The Legends of Automobile : ตอนที่ 3 ก่อนกำเนิดรถยนต์คันแรกของโลก


By : C. Methas – Managing Editor

กำเนิดรถยนต์คันแรกของโลกที่แท้จริงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามนุษยชาติได้สร้างรถยนต์ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อใด แต่มีการกล่าวถึงกรณีการขุดค้นพีรามิดซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์โดยชาวอียิปต์โบราณที่สะท้อนให้เห็นถึงวิทยาการและเทคโนโลยี่โบราณได้พบวัตถุที่เรียกว่า “รถ” อยู่ภายในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า

ส่วนการก่อสร้างสวนลอยแห่งบาบิโลนแถบลุ่มแม่น้ำยูเฟรตีสเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราชเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีการกล่าวว่าได้ใช้ “รถ” เป็นอุปกรณ์และเครื่องมือส่วนหนึ่งสำหรับการก่อสร้าง ซึ่งสวนลอยบาบิโลนมีจุดเด่นที่ทุกชั้นมีระเบียงและมีระบบชลประทานนำน้ำจากแม่น้ำยูเฟรตีสมาใช้ได้ตลอดทั้งปี อาณาจักรบาบิโลนได้ก่อตั้งขึ้นโดยพวก Amorite ซึ่งเป็นนครรัฐที่ยิ่งใหญ่

ก่อนจะมีการประดิษฐ์สร้าง “รถยนต์” คันแรกของโลกอย่างแท้จริงที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานในตัวเองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นต้นกำเนิดรถยนต์ที่สร้างขึ้นโดย Nicolas-Joseph Cugnot นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส เกิดที่เมือง Void-Vacon, Lorraine เมื่อวันที่ 25 กันยายน ปีค.ศ. 1725 ได้เข้ารับการฝีกฝนทางด้านวิศวกรรมการทหาร

รถยนต์ที่สร้างโดย Cugnot เมื่อปี ค.ศ. 1765 ได้ใช้เครื่องจักรไอน้ำเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนสำหรับลาก-จูงปืนใหญ่และต่อมาได้พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1769 ในรูปแบบของรถม้าลากที่มี 2 ล้อโดยมีล้อที่ 3 ด้านหน้าสำหรับรองรับเครื่องจักรไอน้ำ

เครื่องจักรไอน้ำที่ได้พัฒนานำมาประดิษฐ์สร้างรถยนต์มีประวัติความเป็นมาย้อนไปราว 2,000 ปีก่อนตั้งแต่สมัยกรีกซึ่งเรียกว่า Aeolipile ต่อมาได้พัฒนาสร้างโดย Taqi al Din เมื่อปี ค.ศ. 1551 ยุคอาณาจักรออตโตมัน-ตุรกีที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการด้านดาราศาสตร์, การประดิษฐ์นาฬิกา, คณิตศาสตร์, กลศาสตร์และปรัชญา

นักประดิษฐ์ชาวสเปน Jeronimo de Ayanzy Beaumont ได้ประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำสำหรับใช้ดูดน้ำจากเหมืองแร่เมื่อปี ค.ศ. 1606 จำนวน 50 เครื่อง ต่อมาในปี ค.ศ. 1629 Giovanni Branca นักประดิษฐ์ชาวอิตาลีได้พัฒนาเป็นเครื่องจักรสำหรับการเกษตรกรรม

ปี ค.ศ. 1698 Thomas Savery นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำเพื่อการพาณิชย์ออกมาเป็นครั้งแรกและในปี ค.ศ. 1707 Denis Papin นักฟิสิกค์, นักคณิตศาสตร์และนักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศสได้สร้างเครื่องจักรไอน้ำที่ใช้ลูกสูบขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมาได้ประดิษฐ์หม้อต้มสูญญากาศขึ้นเป็นครั้งแรก

เครื่องจักรไอน้ำได้พัฒนาสำหรับใช้งานในรูปแบบของอุตสาหกรรมโดยนำมาเป็นเครื่องจักรพลังงานหลักในช่วงปลายทศวรรษที่ 17 โดยได้นำมาเป็นเครื่องจักรสำหรับหวิดน้ำจากเหมืองแร่ ในปี ค.ศ. 1781 เจมส์ วัตต์ได้สร้างเครื่องจักรไอน้ำที่ให้แรงม้ารวม 10 แรงม้าและเครื่องจักรไอน้ำแบบนี้ได้พัฒนาไปอย่างแพร่หลายโดยใช้ถ่านหรือไม้เป็นเชื้อเพลิง

ปี ค.ศ. 1883 เครื่องจักรไอน้ำได้พัฒนาให้สามารถขับแรงม้าถึง 10,000 แรงม้าสำหรับใช้ในโรงงานซึ่งได้ก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกของโลก และต่อมาได้พัฒนาเป็นเครื่องจักรสำหรับรถไฟและเรือกลไฟ ปัจจุบันเครื่องจักรไอน้ำได้พัฒนาไปเป็น Steam Turbines เป็นพลังงานสำหรับการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าราว 90 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐฯ

รถไฟไอน้ำหรือรถจักรไอน้ำรุ่นต้นแบบได้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดยนักประดิษฐ์ชาวสก๊อตแลนด์ William Murdoch เมื่อปี ค.ศ. 1784 โดยร่วมมือกับ John Fitch นักประดิษฐ์เรือกลไฟชาวอเมริกันช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1780-1790 และได้สร้างเรือสำหรับโดยสารเพื่อการพาณิชย์ขึ้นเป็นครั้งแรก

ปี ค.ศ. 1799 Richard Trevithick วิศวกรเหมืองแร่และนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องจักรแรงดันสูงขึ้นเป็นครั้งแรกและได้ผลิตเพื่อการพาณิชย์โดยพัฒนาหม้อต้มที่ใช้เทคโนโลยี่สูงขึ้นโดยใช้ลูกสูบขนาดเล็กเข้ามาเป็นอุปกรณ์บางส่วนเพื่อให้มีขนาดเล็กและการน้ำหนักเบา

ต่อมาในปี ค.ศ. 1803 ได้พัฒนาไปเป็นเกวียนไอน้ำเป็นครั้งแรกโดยได้ทำการทดสอบบนถนนในกรุงลอนดอน เครื่องยนต์ไอน้ำแรงดันสูงของ Trevithick ได้เกิดระเบิดขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 รายเมื่อปี ค.ศ. 1803 ที่ Greenwich เนื่องจากการออกแบบที่ผิดพลาดซึ่งต่อมาได้มีการคิดค้นระบบวาล์วขึ้นมาเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น ระบบวาล์วได้ออกแบบให้ลดแรงดันของหม้อต้มไอน้ำและสามารถควบคุมระดับแรงดันและระดับน้ำ

ปี ค.ศ. 1804 รถไฟไอน้ำหรือรถจักรไอน้ำได้ผลิตสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดย Richard Trevithick ได้นำมาใช้งานจริงเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1804 สามารถบรรทุกเหล็กหนัก 10 ตัน, เกวียน 5 เล่มและผู้โดยสารได้ 70 คนโดยเดินทางได้ระยะทาง 9.75 ไมล์หรือ 16 กิโลเมตรใช้เวลา 4 ชั่วโมง 5 นาที ทำความเร็วเฉลี่ย 2.4 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 3.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเมือง Merthyr Tydfil Tramroad ไปยังเมือง Penydarren

By : C. Methas - Managing Editor

กำเนิดรถยนต์คันแรกของโลกที่แท้จริงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามนุษยชาติได้สร้างรถยนต์ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อใด แต่มีการกล่าวถึงกรณีการขุดค้นพีรามิดซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์โดยชาวอียิปต์โบราณที่สะท้อนให้เห็นถึงวิทยาการและเทคโนโลยี่โบราณได้พบวัตถุที่เรียกว่า “รถ” อยู่ภายในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า

ส่วนการก่อสร้างสวนลอยแห่งบาบิโลนแถบลุ่มแม่น้ำยูเฟรตีสเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราชเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีการกล่าวว่าได้ใช้ “รถ” เป็นอุปกรณ์และเครื่องมือส่วนหนึ่งสำหรับการก่อสร้าง ซึ่งสวนลอยบาบิโลนมีจุดเด่นที่ทุกชั้นมีระเบียงและมีระบบชลประทานนำน้ำจากแม่น้ำยูเฟรตีสมาใช้ได้ตลอดทั้งปี อาณาจักรบาบิโลนได้ก่อตั้งขึ้นโดยพวก Amorite ซึ่งเป็นนครรัฐที่ยิ่งใหญ่

ก่อนจะมีการประดิษฐ์สร้าง “รถยนต์” คันแรกของโลกอย่างแท้จริงที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานในตัวเองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นต้นกำเนิดรถยนต์ที่สร้างขึ้นโดย Nicolas-Joseph Cugnot นักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส เกิดที่เมือง Void-Vacon, Lorraine เมื่อวันที่ 25 กันยายน ปีค.ศ. 1725 ได้เข้ารับการฝีกฝนทางด้านวิศวกรรมการทหาร

รถยนต์ที่สร้างโดย Cugnot เมื่อปี ค.ศ. 1765 ได้ใช้เครื่องจักรไอน้ำเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนสำหรับลาก-จูงปืนใหญ่และต่อมาได้พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1769 ในรูปแบบของรถม้าลากที่มี 2 ล้อโดยมีล้อที่ 3 ด้านหน้าสำหรับรองรับเครื่องจักรไอน้ำ

เครื่องจักรไอน้ำที่ได้พัฒนานำมาประดิษฐ์สร้างรถยนต์มีประวัติความเป็นมาย้อนไปราว 2,000 ปีก่อนตั้งแต่สมัยกรีกซึ่งเรียกว่า Aeolipile ต่อมาได้พัฒนาสร้างโดย Taqi al Din เมื่อปี ค.ศ. 1551 ยุคอาณาจักรออตโตมัน-ตุรกีที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการด้านดาราศาสตร์, การประดิษฐ์นาฬิกา, คณิตศาสตร์, กลศาสตร์และปรัชญา

นักประดิษฐ์ชาวสเปน Jeronimo de Ayanzy Beaumont ได้ประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำสำหรับใช้ดูดน้ำจากเหมืองแร่เมื่อปี ค.ศ. 1606 จำนวน 50 เครื่อง ต่อมาในปี ค.ศ. 1629 Giovanni Branca นักประดิษฐ์ชาวอิตาลีได้พัฒนาเป็นเครื่องจักรสำหรับการเกษตรกรรม

ปี ค.ศ. 1698 Thomas Savery นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำเพื่อการพาณิชย์ออกมาเป็นครั้งแรกและในปี ค.ศ. 1707 Denis Papin นักฟิสิกค์, นักคณิตศาสตร์และนักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศสได้สร้างเครื่องจักรไอน้ำที่ใช้ลูกสูบขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมาได้ประดิษฐ์หม้อต้มสูญญากาศขึ้นเป็นครั้งแรก

เครื่องจักรไอน้ำได้พัฒนาสำหรับใช้งานในรูปแบบของอุตสาหกรรมโดยนำมาเป็นเครื่องจักรพลังงานหลักในช่วงปลายทศวรรษที่ 17 โดยได้นำมาเป็นเครื่องจักรสำหรับหวิดน้ำจากเหมืองแร่ ในปี ค.ศ. 1781 เจมส์ วัตต์ได้สร้างเครื่องจักรไอน้ำที่ให้แรงม้ารวม 10 แรงม้าและเครื่องจักรไอน้ำแบบนี้ได้พัฒนาไปอย่างแพร่หลายโดยใช้ถ่านหรือไม้เป็นเชื้อเพลิง

ปี ค.ศ. 1883 เครื่องจักรไอน้ำได้พัฒนาให้สามารถขับแรงม้าถึง 10,000 แรงม้าสำหรับใช้ในโรงงานซึ่งได้ก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกของโลก และต่อมาได้พัฒนาเป็นเครื่องจักรสำหรับรถไฟและเรือกลไฟ ปัจจุบันเครื่องจักรไอน้ำได้พัฒนาไปเป็น Steam Turbines เป็นพลังงานสำหรับการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าราว 90 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐฯ

รถไฟไอน้ำหรือรถจักรไอน้ำรุ่นต้นแบบได้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดยนักประดิษฐ์ชาวสก๊อตแลนด์ William Murdoch เมื่อปี ค.ศ. 1784 โดยร่วมมือกับ John Fitch นักประดิษฐ์เรือกลไฟชาวอเมริกันช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1780-1790 และได้สร้างเรือสำหรับโดยสารเพื่อการพาณิชย์ขึ้นเป็นครั้งแรก

ปี ค.ศ. 1799 Richard Trevithick วิศวกรเหมืองแร่และนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องจักรแรงดันสูงขึ้นเป็นครั้งแรกและได้ผลิตเพื่อการพาณิชย์โดยพัฒนาหม้อต้มที่ใช้เทคโนโลยี่สูงขึ้นโดยใช้ลูกสูบขนาดเล็กเข้ามาเป็นอุปกรณ์บางส่วนเพื่อให้มีขนาดเล็กและการน้ำหนักเบา

ต่อมาในปี ค.ศ. 1803 ได้พัฒนาไปเป็นเกวียนไอน้ำเป็นครั้งแรกโดยได้ทำการทดสอบบนถนนในกรุงลอนดอน เครื่องยนต์ไอน้ำแรงดันสูงของ Trevithick ได้เกิดระเบิดขึ้นจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 รายเมื่อปี ค.ศ. 1803 ที่ Greenwich เนื่องจากการออกแบบที่ผิดพลาดซึ่งต่อมาได้มีการคิดค้นระบบวาล์วขึ้นมาเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น ระบบวาล์วได้ออกแบบให้ลดแรงดันของหม้อต้มไอน้ำและสามารถควบคุมระดับแรงดันและระดับน้ำ

ปี ค.ศ. 1804 รถไฟไอน้ำหรือรถจักรไอน้ำได้ผลิตสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดย Richard Trevithick ได้นำมาใช้งานจริงเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1804 สามารถบรรทุกเหล็กหนัก 10 ตัน, เกวียน 5 เล่มและผู้โดยสารได้ 70 คนโดยเดินทางได้ระยะทาง 9.75 ไมล์หรือ 16 กิโลเมตรใช้เวลา 4 ชั่วโมง 5 นาที ทำความเร็วเฉลี่ย 2.4 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 3.9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเมือง Merthyr Tydfil Tramroad ไปยังเมือง Penydarren

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!