MONGOLIA-การขยายอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ในอดีตของเผ่ามองโกล (ตอนที่ 4)


By : C. Methas – Managing Editor

หลังจากได้ขยายอาณาจักรไปจรดเอเชียกลางและได้ขยายต่อเนื่องไปยังคาบสมุทรเกาหลี จนกระทั่งรุกเข้าสู่ญี่ปุ่น แต่ยังไม่สามารถตีญี่ปุ่นได้สำเร็จเนื่องจากกองเรือเจอกับพายุและคลื่นยักษ์ กองทัพมองโกลได้ย้อนกลับมารุกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มต้นจากอาณาจักรพุกามหรือพม่าได้สำเร็จและได้ขยายรุกคืบไปยังอาณาจักรอันนัมหรือเวียตนาม ต่อเนื่องไปยังอาณาจักรจัมปาหรือเขมรในปัจจุบัน จนกระทั่งต่อเนื่องมายังอาณาจักรสุโขทัย ไปยังละโว้ จนขยายไปถึงสุมาตราหรืออินโดนีเซีย

กุบไลข่านได้ส่งทูตเชิญพระเจ้าตรัน ถั่น ทอน กษัตริย์อาณาจักรอันนัมและพระเจ้าชัยอินทรวรมันที่ 6 แห่งอาณาจักรจัมปา หลังจากนั้นไปเยือนราชสำนักของพระองค์ที่เมืองต้าตูอาณาจักรมองโกล แต่ปรากฏว่าไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเสด็จไป เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง ในปี พ.ศ. 1824 กุบไลข่านจึงตัดสินใจใช้วิธีการรุกด้วยสงครามเข้ายึดเมืองหลวง แม้ว่าจะเจออุปสรรคมากมายเนื่องจากไม่คุ้นเคยกับพื้นที่และสภาพอากาศแบบร้อนชื้นที่มีโรคภัยมากมาย แต่ท้ายที่สุดก็สามารถยึดครองได้

กุบไลข่านส่งกองทัพแผ่อำนาจลงทางใต้เพื่อล้มล้างราชวงศ์ซ่งทางตอนใต้ของจีน ผลจากการตามไล่ล่าพวกราชวงศ์ซ่ง เป็นสาเหตุที่ทำให้กองทัพมองโกลรุกรานลงมายังเขตมณฑลยูนนานในปี พ.ศ. 1796 หลังจากเคลื่อนกองทัพเข้ายึดมณฑลยูนนานและโจมตีอาณาจักรน่านเจ้าในยูนนานแตกแล้ว ตามข้อสันนิษฐานทางประวัติศาสตร์ถือว่าอาณาจักรน่านเจ้าเป็นอาณาจักรของไทย ที่ถูกกองทัพมองโกลโจมตีจึงได้อพยพลงมาทางใต้มาอยู่ในเขตแหลมทองและได้ตั้งอาณาจักรสุโขทัยขึ้น

การรุกขยายไปยังสุมาตราหรืออาณาจักรสิงหะส่าหรี ซึ่งขณะนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองเกี่ยวกับการค้าขายโดยเฉพาะเครื่องเทศและรวบรวมเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ จึงไม่ยอมตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรมองโกล กุบไลข่านจึงสั่งจัดกองทัพเข้าบุกสุมาตราได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากมีการหักหลังกันเองในกลุ่มของอาณาจักรสุมาตรา ในที่สุดกองทัพมองโกลก็ถูกหักหลัง

แม้ว่ากองทัพมองโกลจะประสบความสำเร็จในการเข้าโจมตี หลังจากนั้นได้มีการยื่นข้อเสนอให้ยอมจำนน และได้ขอให้จัดกำลังทหารมองโกลไม่ต้องติดอาวุธจำนวน 200 นาย คอยอารักขาไปยังเมืองมัชปาหิต ซึ่งเมืองนั้นได้จัดเตรียมพิธียื่นข้อเสนอยอมจำนนต่อผู้แทนกุบไลข่านอย่างเป็นทางการ

เหตุการณ์ร้ายได้เกิดขึ้นระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังเมืองมัชปาหิต กองกำลังทหารของเจ้าชายวิชัยที่หักหลัง ได้ลอบซุ่มโจมตีทหารมองโกล ส่วนกองทัพใหญ่ของมองโกล ซึ่งรออยู่ที่เมืองเคดิรี ถูกกองทัพใหญ่ของเจ้าชายวิชัยโอบล้อมโจมตีโดยที่ไม่มีใครคาดคิด

แม่ทัพมองโกลได้นำกองกำลังตีฝ่าวงล้อมเพื่อมุ่งหน้าไปยังกองเรือที่จอดอยู่ท่าเรือ ในที่สุดต้องล่าถอย และตัดสินใจวิ่งไปยังเรือ แต่ต้องสูญเสียชีวิตของทหารราบไปกว่าสามพันคน เมื่อกลับไปถึงมองโกล กุบไลข่านได้สวรรคตในปี พ.ศ. 1837 และไม่มีผู้นำคนใดที่จะนำกองทัพไปปราบปรามอาณาจักรสิงหะส่าหรีหรือ อินโดนีเซียในปัจจุบันอีก

อาณาจักรมองโกลได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยเจงกีส ข่าน โดยคำว่า เจงกีส ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้ปกครองที่มีอำนาจมาก” เจงกีส ข่านเป็นจักรพรรดินักรบชาวมองโกล เดิมชื่อ เตมูจินได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น เจงกีส ข่านเมื่อปีพ.ศ. 1749 กำเนิดที่ริมฝั่งแม่น้ำโอนอน ขึ้นครองราชย์แทนพระบิดาเมื่ออายุ 13 ขวบ และได้ต่อสู้กับชนเผ่าต่าง ๆ เป็นจำนวนมากในมองโกเลีย จนกระทั่งสามารถรวบรวมเป็นปึกแผ่น ก่อตั้งอาณาจักรมองโกเลียได้สำเร็จ และได้ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางตั้งแต่ทะเลดำจดมหาสมุทรแปซิฟิก เจงกีส ข่านได้รับการยกย่องว่าเป็นนักการทหารที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลกคนหนึ่ง

By : C. Methas - Managing Editor

หลังจากได้ขยายอาณาจักรไปจรดเอเชียกลางและได้ขยายต่อเนื่องไปยังคาบสมุทรเกาหลี จนกระทั่งรุกเข้าสู่ญี่ปุ่น แต่ยังไม่สามารถตีญี่ปุ่นได้สำเร็จเนื่องจากกองเรือเจอกับพายุและคลื่นยักษ์ กองทัพมองโกลได้ย้อนกลับมารุกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มต้นจากอาณาจักรพุกามหรือพม่าได้สำเร็จและได้ขยายรุกคืบไปยังอาณาจักรอันนัมหรือเวียตนาม ต่อเนื่องไปยังอาณาจักรจัมปาหรือเขมรในปัจจุบัน จนกระทั่งต่อเนื่องมายังอาณาจักรสุโขทัย ไปยังละโว้ จนขยายไปถึงสุมาตราหรืออินโดนีเซีย

กุบไลข่านได้ส่งทูตเชิญพระเจ้าตรัน ถั่น ทอน กษัตริย์อาณาจักรอันนัมและพระเจ้าชัยอินทรวรมันที่ 6 แห่งอาณาจักรจัมปา หลังจากนั้นไปเยือนราชสำนักของพระองค์ที่เมืองต้าตูอาณาจักรมองโกล แต่ปรากฏว่าไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเสด็จไป เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง ในปี พ.ศ. 1824 กุบไลข่านจึงตัดสินใจใช้วิธีการรุกด้วยสงครามเข้ายึดเมืองหลวง แม้ว่าจะเจออุปสรรคมากมายเนื่องจากไม่คุ้นเคยกับพื้นที่และสภาพอากาศแบบร้อนชื้นที่มีโรคภัยมากมาย แต่ท้ายที่สุดก็สามารถยึดครองได้

กุบไลข่านส่งกองทัพแผ่อำนาจลงทางใต้เพื่อล้มล้างราชวงศ์ซ่งทางตอนใต้ของจีน ผลจากการตามไล่ล่าพวกราชวงศ์ซ่ง เป็นสาเหตุที่ทำให้กองทัพมองโกลรุกรานลงมายังเขตมณฑลยูนนานในปี พ.ศ. 1796 หลังจากเคลื่อนกองทัพเข้ายึดมณฑลยูนนานและโจมตีอาณาจักรน่านเจ้าในยูนนานแตกแล้ว ตามข้อสันนิษฐานทางประวัติศาสตร์ถือว่าอาณาจักรน่านเจ้าเป็นอาณาจักรของไทย ที่ถูกกองทัพมองโกลโจมตีจึงได้อพยพลงมาทางใต้มาอยู่ในเขตแหลมทองและได้ตั้งอาณาจักรสุโขทัยขึ้น

การรุกขยายไปยังสุมาตราหรืออาณาจักรสิงหะส่าหรี ซึ่งขณะนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองเกี่ยวกับการค้าขายโดยเฉพาะเครื่องเทศและรวบรวมเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ จึงไม่ยอมตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรมองโกล กุบไลข่านจึงสั่งจัดกองทัพเข้าบุกสุมาตราได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากมีการหักหลังกันเองในกลุ่มของอาณาจักรสุมาตรา ในที่สุดกองทัพมองโกลก็ถูกหักหลัง

แม้ว่ากองทัพมองโกลจะประสบความสำเร็จในการเข้าโจมตี หลังจากนั้นได้มีการยื่นข้อเสนอให้ยอมจำนน และได้ขอให้จัดกำลังทหารมองโกลไม่ต้องติดอาวุธจำนวน 200 นาย คอยอารักขาไปยังเมืองมัชปาหิต ซึ่งเมืองนั้นได้จัดเตรียมพิธียื่นข้อเสนอยอมจำนนต่อผู้แทนกุบไลข่านอย่างเป็นทางการ

เหตุการณ์ร้ายได้เกิดขึ้นระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังเมืองมัชปาหิต กองกำลังทหารของเจ้าชายวิชัยที่หักหลัง ได้ลอบซุ่มโจมตีทหารมองโกล ส่วนกองทัพใหญ่ของมองโกล ซึ่งรออยู่ที่เมืองเคดิรี ถูกกองทัพใหญ่ของเจ้าชายวิชัยโอบล้อมโจมตีโดยที่ไม่มีใครคาดคิด

แม่ทัพมองโกลได้นำกองกำลังตีฝ่าวงล้อมเพื่อมุ่งหน้าไปยังกองเรือที่จอดอยู่ท่าเรือ ในที่สุดต้องล่าถอย และตัดสินใจวิ่งไปยังเรือ แต่ต้องสูญเสียชีวิตของทหารราบไปกว่าสามพันคน เมื่อกลับไปถึงมองโกล กุบไลข่านได้สวรรคตในปี พ.ศ. 1837 และไม่มีผู้นำคนใดที่จะนำกองทัพไปปราบปรามอาณาจักรสิงหะส่าหรีหรือ อินโดนีเซียในปัจจุบันอีก

อาณาจักรมองโกลได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยเจงกีส ข่าน โดยคำว่า เจงกีส ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้ปกครองที่มีอำนาจมาก” เจงกีส ข่านเป็นจักรพรรดินักรบชาวมองโกล เดิมชื่อ เตมูจินได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น เจงกีส ข่านเมื่อปีพ.ศ. 1749 กำเนิดที่ริมฝั่งแม่น้ำโอนอน ขึ้นครองราชย์แทนพระบิดาเมื่ออายุ 13 ขวบ และได้ต่อสู้กับชนเผ่าต่าง ๆ เป็นจำนวนมากในมองโกเลีย จนกระทั่งสามารถรวบรวมเป็นปึกแผ่น ก่อตั้งอาณาจักรมองโกเลียได้สำเร็จ และได้ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางตั้งแต่ทะเลดำจดมหาสมุทรแปซิฟิก เจงกีส ข่านได้รับการยกย่องว่าเป็นนักการทหารที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์โลกคนหนึ่ง

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!