จารึกตำนานรถแข่งสูตร 1 : ประวัติศึกฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ช่วงแรกปีที่ 6 ค.ศ. 1955 (ตอนที่ 6) – ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ 2 สมัยซ้อนให้กับทีมเมอเซเดส


By : C. Methas – Managing Editor

1racing_flag

เมอเซเดสคว้าแชมป์ 2 สมัยซ้อน

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ 2 สมัยซ้อนให้กับทีมเมอเซเดสและเป็นการกวาดแชมป์เป็นสมัยที่ 3 ในชีวิตเอฟ-วันโดยลงขับด้วยรถแข่ง รหัส W196 ในศึกฟอร์มูล่า-วัน สมัยที่ 6 เมื่อปีค.ศ. 1955 ซึ่งประเดิมสนามแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคมไปสิ้นสุดสนามปิดฤดูกาลในวันที่ 11 กันยายน ปีค.ศ. 1955

ทีมเมอเซเดสประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีค.ศ. 1955 ด้วยการคว้าอันดับ 1-2 ของตารางแชมป์โลกโดยฮวน มานูเอล ฟังจิโอได้เพื่อนร่วมทีมรายใหม่ สเตอร์ลิง มอสส์นักแข่งชาวอังกฤษมาร่วมทีม ส่วนคู่แข่งคนสำคัญ อัลแบร์โต แอสคาริ เจ้าของแชมป์โลก 2 สมัยในสังกัดทีมเฟอร์รารี่เมื่อปีค.ศ. 1952-1953 ประสบอุบัติเหตุในระหว่างการแข่งขันที่ศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์ซึ่งได้รับการบรรจุกลับเข้าสู่ตารางการแข่งขันอีกครั้งเป็นปีแรกและเสียชีวิตลงหลังจากนั้นอีก 4 วันต่อมาหลังจากประสบอุบัติเหตุอีกครั้งในระหว่างการทดสอบที่มอนซ่า เซอร์กิตในอิตาลีโดยในปีนั้นได้ลงขับในสังกัดทีมแลนเซีย

การแข่งขันในปีค.ศ. 1955 ยังคงประเดิมสนามแรกที่ศึกอาร์เจนติน่า กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันที่ 16 มกราคม นักขับเจ้าถิ่นฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ไปครองเช่นเดียวกับปีก่อนและเป็นนักขับที่ความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 45 หลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 3 ส่วนโจเซ ฟรอยแลน กอนซาเรซคว้าโพล โพสิชั่นไปครองมาเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ในสังกัดทีมเฟอร์รารี่เช่นเดียวกับปีก่อน อันดับ 3 เป็นของทีมเฟอร์รารี่อีกคันขับโดยกุยเซปโป้ นิโน ฟาริน่า

ศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์ได้กลับเข้ามาบรรจุในตารางการแข่งขันอีกครั้งเป็นสนามที่ 2 ทีมเฟอร์รารี่คว้าแชมป์ไปครองโดยมัวริค ทรินทิคแนนท์หลังจากแข่งครบ 100 รอบสนามหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 9 ตามมาด้วยอูเจนิโอ คาสเตลลอตติจากทีมแลนเซียหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 4 และจีน เบห์รา จากทีมมาเซราติเข้าเส้นชัยในอันดับ 3

ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอไม่จบการแข่งขันเนื่องจากระบบเกียร์พังในรอบที่ 49 แต่เป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบแรกและคว้าโพล โพสิชั่นไปครอง

สนามที่ 3 ที่อินเดียน่าโปลีส500 ยังคงเป็นการแข่งขันของทีมแข่งในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับ 5 ปีที่ผ่านมา ทีมเคอร์ทีส คราฟท์ยังเป็นทีมครองแชมป์และติด 10 อันดับแรกโดยบ็อบ สเวเคอร์ทเป็นผู้คว้าแชมป์

สนามที่ 4 ศึกเบลเยี่ยน กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันที่สปา ฟรังโกชองป์ส รวม 36 รอบ ฮอน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์สนามที่สองของปีนั้นและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 18 โดยออกสตาร์ทจากอันดับ 2 ส่วนอูเจนิโอ คาสเตลลอตติที่คว้าโพล โพสิชั่นไปครองต้องออกจากการแข่งขันไปเนื่องจากระบบเกียร์พังในรอบที่ 16

สนามนี้ทีมเมอเซเดสสร้างผลงานได้ดีด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 สเตอร์ลิง มอสส์ติดอันดับ 2 และอันดับ 3 เป็นของกุยเซปโป้ นิโน ฟาริน่าจากทีมเฟอร์รารี่

สนามที่ 5 ศึกฮอลแลนด์ กรังด์ปรีซ์แข่งขันเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนปีคศ. 1955 ทีมเมอเซเดสร้อนแรงอย่างต่อเนื่องด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ติดต่อกันและฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ได้สองสนามติดต่อกันหลังจากคว้าโพล โพสิชั่นได้ ตามมาด้วยสเตอร์ลิง มอสส์ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 เป็นการยึดหัวแถวได้สำเร็จของทีมเมอเซเดสตั้งแต่รอบควอลิฟายและอันดับ 3 เป็นของลิยจิ มัสโซ่ จากทีมมาเซราติ

สนามที่ 6 รายการอังกฤษ กรังด์ปรีซ์ แข่งขันที่เอนทรี สนามแข่งม้าในยุคศตวรรษที่ 19 ต่อมาจัดการแข่งขันรถยนต์ที่แห่งนี้ ทีมเมอเซเดสยังครองอันดับหัวแถวไว้ได้สำเร็จตั้งแต่รอบควอลิฟาย แต่สนามนี้สเตอร์ลิง มอสส์ นักขับเจ้าถิ่นคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและคว้าแชมป์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในชีวิตเอฟ-วัน ตามมาด้วยฮวน มานูเอล ฟังจิโอที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 คาร์ล คลิงเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 และอันดับ 4 เป็นของเปียโร่ ทารัฟฟิโดยเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยใน 4 อันดับแรกของทีมเมอเซเดสทั้งหมด

ศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ยังคงเป็นสนามปิดฉากฤดูกาล ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ไปครองและคว้าแชมป์โลกในปีคศ. 1955 หลังจากคว้าโพล โพสิชั่นได้อีกสนามและเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของทีมเมอเซเดสอีกสนามโดยเปียโร่ ทารัฟฟิผ่านธงตราหมากรุกไปเป็นคันที่สอง ส่วนสเตอร์ลิง มอสส์เป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 21 ต้องออกจากการแข่งขันไปในรอบที่ 27 เนื่องจากเครื่องยนต์พัง

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอมาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ในชีวิตเอฟ-วันโดยเก็บคะแนนสะสมได้ทั้งหมด 40 แต้ม สเตอร์ลิง มอสส์คว้ารองแชมป์เก็บคะแนนสะสมได้ 23 แต้มและอันดับ 3 เป็นของอูเจนิโอ คาสเตลลอตติเก็บคะแนนสะสมได้ 12 แต้ม

By : C. Methas - Managing Editor

1racing_flag

เมอเซเดสคว้าแชมป์ 2 สมัยซ้อน

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ 2 สมัยซ้อนให้กับทีมเมอเซเดสและเป็นการกวาดแชมป์เป็นสมัยที่ 3 ในชีวิตเอฟ-วันโดยลงขับด้วยรถแข่ง รหัส W196 ในศึกฟอร์มูล่า-วัน สมัยที่ 6 เมื่อปีค.ศ. 1955 ซึ่งประเดิมสนามแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคมไปสิ้นสุดสนามปิดฤดูกาลในวันที่ 11 กันยายน ปีค.ศ. 1955

ทีมเมอเซเดสประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีค.ศ. 1955 ด้วยการคว้าอันดับ 1-2 ของตารางแชมป์โลกโดยฮวน มานูเอล ฟังจิโอได้เพื่อนร่วมทีมรายใหม่ สเตอร์ลิง มอสส์นักแข่งชาวอังกฤษมาร่วมทีม ส่วนคู่แข่งคนสำคัญ อัลแบร์โต แอสคาริ เจ้าของแชมป์โลก 2 สมัยในสังกัดทีมเฟอร์รารี่เมื่อปีค.ศ. 1952-1953 ประสบอุบัติเหตุในระหว่างการแข่งขันที่ศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์ซึ่งได้รับการบรรจุกลับเข้าสู่ตารางการแข่งขันอีกครั้งเป็นปีแรกและเสียชีวิตลงหลังจากนั้นอีก 4 วันต่อมาหลังจากประสบอุบัติเหตุอีกครั้งในระหว่างการทดสอบที่มอนซ่า เซอร์กิตในอิตาลีโดยในปีนั้นได้ลงขับในสังกัดทีมแลนเซีย

การแข่งขันในปีค.ศ. 1955 ยังคงประเดิมสนามแรกที่ศึกอาร์เจนติน่า กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันที่ 16 มกราคม นักขับเจ้าถิ่นฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ไปครองเช่นเดียวกับปีก่อนและเป็นนักขับที่ความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 45 หลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 3 ส่วนโจเซ ฟรอยแลน กอนซาเรซคว้าโพล โพสิชั่นไปครองมาเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ในสังกัดทีมเฟอร์รารี่เช่นเดียวกับปีก่อน อันดับ 3 เป็นของทีมเฟอร์รารี่อีกคันขับโดยกุยเซปโป้ นิโน ฟาริน่า

ศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์ได้กลับเข้ามาบรรจุในตารางการแข่งขันอีกครั้งเป็นสนามที่ 2 ทีมเฟอร์รารี่คว้าแชมป์ไปครองโดยมัวริค ทรินทิคแนนท์หลังจากแข่งครบ 100 รอบสนามหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 9 ตามมาด้วยอูเจนิโอ คาสเตลลอตติจากทีมแลนเซียหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 4 และจีน เบห์รา จากทีมมาเซราติเข้าเส้นชัยในอันดับ 3

ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอไม่จบการแข่งขันเนื่องจากระบบเกียร์พังในรอบที่ 49 แต่เป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบแรกและคว้าโพล โพสิชั่นไปครอง

สนามที่ 3 ที่อินเดียน่าโปลีส500 ยังคงเป็นการแข่งขันของทีมแข่งในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับ 5 ปีที่ผ่านมา ทีมเคอร์ทีส คราฟท์ยังเป็นทีมครองแชมป์และติด 10 อันดับแรกโดยบ็อบ สเวเคอร์ทเป็นผู้คว้าแชมป์

สนามที่ 4 ศึกเบลเยี่ยน กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันที่สปา ฟรังโกชองป์ส รวม 36 รอบ ฮอน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์สนามที่สองของปีนั้นและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 18 โดยออกสตาร์ทจากอันดับ 2 ส่วนอูเจนิโอ คาสเตลลอตติที่คว้าโพล โพสิชั่นไปครองต้องออกจากการแข่งขันไปเนื่องจากระบบเกียร์พังในรอบที่ 16

สนามนี้ทีมเมอเซเดสสร้างผลงานได้ดีด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 สเตอร์ลิง มอสส์ติดอันดับ 2 และอันดับ 3 เป็นของกุยเซปโป้ นิโน ฟาริน่าจากทีมเฟอร์รารี่

สนามที่ 5 ศึกฮอลแลนด์ กรังด์ปรีซ์แข่งขันเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนปีคศ. 1955 ทีมเมอเซเดสร้อนแรงอย่างต่อเนื่องด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ติดต่อกันและฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ได้สองสนามติดต่อกันหลังจากคว้าโพล โพสิชั่นได้ ตามมาด้วยสเตอร์ลิง มอสส์ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 เป็นการยึดหัวแถวได้สำเร็จของทีมเมอเซเดสตั้งแต่รอบควอลิฟายและอันดับ 3 เป็นของลิยจิ มัสโซ่ จากทีมมาเซราติ

สนามที่ 6 รายการอังกฤษ กรังด์ปรีซ์ แข่งขันที่เอนทรี สนามแข่งม้าในยุคศตวรรษที่ 19 ต่อมาจัดการแข่งขันรถยนต์ที่แห่งนี้ ทีมเมอเซเดสยังครองอันดับหัวแถวไว้ได้สำเร็จตั้งแต่รอบควอลิฟาย แต่สนามนี้สเตอร์ลิง มอสส์ นักขับเจ้าถิ่นคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและคว้าแชมป์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในชีวิตเอฟ-วัน ตามมาด้วยฮวน มานูเอล ฟังจิโอที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 คาร์ล คลิงเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 และอันดับ 4 เป็นของเปียโร่ ทารัฟฟิโดยเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยใน 4 อันดับแรกของทีมเมอเซเดสทั้งหมด

ศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ยังคงเป็นสนามปิดฉากฤดูกาล ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ไปครองและคว้าแชมป์โลกในปีคศ. 1955 หลังจากคว้าโพล โพสิชั่นได้อีกสนามและเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของทีมเมอเซเดสอีกสนามโดยเปียโร่ ทารัฟฟิผ่านธงตราหมากรุกไปเป็นคันที่สอง ส่วนสเตอร์ลิง มอสส์เป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 21 ต้องออกจากการแข่งขันไปในรอบที่ 27 เนื่องจากเครื่องยนต์พัง

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอมาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ในชีวิตเอฟ-วันโดยเก็บคะแนนสะสมได้ทั้งหมด 40 แต้ม สเตอร์ลิง มอสส์คว้ารองแชมป์เก็บคะแนนสะสมได้ 23 แต้มและอันดับ 3 เป็นของอูเจนิโอ คาสเตลลอตติเก็บคะแนนสะสมได้ 12 แต้ม

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!