Risen Energy เปิดยุคใหม่ของอุตสาหกรรม PV ด้วยโมดูล 600W+


หนิงโป จีน–6 ส.ค.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

Risen Energy ผู้ให้บริการเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำของโลก เปิดตัวโมดูลแสงอาทิตย์ซีรีส์ใหม่ล่าสุดในตระกูล Titan ซึ่งเป็นโมดูล G6 กำลังผลิตไฟฟ้ามากกว่า 600 W ที่มาพร้อมกับความสามารถการผลิตระดับสูงและแรงดันไฟฟ้าต่ำ ในงานสัมมนาว่าด้วยเทรนด์เทคโนโลยีโมดูลซิลิคอนเวเฟอร์ขนาด 210 มม. เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โมดูล Titan G6 ซึ่งใช้ซิลิคอนเวเฟอร์ขนาดใหญ่ 210 มม.และสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 660W ถูกเปิดตัวออกมาหลังโมดูล 500W+ ซีรีส์ G5 รุ่นล่าสุดในระยะเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งปี โดยคุณหลิว หยาเฟิง กรรมการอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Risen Energy กล่าวว่า โมดูล G6 นี้ได้รวบรวมคุณสมบัติเด่น ๆ ที่มีอยู่ทั้งหมดในโมดูล G5 เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเทคโนโลยีการตัดแบ่งโมดูลโดยไม่สร้างความเสียหายและแพคเกจความหนาแน่นสูง รวมถึงเทคโนโลยีมัลติบัสบาร์ ตลอดจนการออกแบบโดยใช้รูปแบบการตัดแบ่งครึ่ง 6*10 ทำให้โมดูลนี้มีประสิทธิภาพความทนทานต่อการแตกร้าวและจุดร้อนของโมดูลอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) ลงด้วย

ดร.หวง เฉียง รองประธาน Risen Energy กล่าวบนเวทีสัมมนาว่า โมดูลขนาดใหญ่และมีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงนี้นับเป็นเทรนด์ล่าสุดที่จะมาสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรม PV และนวัตกรรมเทคโนโลยีเหล่านี้ก็จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของโมดูลที่มีกำลังผลิตและประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ การเพิ่มพื้นที่ให้กับโมดูลด้วยซิลิคอนเวเฟอร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 210 มม. ยังทำให้โมดูลรุ่นใหม่นี้สามารถการผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 500W “ในช่วงเวลาของการก้าวสู่ยุคที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เท่ากับหรือถูกกว่าไฟฟ้าจากสายส่ง (Grid Parity) ในอุตสาหกรรม PV สิ่งสำคัญก็คือการคิดหาวิธีการลดต้นทุนซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในตลาด การทำให้โมดูลสามารถเพิ่มกำลังผลิตจาก 400W มาเป็น 600W ได้อย่างรวดเร็ว จึงนับเป็นอีกความก้าวหน้าครั้งสำคัญของอุตสาหกรรม PV” ดร.หวง ระบุ

นอกจากนี้ คุณหลิวยังอธิบายถึงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของโมดูลรุ่นใหม่ล่าสุดในงานนี้ โดยระบุว่า ด้วยขนาด 2172*1303*25 มม. และน้ำหนักที่มากถึง 31.5 กก. ทำให้โมดูลนี้มีแรงดันไฟฟ้าเมื่อเปิดวงจร = 41.4 โวลต์ และกระแสไฟฟ้าต่อหน่วยพื้นที่รับแสงที่สภาวะลัดวงจร = 18.5 แอมแปร์ โดยมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 21.2% ทั้งยังมาพร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่นด้วยอัตราแรงดันไฟฟ้าต่ำและกำลังผลิตระดับสูง จึงสามารถลดต้นทุน BOS ได้อย่างน่าประทับใจ ส่วนในแง่ความสามารถด้านการทนทานต่อจุดร้อน โมดูล 600W นี้ยังสามารถลดความเสี่ยงที่เกิดจากจุดร้อนของโมดูลซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดของเซลล์และเกี่ยวกับอัตรากระแสไฟฟ้าลงได้ถึง 17.7% โดยคุณหลิวเสริมว่า โมดูล 600W นี้เมื่อรวมเข้ากับระบบสนับสนุนเพื่อติดตามการทำงานจะช่วยลดต้นทุนด้าน BOS ลง 12.17% และลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) ลง 9.51%

Risen Energy ประกาศเข้าสู่ยุคแห่ง PV 5.0 ด้วยการโมดูลกำลังผลิต 500W ในเดือนธันวาคม 2562 และเมื่อวันที่ 9 กรกฏาคมที่ผ่านมา ก็มีการจัดตั้งพันธมิตรเพื่อสร้างระบบนิเวศแบบเปิดของนวัตกรรมสำหรับโมดูลที่มีกำลังผลิตมากกว่า 600W ขึ้นมา โดยที่ Risen Energy ร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวด้วย กลุ่มพันธมิตรที่ก่อตั้งขึ้นใหม่นี้มีเป้าหมายที่จะบูรณาการความพยายามและทรัพยากรในภาคส่วนของห่วงโซ่อุตสาหกรรม รวมถึงการวิจัยและพัฒนาการผลิตตลอดจนการประยุกต์ใช้ผ่านการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์และระบบบนพื้นฐานของเทคโนโลยีใหม่ ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าให้กับโมดูลที่มีกำลังผลิตมากกว่า 600W รวมถึงโซลูชันที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลสำเร็จสู่การนำไปใช้งานจริง

หนิงโป จีน--6 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

Risen Energy ผู้ให้บริการเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำของโลก เปิดตัวโมดูลแสงอาทิตย์ซีรีส์ใหม่ล่าสุดในตระกูล Titan ซึ่งเป็นโมดูล G6 กำลังผลิตไฟฟ้ามากกว่า 600 W ที่มาพร้อมกับความสามารถการผลิตระดับสูงและแรงดันไฟฟ้าต่ำ ในงานสัมมนาว่าด้วยเทรนด์เทคโนโลยีโมดูลซิลิคอนเวเฟอร์ขนาด 210 มม. เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โมดูล Titan G6 ซึ่งใช้ซิลิคอนเวเฟอร์ขนาดใหญ่ 210 มม.และสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 660W ถูกเปิดตัวออกมาหลังโมดูล 500W+ ซีรีส์ G5 รุ่นล่าสุดในระยะเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งปี โดยคุณหลิว หยาเฟิง กรรมการอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Risen Energy กล่าวว่า โมดูล G6 นี้ได้รวบรวมคุณสมบัติเด่น ๆ ที่มีอยู่ทั้งหมดในโมดูล G5 เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเทคโนโลยีการตัดแบ่งโมดูลโดยไม่สร้างความเสียหายและแพคเกจความหนาแน่นสูง รวมถึงเทคโนโลยีมัลติบัสบาร์ ตลอดจนการออกแบบโดยใช้รูปแบบการตัดแบ่งครึ่ง 6*10 ทำให้โมดูลนี้มีประสิทธิภาพความทนทานต่อการแตกร้าวและจุดร้อนของโมดูลอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) ลงด้วย

ดร.หวง เฉียง รองประธาน Risen Energy กล่าวบนเวทีสัมมนาว่า โมดูลขนาดใหญ่และมีกำลังผลิตไฟฟ้าสูงนี้นับเป็นเทรนด์ล่าสุดที่จะมาสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรม PV และนวัตกรรมเทคโนโลยีเหล่านี้ก็จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของโมดูลที่มีกำลังผลิตและประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ การเพิ่มพื้นที่ให้กับโมดูลด้วยซิลิคอนเวเฟอร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 210 มม. ยังทำให้โมดูลรุ่นใหม่นี้สามารถการผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 500W “ในช่วงเวลาของการก้าวสู่ยุคที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เท่ากับหรือถูกกว่าไฟฟ้าจากสายส่ง (Grid Parity) ในอุตสาหกรรม PV สิ่งสำคัญก็คือการคิดหาวิธีการลดต้นทุนซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในตลาด การทำให้โมดูลสามารถเพิ่มกำลังผลิตจาก 400W มาเป็น 600W ได้อย่างรวดเร็ว จึงนับเป็นอีกความก้าวหน้าครั้งสำคัญของอุตสาหกรรม PV” ดร.หวง ระบุ

นอกจากนี้ คุณหลิวยังอธิบายถึงประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมของโมดูลรุ่นใหม่ล่าสุดในงานนี้ โดยระบุว่า ด้วยขนาด 2172*1303*25 มม. และน้ำหนักที่มากถึง 31.5 กก. ทำให้โมดูลนี้มีแรงดันไฟฟ้าเมื่อเปิดวงจร = 41.4 โวลต์ และกระแสไฟฟ้าต่อหน่วยพื้นที่รับแสงที่สภาวะลัดวงจร = 18.5 แอมแปร์ โดยมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 21.2% ทั้งยังมาพร้อมคุณสมบัติที่โดดเด่นด้วยอัตราแรงดันไฟฟ้าต่ำและกำลังผลิตระดับสูง จึงสามารถลดต้นทุน BOS ได้อย่างน่าประทับใจ ส่วนในแง่ความสามารถด้านการทนทานต่อจุดร้อน โมดูล 600W นี้ยังสามารถลดความเสี่ยงที่เกิดจากจุดร้อนของโมดูลซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดของเซลล์และเกี่ยวกับอัตรากระแสไฟฟ้าลงได้ถึง 17.7% โดยคุณหลิวเสริมว่า โมดูล 600W นี้เมื่อรวมเข้ากับระบบสนับสนุนเพื่อติดตามการทำงานจะช่วยลดต้นทุนด้าน BOS ลง 12.17% และลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) ลง 9.51%

Risen Energy ประกาศเข้าสู่ยุคแห่ง PV 5.0 ด้วยการโมดูลกำลังผลิต 500W ในเดือนธันวาคม 2562 และเมื่อวันที่ 9 กรกฏาคมที่ผ่านมา ก็มีการจัดตั้งพันธมิตรเพื่อสร้างระบบนิเวศแบบเปิดของนวัตกรรมสำหรับโมดูลที่มีกำลังผลิตมากกว่า 600W ขึ้นมา โดยที่ Risen Energy ร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวด้วย กลุ่มพันธมิตรที่ก่อตั้งขึ้นใหม่นี้มีเป้าหมายที่จะบูรณาการความพยายามและทรัพยากรในภาคส่วนของห่วงโซ่อุตสาหกรรม รวมถึงการวิจัยและพัฒนาการผลิตตลอดจนการประยุกต์ใช้ผ่านการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์และระบบบนพื้นฐานของเทคโนโลยีใหม่ ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าให้กับโมดูลที่มีกำลังผลิตมากกว่า 600W รวมถึงโซลูชันที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลสำเร็จสู่การนำไปใช้งานจริง

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!