The Legends of Automobile : ตอนที่ 171 Aston Martin สปอร์ตเมืองผู้ดีกำเนิดจากรถแข่งกว่าศตวรรษ


By : C. Methas – Executive Editor

แอสตัน มาร์ตินค่ายผลิตรถสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตล์ผู้ดีอังกฤษซึ่งมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่าศตวรรษโดยก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1913 ที่กรุงลอนดอนโดย Lionel Martin และ Robert Bamford มีฐานบัญชาการใหญ่อยู่ที่เมืองเกย์ดอน, วอร์วิคเชียร์ ประเทศอังกฤษ

ส่วนชื่อยี่ห้อแอสตัน มาร์ตินมาจากนามสกุลของ Lionel Martin และเนินเขา Aston Hill ที่ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Aston Clinton ในเมืองบักกิงแฮมเชียร์ซึ่งเป็นสถานที่แข่งรถที่ Lionel Martin ไปแข่งรถประจำ ต่อมาได้คิดสร้างรถแข่งขึ้นมาเอง

แอสตัน มาร์ตินผลิตรถสปอร์ตระดับหรูหราและสปอร์ตแกรนด์ ทัวเรอร์ส์ ค่ายรถยนต์รายนี้ได้ผลิตรถยนต์สำหรับเป็นรถประจำตัวในภาพยนต์เรื่องเจมส์ บอนด์ในช่วงยุคปี ค.ศ. 1950-1960 โดยสปอร์ตรุ่น DB5 เป็นรถประจำตัวของเจมส์ บอนด์ในภาพยนต์เรื่อง Goldfinger เมื่อปี ค.ศ. 1964

ก่อนหน้าที่จะมาก่อตั้งค่ายผลิตสปอร์ตระดับหรูหราผู้ก่อตั้งทั้งคู่ได้ร่วมหุ้นกันตั้งบริษัท Bamford & Martin เป็นบริษัทขายรถยนต์ยี่ห้อซิงเกอร์ตั้งอยู่ที่ถนน Callow ในกรุงลอนดอนและให้บริการซ่อมรถยนต์ยี่ห้อ GWK และ Calthorpe ซึ่งก่อนหน้านี้ Lionel Martin เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ย่านเคนซิงตัน กรุงลอนดอนมาก่อนที่จะร่วมหุ้นกับ Robert Bamford ซึ่งเป็นนักธุรกิจรายย่อยที่มีความสนใจในเรื่องของรถยนต์

การร่วมหุ้นเพื่อผลิตรถยนต์ได้ลงทุนเป็นเงิน 1,000 ปอนด์และรถยนต์คันแรกที่ผลิตขึ้นมาเป็นรถสปอร์ตขนาดกะทัดรัด วางเครื่องยนต์แบบ 4 สูบของ Coventry-Climax ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากนำมาติดตั้งกับตัวถังของรถสปอร์ต Hispano-Suiza

สปอร์ตรุ่นแรกของแอสตัน มาร์ตินประสบความสำเร็จอย่างสูงในสนามแข่งแต่กิจการผลิตรถยนต์ไม่ได้ดำเนินต่อไปเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 จนกระทั่งอุปกรณ์และเครื่องจักรทั้งหมดได้ถูกขายไปให้กับบริษัทผลิตเครื่องบิน Sopwith Aviation Company หลังจากนั้นทั้งคู่ได้เข้าร่วมกับกองทัพอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่ 1

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งคู่ได้กลับมาก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์อีกครั้งที่เมืองเคนซิงตันและได้มีการผลิตรถแข่งขึ้นใหม่ทั้งหมด หลังจากนั้นได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจาก Count Louis Zborowski และรถแข่งที่สร้างขึ้นใหม่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสนามแข่งที่ Brooklands

Lady Charnwood ได้เข้ามาซื้อกิจการเมื่อปี ค.ศ. 1924 หลังจากประสบปัญหาล้มละลายและดำเนินการไปได้เพียงปีเดียวเท่านั้นก็ประสบปัญหาล้มละลายอีกเช่นกันจนกระทั่งโรงงานผลิตได้ปิดลงเมื่อปี ค.ศ. 1926 ส่วนทาง Robert Bamford ได้ถอนตัวออกไป

หลังจากนั้นได้มีการร่วมหุ้นกันจากนักลงทุนจำนวนหนึ่งรวมทั้ง Lady Charnwood และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Aston Martin Motors แต่ก็ต้องประสบปัญหาอีกครั้งจนต้องขายกิจการต่อไปอีกหลายครั้ง ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แอสตัน มาร์ตินได้ผลิตรถยนต์ออกมาราว 700 คันและได้ผลิตชิ้นส่วนของเครื่องบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แอสตัน มาร์ตินได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Aston Martin Lagonda ซึ่งเป็นชื่อบริษัทที่ใช้มาถึงทุกวันนี้ หลังจากบริษัท David Brown Limited ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถแทร็คเตอร์อันโด่งดังในยุคนั้นได้เข้ามาซื้อกิจการเมื่อปี ค.ศ. 1947 และได้ซื้อกิจการของค่าย Lagonda ที่ประสบปัญหาทางการเงินเช่นกัน

ต่อมาได้มีการออกแบบผลิตรถยนต์ขึ้นมาใหม่บางรุ่นใช้รหัสรุ่น DB ซึ่งย่อมาจาก David Brown ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการวัยหนุ่มที่มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้นโดยเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่น DB2 เมื่อปี ค.ศ. 1950 และในปี ค.ศ. 1957 ได้สร้างรถแข่งรุ่น DB3 หลังจากนั้นสปอร์ตรหัส DB ตามออกมาอีกหลายรุ่น

ปี ค.ศ. 1972 ค่ายแอสตัน มาร์ติน ลากอนด้าประสบปัญหาทางการเงินอีกครั้งจนกระทั่งเดวิด บราวน์ต้องขายกิจการไปให้กับกลุ่มบริษัทจัดสรรและพัฒนาที่ดิน แต่กิจการดำเนินไปได้เพียง 4 ปีก็ประสบปัญหาอีกเช่นเดิมจนกระทั่งถูกสมาคมธนาคารเข้ายึดกิจการ ก่อนที่กลุ่มธุรกิจจากแคนาดาเข้ามาซื้อกิจการไป จนกระทั่งปี ค.ศ. 1986 ค่ายยักษ์ใหญ่ฟอร์ด มอเตอร์สได้เข้ามาซื้อกิจการไปในที่สุด

ฟอร์ด มอเตอร์สได้ขายหุ้นให้กับกลุ่มของ David Richard ผู้บริหารของ Prodrive แห่งอังกฤษเป็นเงิน 848 ล้านดอลลาร์โดยได้แบ่งหุ้นให้กับกลุ่มนักลงทุนจากคูเวต ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์สยังคงถือหุ้นอยู่ 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

By : C. Methas - Executive Editor

แอสตัน มาร์ตินค่ายผลิตรถสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสไตล์ผู้ดีอังกฤษซึ่งมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่าศตวรรษโดยก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1913 ที่กรุงลอนดอนโดย Lionel Martin และ Robert Bamford มีฐานบัญชาการใหญ่อยู่ที่เมืองเกย์ดอน, วอร์วิคเชียร์ ประเทศอังกฤษ

ส่วนชื่อยี่ห้อแอสตัน มาร์ตินมาจากนามสกุลของ Lionel Martin และเนินเขา Aston Hill ที่ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Aston Clinton ในเมืองบักกิงแฮมเชียร์ซึ่งเป็นสถานที่แข่งรถที่ Lionel Martin ไปแข่งรถประจำ ต่อมาได้คิดสร้างรถแข่งขึ้นมาเอง

แอสตัน มาร์ตินผลิตรถสปอร์ตระดับหรูหราและสปอร์ตแกรนด์ ทัวเรอร์ส์ ค่ายรถยนต์รายนี้ได้ผลิตรถยนต์สำหรับเป็นรถประจำตัวในภาพยนต์เรื่องเจมส์ บอนด์ในช่วงยุคปี ค.ศ. 1950-1960 โดยสปอร์ตรุ่น DB5 เป็นรถประจำตัวของเจมส์ บอนด์ในภาพยนต์เรื่อง Goldfinger เมื่อปี ค.ศ. 1964

ก่อนหน้าที่จะมาก่อตั้งค่ายผลิตสปอร์ตระดับหรูหราผู้ก่อตั้งทั้งคู่ได้ร่วมหุ้นกันตั้งบริษัท Bamford & Martin เป็นบริษัทขายรถยนต์ยี่ห้อซิงเกอร์ตั้งอยู่ที่ถนน Callow ในกรุงลอนดอนและให้บริการซ่อมรถยนต์ยี่ห้อ GWK และ Calthorpe ซึ่งก่อนหน้านี้ Lionel Martin เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ย่านเคนซิงตัน กรุงลอนดอนมาก่อนที่จะร่วมหุ้นกับ Robert Bamford ซึ่งเป็นนักธุรกิจรายย่อยที่มีความสนใจในเรื่องของรถยนต์

การร่วมหุ้นเพื่อผลิตรถยนต์ได้ลงทุนเป็นเงิน 1,000 ปอนด์และรถยนต์คันแรกที่ผลิตขึ้นมาเป็นรถสปอร์ตขนาดกะทัดรัด วางเครื่องยนต์แบบ 4 สูบของ Coventry-Climax ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากนำมาติดตั้งกับตัวถังของรถสปอร์ต Hispano-Suiza

สปอร์ตรุ่นแรกของแอสตัน มาร์ตินประสบความสำเร็จอย่างสูงในสนามแข่งแต่กิจการผลิตรถยนต์ไม่ได้ดำเนินต่อไปเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 จนกระทั่งอุปกรณ์และเครื่องจักรทั้งหมดได้ถูกขายไปให้กับบริษัทผลิตเครื่องบิน Sopwith Aviation Company หลังจากนั้นทั้งคู่ได้เข้าร่วมกับกองทัพอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่ 1

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งคู่ได้กลับมาก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์อีกครั้งที่เมืองเคนซิงตันและได้มีการผลิตรถแข่งขึ้นใหม่ทั้งหมด หลังจากนั้นได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจาก Count Louis Zborowski และรถแข่งที่สร้างขึ้นใหม่ประสบความสำเร็จอย่างมากในสนามแข่งที่ Brooklands

Lady Charnwood ได้เข้ามาซื้อกิจการเมื่อปี ค.ศ. 1924 หลังจากประสบปัญหาล้มละลายและดำเนินการไปได้เพียงปีเดียวเท่านั้นก็ประสบปัญหาล้มละลายอีกเช่นกันจนกระทั่งโรงงานผลิตได้ปิดลงเมื่อปี ค.ศ. 1926 ส่วนทาง Robert Bamford ได้ถอนตัวออกไป

หลังจากนั้นได้มีการร่วมหุ้นกันจากนักลงทุนจำนวนหนึ่งรวมทั้ง Lady Charnwood และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Aston Martin Motors แต่ก็ต้องประสบปัญหาอีกครั้งจนต้องขายกิจการต่อไปอีกหลายครั้ง ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แอสตัน มาร์ตินได้ผลิตรถยนต์ออกมาราว 700 คันและได้ผลิตชิ้นส่วนของเครื่องบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แอสตัน มาร์ตินได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Aston Martin Lagonda ซึ่งเป็นชื่อบริษัทที่ใช้มาถึงทุกวันนี้ หลังจากบริษัท David Brown Limited ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถแทร็คเตอร์อันโด่งดังในยุคนั้นได้เข้ามาซื้อกิจการเมื่อปี ค.ศ. 1947 และได้ซื้อกิจการของค่าย Lagonda ที่ประสบปัญหาทางการเงินเช่นกัน

ต่อมาได้มีการออกแบบผลิตรถยนต์ขึ้นมาใหม่บางรุ่นใช้รหัสรุ่น DB ซึ่งย่อมาจาก David Brown ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการวัยหนุ่มที่มีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้นโดยเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่น DB2 เมื่อปี ค.ศ. 1950 และในปี ค.ศ. 1957 ได้สร้างรถแข่งรุ่น DB3 หลังจากนั้นสปอร์ตรหัส DB ตามออกมาอีกหลายรุ่น

ปี ค.ศ. 1972 ค่ายแอสตัน มาร์ติน ลากอนด้าประสบปัญหาทางการเงินอีกครั้งจนกระทั่งเดวิด บราวน์ต้องขายกิจการไปให้กับกลุ่มบริษัทจัดสรรและพัฒนาที่ดิน แต่กิจการดำเนินไปได้เพียง 4 ปีก็ประสบปัญหาอีกเช่นเดิมจนกระทั่งถูกสมาคมธนาคารเข้ายึดกิจการ ก่อนที่กลุ่มธุรกิจจากแคนาดาเข้ามาซื้อกิจการไป จนกระทั่งปี ค.ศ. 1986 ค่ายยักษ์ใหญ่ฟอร์ด มอเตอร์สได้เข้ามาซื้อกิจการไปในที่สุด

ฟอร์ด มอเตอร์สได้ขายหุ้นให้กับกลุ่มของ David Richard ผู้บริหารของ Prodrive แห่งอังกฤษเป็นเงิน 848 ล้านดอลลาร์โดยได้แบ่งหุ้นให้กับกลุ่มนักลงทุนจากคูเวต ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์สยังคงถือหุ้นอยู่ 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!