A19 ในงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งสะท้อนผ่านทุกองค์ประกอบทั้งในด้านของการออกแบบบูธ ที่ผสานความยั่งยืนและความล้ำสมัยในยุค Digital โดยเน้นการประยุกต์ใช้จอ LED ขนาดใหญ่มาติดตั้งที่รอบตัวบูธในรูปแบบ 360 องศา ควบคู่ไปกับการจัดแสดงยนตรกรรมทุกรุ่นของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีมากกว่า 20 รุ่น โดยมีรุ่นไฮไลท์อย่าง EQB 250 AMG Premium รถพลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบเอสยูวี ที่จะถูกจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และทุกคนจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับ EQS 500 4MATIC AMG Premium / Mercedes-AMG G 63 และ Mercedes-AMG SL 43 รวมถึงรถในกลุ่ม Mercedes-Maybach และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอย่าง C 350 e AMG Dynamic นอกจากนี้ ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมทุกคนจะได้รับประสบการณ์แบบลักชัวรี่ที่บูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายในงาน หรือที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย ตลอดช่วงเวลาของการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44"

พบกับ EQB 250 AMG Line เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

EQB 250 AMG Line รถพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ล่าสุด ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ผลิตและนำเข้าทั้งคันแบบ CBU มาพร้อมตัวถังในรูปแบบเอสยูวีที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกับรถ Compact SUV ของแบรนด์อย่าง GLB รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PSM ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แรงดันสูงความจุ 66.5 kWh มีระยะทางการขับขี่สูงสุด 460 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 100 kW ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจาก 10 - 80% เพียง 32 นาที สำหรับการชาร์จแบบ AC รองรับสูงสุด 11 kW ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจาก 0 - 100% ประมาณ 6 ชั่วโมง 50 นาที โดยนอกจากความโดดเด่นจากการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบเอสยูวีแล้ว EQB 250 AMG Line ยังมีการออกแบบในสไตล์​ AMG ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมติดตั้งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครอบคลุมทั้งความบันเทิงและความสะดวกสบายภายในรถ ระบบความปลอดภัยขั้นสูงรวมถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่หลายรายการ ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าในระดับลักชัวรี่ ที่มีทั้งความหรูหรา ความสปอร์ต ตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในราคาที่เหมาะสม

*EQB 250 AMG Line วางจำหน่ายในราคา 3,020,000 บาท

สัมผัสคันจริงกับราชันแห่ง Off-Road “Mercedes-AMG G 63”

Mercedes-AMG G 63 ยนตรกรรมสุดคลาสสิคในรูปแบบเอสยูวีขนาดใหญ่ ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ดุดันในสไตล์ G-Class พร้อมสมรรถนะที่ทรงพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ติดตั้งเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT อัตโนมัติแบบ 9 จังหวะ มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG PERFORMANCE 4MATIC all-wheel drive ที่ทำให้รถยนต์คันนี้เป็นสุดยอดยนตรกรรมสำหรับ การตะลุยเส้นทางแบบออฟโรดได้อย่างไร้ที่ติ

*Mercedes-AMG G 63 วางจำหน่ายในราคา 17,920,000 บาท

เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 172,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ

แบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค เมอร์เซเดส-อีคิว จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยแบรนด์เมอร์-เซเดส มีนำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับลักชัวรีรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2564 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 1.9 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 386,200 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!