NETHERLANDS-ประเทศแห่งกังหันลมและดอกไม้งาม (ตอนที่ 1)


By : C. Methas – Managing Editor

ประเทศเนเธอร์แลนด์หรือที่เรียกกันว่าประเทศฮอลแลนด์ ชื่ออย่างเป็นทางการได้แก่ ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Neder” มีความหมายว่า “ต่ำ” อันเนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่ของประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นที่ราบลุ่ม และพื้นที่ประมาณหนึ่ง 1/4 ของประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเล

สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบกว้างใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่เคยเป็นน้ำทะเลมาก่อน พื้นที่โดยส่วนใหญ่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล มีเพียงทางตะวันออกเฉียงใต้ในเขตลิมเบอร์กเท่านั้นที่มีเนินเขา
เนเธอร์แลนด์มีสิ่งก่อสร้างด้านวิศวกรรมการจัดการน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีการปรับพื้นที่โดยการสูบน้ำออกจากทะเลสาบและทางน้ำต่าง ๆ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ เนเธอร์แลนด์จึงมี เขื่อน ทางระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศประสบภาวะอุทกภัย

กรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด ใช้ภาษาดัตช์เป็นภาษาราชการ ได้รับอิสรภาพเมื่อ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2124 จากสงคราม 8 ปี และได้รับเอกราชจากสเปน เมื่อวันที่ 30 มกราคม ปี พ.ศ. 2191เข้าร่วมกับสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ปี พ.ศ. 2500 มีพื้นที่ทั้งหมด 41,526 ตารางกิโลเมตร อยู่ในอันดับที่ 131 ของโลก ประชากรประมาณ 16,300,000 คน

เนเธอร์แลนด์เป็นมหาอำนาจทางทะเลและเศรษฐกิจชั้นนำของยุโรป กรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป นักเศรษฐศาสตร์หลายคนถือให้เนเธอแลนด์เป็นประเทศระบอบทุนนิยมประเทศแรกของโลก

แม่น้ำไรน์ที่ไหลมาจากเยอรมนี เป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ต้องสร้างเขื่อน เพื่อไม่ให้นำทะเลไหลท่วม เนเธอร์แลนด์มีที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลเหนือ จึงได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่น ทำให้ภูมิอากาศของประเทศอบอุ่นกว่าประเทศอื่นในยุโรป และมีฝนตกชุกในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง มากถึง 700 มิลลิเมตรต่อปี
ในอดีตของเนเธอร์แลนด์ประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และมีสันติภาพยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 250 ปี เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลง ชนเผ่าเยอรมันนิก และเคลติก ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่

ปี พ.ศ. 1906 – 2025 เนเธอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของ ดยุคแห่งเบอร์กันดี และในศตวรรษที่ 16 เนเธอร์แลนด์ถูกปกครองโดยสเปน ต่อมาเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์และขุนนางจำนวนหนึ่ง ได้ก่อการปฏิวัติต่อสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนเนเธอร์แลนด์ สามารถนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ได้ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2191 จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญามุนสเตอร์ เพื่อสงบศึกระหว่างเนเธอร์แลนด์และสเปน ซึ่งดำเนินมาถึง 80 ปี เป็นการประกาศเอกราชของเนเธอร์แลนด์

หลังจากได้ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิสเปน ชาวดัตช์ได้ร่วมกันฟื้นฟูประเทศจนในที่สุดได้เข้ามาสู่ยุคทอง เช่นเดียวกับ สเปน โปรตุเกส และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางทะเลในการแสวงหาโอกาสทางการค้าในดินแดนต่าง ๆ ของโลก

ปี พ.ศ. 2338 กองทัพปฏิวัติฝรั่งเศสนำโดพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ยกทัพเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์ และในปี พ.ศ. 2353 เนเธอร์แลนด์ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิฝรั่งเศส เมื่อจักรวรรดิฝรั่งเศสเสื่อมอำนาจลงเนเธอร์แลนด์จึงได้รับเอกราชคืนมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2357 โดยมีเบลเยียมเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากความแตกต่างในทุก ๆ ด้านระหว่างเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม ประเทศทั้งสอง จึงได้แยกออกจากกันอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2382

เนเธอร์แลนด์ประกาศความเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2457 – 2461 และประกาศความเป็นกลางอีกครั้งหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กองทัพเยอรมนีได้รุกรานและยึดครองเนเธอร์แลนด์ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2483 – 2488

เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศเจ้าอาณานิคมจนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอินโดนีเซียได้ประกาศเอกราชจากการเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2492 และซูรินาเมประกาศเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2497 ส่วนเนเธอร์แลนด์อัลไทลิส และอารูบายังคงเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ โดยมีอธิปไตยในการบริหารกิจการภายในประเทศ ส่วนด้านการทหารและการต่าง ประเทศยังอยู่ภายใต้ความควบคุมดูแลโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์

By : C. Methas - Managing Editor

ประเทศเนเธอร์แลนด์หรือที่เรียกกันว่าประเทศฮอลแลนด์ ชื่ออย่างเป็นทางการได้แก่ ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า “Neder” มีความหมายว่า “ต่ำ” อันเนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่ของประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นที่ราบลุ่ม และพื้นที่ประมาณหนึ่ง 1/4 ของประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเล

สภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบกว้างใหญ่ พื้นที่ส่วนใหญ่เคยเป็นน้ำทะเลมาก่อน พื้นที่โดยส่วนใหญ่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล มีเพียงทางตะวันออกเฉียงใต้ในเขตลิมเบอร์กเท่านั้นที่มีเนินเขา เนเธอร์แลนด์มีสิ่งก่อสร้างด้านวิศวกรรมการจัดการน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีการปรับพื้นที่โดยการสูบน้ำออกจากทะเลสาบและทางน้ำต่าง ๆ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ เนเธอร์แลนด์จึงมี เขื่อน ทางระบายน้ำ และสถานีสูบน้ำจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศประสบภาวะอุทกภัย

กรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด ใช้ภาษาดัตช์เป็นภาษาราชการ ได้รับอิสรภาพเมื่อ 26 กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2124 จากสงคราม 8 ปี และได้รับเอกราชจากสเปน เมื่อวันที่ 30 มกราคม ปี พ.ศ. 2191เข้าร่วมกับสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ปี พ.ศ. 2500 มีพื้นที่ทั้งหมด 41,526 ตารางกิโลเมตร อยู่ในอันดับที่ 131 ของโลก ประชากรประมาณ 16,300,000 คน

เนเธอร์แลนด์เป็นมหาอำนาจทางทะเลและเศรษฐกิจชั้นนำของยุโรป กรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นศูนย์กลางการเงินของยุโรป นักเศรษฐศาสตร์หลายคนถือให้เนเธอแลนด์เป็นประเทศระบอบทุนนิยมประเทศแรกของโลก

แม่น้ำไรน์ที่ไหลมาจากเยอรมนี เป็นแม่น้ำสายสำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นประเทศต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ต้องสร้างเขื่อน เพื่อไม่ให้นำทะเลไหลท่วม เนเธอร์แลนด์มีที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลเหนือ จึงได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่น ทำให้ภูมิอากาศของประเทศอบอุ่นกว่าประเทศอื่นในยุโรป และมีฝนตกชุกในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง มากถึง 700 มิลลิเมตรต่อปี ในอดีตของเนเธอร์แลนด์ประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และมีสันติภาพยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 250 ปี เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมอำนาจลง ชนเผ่าเยอรมันนิก และเคลติก ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่

ปี พ.ศ. 1906 – 2025 เนเธอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของ ดยุคแห่งเบอร์กันดี และในศตวรรษที่ 16 เนเธอร์แลนด์ถูกปกครองโดยสเปน ต่อมาเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์และขุนนางจำนวนหนึ่ง ได้ก่อการปฏิวัติต่อสมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนเนเธอร์แลนด์ สามารถนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ได้ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2191 จึงได้มีการลงนามในสนธิสัญญามุนสเตอร์ เพื่อสงบศึกระหว่างเนเธอร์แลนด์และสเปน ซึ่งดำเนินมาถึง 80 ปี เป็นการประกาศเอกราชของเนเธอร์แลนด์

หลังจากได้ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิสเปน ชาวดัตช์ได้ร่วมกันฟื้นฟูประเทศจนในที่สุดได้เข้ามาสู่ยุคทอง เช่นเดียวกับ สเปน โปรตุเกส และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางทะเลในการแสวงหาโอกาสทางการค้าในดินแดนต่าง ๆ ของโลก

ปี พ.ศ. 2338 กองทัพปฏิวัติฝรั่งเศสนำโดพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ยกทัพเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์ และในปี พ.ศ. 2353 เนเธอร์แลนด์ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิฝรั่งเศส เมื่อจักรวรรดิฝรั่งเศสเสื่อมอำนาจลงเนเธอร์แลนด์จึงได้รับเอกราชคืนมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2357 โดยมีเบลเยียมเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากความแตกต่างในทุก ๆ ด้านระหว่างเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม ประเทศทั้งสอง จึงได้แยกออกจากกันอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2382

เนเธอร์แลนด์ประกาศความเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2457 – 2461 และประกาศความเป็นกลางอีกครั้งหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่กองทัพเยอรมนีได้รุกรานและยึดครองเนเธอร์แลนด์ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2483 – 2488

เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศเจ้าอาณานิคมจนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอินโดนีเซียได้ประกาศเอกราชจากการเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2492 และซูรินาเมประกาศเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2497 ส่วนเนเธอร์แลนด์อัลไทลิส และอารูบายังคงเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ โดยมีอธิปไตยในการบริหารกิจการภายในประเทศ ส่วนด้านการทหารและการต่าง ประเทศยังอยู่ภายใต้ความควบคุมดูแลโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!