The Legends of Automobile : ตอนที่ 68 Chrysler อดีตหนึ่งในบิ๊กทรีแห่งสหรัฐฯ (ภาค 2)


By : C. Methas – Executive Editor

ไครสเลอร์อีกหนึ่งตำนานของค่ายผลิตรถยนต์แห่งอเมริกาที่สร้างนวัตกรรมยานยนต์มาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของอุตสาหกรรมรถยนต์โลกทั้งในเรื่องของการพัฒนาเครื่องยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงราคาถูกอันเป็นตำนานของค่าย Maxwell บริษัทผลิตรถยนต์ก่อนที่จะมาเป็นไครสเลอร์

นอกจากนี้ยังคิดค้นระบบเบรกทั้ง 4 ล้อควบคุมด้วยไฮดรอลิค, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, ประเก็น, ไฟหน้าที่มีอายุการใช้งานยาวนาน, เครื่องปรับอากาศ, ระบบแท่นยางรองเครื่องยนต์เพื่อลดอาการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวน

ไครสเลอร์มียี่ห้อรถยนต์ในเครือข่ายอยู่หลายยี่ห้อ อาทิ Plymouth, DeSoto, Dodge, Valiant และ Imperial

นอกจากนี้ยังมีผลงานอันโดดเด่นด้วยการผลิตรถจี๊ฟ (Jeep) และเปิดแผนกโมดิฟายรถยนต์ที่ชื่อว่า MoPar(Motor Parts)

ในส่วนของเครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Airtemp อันโด่งดังในยุคแรกของเครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็นและระบบควบคุมการไหลเวียนอากาศ

สำหรับยี่ห้อรถยนต์ในเครือข่ายของไครสเลอร์ที่โด่งดังเป็นพิเศษเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับซูเปอร์คาร์ที่สร้างผลงานด้วยการคว้าแชมป์ในศึกเลอ มังส์ 24 ชั่วโมงและศึกนัวบวร์กริ่ง 12 ชั่วโมงด้วยรถสปอร์ตรุ่น Viper ภายใต้ยี่ห้อดอดจ์เป็นสปอร์ตรุ่นแรกของโลกที่วางเครื่องยนต์ แบบ วี-10 สูบ

Dodge ยี่ห้อรถยนต์ยุคเริ่มแรกก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1900 ชื่อว่า Dodge Brothers Company ผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์มาก่อนที่จะมาผลิตรถยนต์อย่างเต็มตัวในปีค.ศ. 1915

หลังจากประสบความสำเร็จด้วยการสร้างรถยนต์ที่มีคุณภาพจนได้รับการยอมรับจากกองทัพสหรัฐฯ ให้ผลิตรถบรรทุกสำหรับกองทัพตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ตราบจนถึงยุคสงครามเวียตนามโดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหรัฐฯ ได้ให้ค่ายดอดจ์เป็นผู้ผลิตรถบรรทุกและรถพยาบาลให้กับกองทัพ

ค่ายดอดจ์ที่กำลังเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วกลับมาเจอปัญหาสุขภาพจนส่งผลให้ต้องขายกิจการออกไป กิจการของดอดจ์ตกอยู่ภายใต้การบริหารงานของภรรยาของสองพี่น้องผู้ก่อตั้งทั้งสองคน

ต่อมาได้ขายกิจการไปให้กับบริษัท Dillon, Read & Co. เป็นจำนวนเงิน 146 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นการขายกิจการที่เป็นเงินมากที่สุดและในปี ค.ศ. 1928 ทาง Dillon, Read & Co. ได้ขายกิจการไปให้กับ Chrysler Corporation

ส่วนรถ “จี๊ฟ” หรือ Jeep รถยนต์แบบอเนกประสงค์ที่มีกำเนิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพสหรัฐอเมริกาต้องการรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ขนาดกะทัดรัด จำนวน 3 ที่นั่งให้ความคล่องตัวสูงและสามารถขับขี่ไปได้ในทุกสภาพเส้นทางเพื่อมาทดแทนรถยนต์แบบพ่วงข้างและรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1

ค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ (Willys Overland Motors) ได้กลายเป็นรถจี๊ฟที่ผ่านมาตรฐานการทดสอบและได้เป็นบริษัทผู้ผลิตป้อนให้กับกองทัพสหรัฐอเมริกา

รถจี๊ฟต้นแบบของอเมริกัน แบนตั้มวางเครื่องยนต์ แบบ 4 สูบแถวเรียง ให้แรงม้าสูงสุด 45 แรงม้า มีน้ำหนักรถเปล่า 730 ปอนด์และความกว้างฐานล้อ 79 นิ้ว ในที่สุดรถจี๊ฟต้นแบบได้ผ่านการทดสอบในสภาพเส้นทางต่าง ๆ และทางกองทัพสหรัฐอเมริกาได้สั่งซื้อล็อตแรกเป็นจำนวน 1,500 คัน

ในที่สุดรถจี๊ฟของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้กลายเป็นรถจี๊ฟที่โดดเด่นเป็นพิเศษจากการปรับแปรของ Delmar “Barney” Roos ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์รหัสรุ่น MB

หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รถจี๊ฟได้รับความนิยมอย่างสูงจนกระทั่งค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้พัฒนาเป็นรถจี๊ฟสำหรับพลเรือนซึ่งได้พัฒนาออกมาหลากหลายรูปแบบ

และในปี ค.ศ. 1953 ไกเซอร์ เฟรเซอร์ได้เข้าไปซื้อกิจการของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สโดยยังใช้ชื่อบริษัทวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สเช่นเดิม

จนกระทั่งปีค.ศ. 1963 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Kaiser Jeep International Corporation และต่อมาในปี ค.ศ. 1970 ได้ขายกิจการไปให้กับ AMC (American Motor Corporation ซึ่งเป็นยี่ห้อในเครือข่ายของไครสเลอร์

ส่วนรถประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ไม่ใช่มีแค่เพียงค่ายแคดิลแลคเท่านั้น ไครสเลอร์ได้สร้างรถประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ มาตั้งแต่สม้ยก่อน Dwight D. Eisenhower ที่ดำรงตำแหน่งช่วงปี ค.ศ. 1953-1961

By : C. Methas - Executive Editor

ไครสเลอร์อีกหนึ่งตำนานของค่ายผลิตรถยนต์แห่งอเมริกาที่สร้างนวัตกรรมยานยนต์มาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของอุตสาหกรรมรถยนต์โลกทั้งในเรื่องของการพัฒนาเครื่องยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงราคาถูกอันเป็นตำนานของค่าย Maxwell บริษัทผลิตรถยนต์ก่อนที่จะมาเป็นไครสเลอร์

นอกจากนี้ยังคิดค้นระบบเบรกทั้ง 4 ล้อควบคุมด้วยไฮดรอลิค, ไส้กรองน้ำมันเครื่อง, ประเก็น, ไฟหน้าที่มีอายุการใช้งานยาวนาน, เครื่องปรับอากาศ, ระบบแท่นยางรองเครื่องยนต์เพื่อลดอาการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวน

ไครสเลอร์มียี่ห้อรถยนต์ในเครือข่ายอยู่หลายยี่ห้อ อาทิ Plymouth, DeSoto, Dodge, Valiant และ Imperial

นอกจากนี้ยังมีผลงานอันโดดเด่นด้วยการผลิตรถจี๊ฟ (Jeep) และเปิดแผนกโมดิฟายรถยนต์ที่ชื่อว่า MoPar(Motor Parts)

ในส่วนของเครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Airtemp อันโด่งดังในยุคแรกของเครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็นและระบบควบคุมการไหลเวียนอากาศ

สำหรับยี่ห้อรถยนต์ในเครือข่ายของไครสเลอร์ที่โด่งดังเป็นพิเศษเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับซูเปอร์คาร์ที่สร้างผลงานด้วยการคว้าแชมป์ในศึกเลอ มังส์ 24 ชั่วโมงและศึกนัวบวร์กริ่ง 12 ชั่วโมงด้วยรถสปอร์ตรุ่น Viper ภายใต้ยี่ห้อดอดจ์เป็นสปอร์ตรุ่นแรกของโลกที่วางเครื่องยนต์ แบบ วี-10 สูบ

Dodge ยี่ห้อรถยนต์ยุคเริ่มแรกก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1900 ชื่อว่า Dodge Brothers Company ผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์มาก่อนที่จะมาผลิตรถยนต์อย่างเต็มตัวในปีค.ศ. 1915

หลังจากประสบความสำเร็จด้วยการสร้างรถยนต์ที่มีคุณภาพจนได้รับการยอมรับจากกองทัพสหรัฐฯ ให้ผลิตรถบรรทุกสำหรับกองทัพตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ตราบจนถึงยุคสงครามเวียตนามโดยในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหรัฐฯ ได้ให้ค่ายดอดจ์เป็นผู้ผลิตรถบรรทุกและรถพยาบาลให้กับกองทัพ

ค่ายดอดจ์ที่กำลังเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วกลับมาเจอปัญหาสุขภาพจนส่งผลให้ต้องขายกิจการออกไป กิจการของดอดจ์ตกอยู่ภายใต้การบริหารงานของภรรยาของสองพี่น้องผู้ก่อตั้งทั้งสองคน

ต่อมาได้ขายกิจการไปให้กับบริษัท Dillon, Read & Co. เป็นจำนวนเงิน 146 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นการขายกิจการที่เป็นเงินมากที่สุดและในปี ค.ศ. 1928 ทาง Dillon, Read & Co. ได้ขายกิจการไปให้กับ Chrysler Corporation

ส่วนรถ “จี๊ฟ” หรือ Jeep รถยนต์แบบอเนกประสงค์ที่มีกำเนิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพสหรัฐอเมริกาต้องการรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ขนาดกะทัดรัด จำนวน 3 ที่นั่งให้ความคล่องตัวสูงและสามารถขับขี่ไปได้ในทุกสภาพเส้นทางเพื่อมาทดแทนรถยนต์แบบพ่วงข้างและรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1

ค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ (Willys Overland Motors) ได้กลายเป็นรถจี๊ฟที่ผ่านมาตรฐานการทดสอบและได้เป็นบริษัทผู้ผลิตป้อนให้กับกองทัพสหรัฐอเมริกา

รถจี๊ฟต้นแบบของอเมริกัน แบนตั้มวางเครื่องยนต์ แบบ 4 สูบแถวเรียง ให้แรงม้าสูงสุด 45 แรงม้า มีน้ำหนักรถเปล่า 730 ปอนด์และความกว้างฐานล้อ 79 นิ้ว ในที่สุดรถจี๊ฟต้นแบบได้ผ่านการทดสอบในสภาพเส้นทางต่าง ๆ และทางกองทัพสหรัฐอเมริกาได้สั่งซื้อล็อตแรกเป็นจำนวน 1,500 คัน

ในที่สุดรถจี๊ฟของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้กลายเป็นรถจี๊ฟที่โดดเด่นเป็นพิเศษจากการปรับแปรของ Delmar “Barney” Roos ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์รหัสรุ่น MB

หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รถจี๊ฟได้รับความนิยมอย่างสูงจนกระทั่งค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้พัฒนาเป็นรถจี๊ฟสำหรับพลเรือนซึ่งได้พัฒนาออกมาหลากหลายรูปแบบ

และในปี ค.ศ. 1953 ไกเซอร์ เฟรเซอร์ได้เข้าไปซื้อกิจการของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สโดยยังใช้ชื่อบริษัทวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สเช่นเดิม

จนกระทั่งปีค.ศ. 1963 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Kaiser Jeep International Corporation และต่อมาในปี ค.ศ. 1970 ได้ขายกิจการไปให้กับ AMC (American Motor Corporation ซึ่งเป็นยี่ห้อในเครือข่ายของไครสเลอร์

ส่วนรถประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ไม่ใช่มีแค่เพียงค่ายแคดิลแลคเท่านั้น ไครสเลอร์ได้สร้างรถประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ มาตั้งแต่สม้ยก่อน Dwight D. Eisenhower ที่ดำรงตำแหน่งช่วงปี ค.ศ. 1953-1961

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!