By : C. Methas - Managing Editor
รถแข่งดังในอดีตของบูกัตติที่สามารถกวาดแชมป์ได้หลายรายการเป็นรุ่น Type 35C ปีค.ศ. 1925 ที่สร้างขึ้นสำหรับส่งลงแข่งขันในสนามแข่งโดยเฉพาะได้ส่งลงแข่งขันในศึกกรังด์ปรีซ์ปีค.ศ. 1924 เป็นครั้งแรก
Type 35 คันแรกผลิตเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ปี 1924 วางเครื่องยนต์ที่โมดิฟายมาจากเครื่องยนต์ที่วางไว้ในรุ่น Type 29 เป็นเครื่องขนาด 2.0 ลิตร จำนวน 3 วาล์ว แบบ 8 สูบแถวเรียง ระบบวาล์วเหนือฝาสูบ แหวนลูกสูบจำนวน 5 แหวน สามารถขับแรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า
ระบบกันสะเทือนเป็นแบบแหนบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ระบบเบรกแบบดรัมเบรกด้านท้ายโดยใช้สายเบรกแบบเคเบิ้ล
ผลงานที่ยิ่งใหญ่ของรถแข่งรุ่นนี้สามารถคว้าแชมป์ในศึกฝรั่งเศส กรังด์ปรีซ์เมื่อปีค.ศ. 1929 โดยเครื่องยนต์ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในปีค.ศ. 1927 ติดตั้งระบบซูเปอร์ชาร์จ แม้ว่าเครื่องยนต์จะให้พละกำลังแรงม้าไม่มาก แต่ด้วยการพัฒนาในส่วนของการลดน้ำหนักและระบบกันสะเทือนที่ให้การยึดเกาะถนนได้ดี ระบบเบรกแบบสายเคเบิ้ลซึ่งเป็นนวัตกรรมยานยนต์สำหรับยุคทศวรรษที่ 20
ในรายการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ปีค.ศ. 1926 สามารถคว้าแชมป์โลกไปครองด้วยการลงแข่ง 351 สนาม ในระหว่างช่วง 2 ปีของการลงแข่งขันทำลายสถิติไปถึง 47 รายการและระหว่างปีค.ศ. 1925-1929 สามารถคว้าชัยชนะเหนือรุ่น Targa Florio ได้อย่างต่อเนื่อง
Type 35 ผลิตออกจากทั้งสิ้น 96 คัน ต่อมาได้เป็นต้นแบบให้กับรถแข่งอีกหลายรุ่น ประกอบด้วยรุ่น Type 35 A หรือที่มีชื่อเรียกว่า Tecla สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1925 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม ปีค.ศ. 1925 วางเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่วางไว้ในรุ่น Type 30 ผลิตออกมาทั้งหมดรวม 139 คัน
ต่อมาได้พัฒนาเน้นความร้อนแรงโดยวางเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นรุ่น Type 35 C วางเครื่องยนต์ แบบ 8 สูบแถวเรียง ติดซูเปอร์ชาร์จ ขนาด 2.0 ลิตร แรงม้าสูงสุด 95 แรงม้า วางรูปแบบวางเครื่องด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ สมรรถนะการทำความเร็วสูงสุดที่ 188.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมงผลิตออกมาเพียง 45 คันเท่านั้น
รถแข่งของบูกัตติยังคงพัฒนาต่อเนื่องจนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำให้โรงงานเสียหายอย่างหนักและเริ่มดำเนินการย้ายโรงงานไปใกล้กับกรุงปารีส จนกระทั่งผู้ก่อตั้งเสียชีวิตลง แม้ว่าจะมีความพยายามฟื้นฟูกิจการกลับคืนฟื้นชีพขึ้นมาแต่ไม่ประสบความสำเร็จจนกระทั่งต้องขายกิจการออกไปท้ายที่สุดกลุ่มโฟล์คสวาเก้นได้เข้าไปซื้อกิจการและได้ซื้อบ้านพักตากอากาศหลังเก่าของ Ettore Bugatti มาทำการบูรณะขึ้นใหม่และจัดให้เป็นสำนักงานใหญ่ของบูกัตติมาจนถึงปัจจุบันนี้
หลังจากเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของโฟล์คสวาเก้นภายใต้การดูแลของออดี้ได้ผลิตสปอร์ตซูเปอร์คาร์ที่โด่งดังมากรุ่น Veyron EB 16.4 ที่เปิดตัวเมื่อปีค.ศ. 2005 เป็นสปอร์ตที่ทำความเร็วได้เร็วที่สุดในโลกในยุคนั้นโดยทำความเร็วสูงสุด 431.072 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือ 267.856 ไมล์ต่อชั่วโมง วางเครื่องยนต์ แบบ W-16 สูบติดเทอร์โบชาร์จ 4 ชุด เครื่องยนต์ ขนาด 8.0 ลิตร รีดแรงม้าสูงสุด 1,001 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที