By : C. Methas – Executive Editor
“ดักการ์ แรลลี่” รายการแข่งรถหฤโหดอาถรรพณ์ที่สุดในโลกได้รับการขนานนามว่า “แรลลี่แห่งความตาย” รวมมีผู้เสียชีวิตในรายการนี้รวม 64 รายตั้งแต่ทำการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 1978 และเป็นรายที่ 6 หลังจากมาแข่งในอเมริกาใต้ตั้งแต่ปี 2009
ทีมเปอโยต์แชมป์เมื่อปีที่แล้วคว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยแรกซึ่งเป็นการลงแข่งขันในรายการนี้เป็นครั้งแรกในฐานะทีมผู้ผลิต ปีนี้หมายมั่นปั้นมือป้องกันแชมป์เต็มสูบ หลังจากโค่นบัลลังก์แชมป์ 4 ปีซ้อนของทีมมินิลงได้สำเร็จ ปีที่แล้วอัล-อัตติยะห์คว้าแชมป์ไปครอง ส่วนปี 2014 แชมป์ตกเป็นของนานิ โรม่าหลังจากสเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลชะลอความเร็วเปิดทางให้แซงขึ้นไปรับแชมป์
ปี 2012-2013 สเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลคว้าแชมป์ 2 สมัยติดต่อกันให้กับทีมมินิซึ่งได้ส่งทีมลงแข่งเป็นสมัยแรก ส่วนปีนี้ลงแข่งขันในสังกัดทีมเปอโยต์เช่นเดียวกับเซบาสเตียง โล๊ปเจ้าของแชมป์แรลลี่โลกสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ด้วยการกวาดแชมป์แรลลี่โลก 9 สมัยซ้อนในช่วงระหว่างปี 2004-2012 และมาลงแข่งขันในศึกดักการ์ แรลลี่เป็นสมัยแรกเมื่อปีที่แล้วแต่ไปไม่ถึงดวงดาวรถพลิกคว่ำหลายตลบขณะทำเวลาขึ้นนำโอเวอร์ออล แต่สามารถซ่อมรถได้ทันกลับมาแข่งขันต่อจนกระทั่งมาทำความเร็วได้เร็วที่สุดช่วงสเตจสุดท้ายโดยก่อนหน้านี้เป็นนักแข่งที่ออกสตาร์ทได้ร้อนแรงคว้าแชมป์เปิดเกมส์ 2 สเตจแรกไปครอง หลังจากประสบอุบัติเหตุแม้ว่าจะกดคันเร่งเต็มพิกัดท้ายที่สุดไปจบในอันดับ 8
บรรดานักแข่งในศึกแรลลี่หลายรายหลังจากปลดเกษียณจากแรลลี่โลกมักจะมาลงแข่งขันในศึกดักการ์ แรลลี่และประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ แต่หลายรายไปไม่ถึงดวงดาวจากความร้อนแรงของการทำความเร็วซึ่งแตกต่างกับศึกดักการ์ แรลลี่ที่นอกจากใช้ความเร็วยังต้องใช้อึดทรหดอดทานอย่างหนักหน่วง
By : C. Methas - Executive Editor
“ดักการ์ แรลลี่” รายการแข่งรถหฤโหดอาถรรพณ์ที่สุดในโลกได้รับการขนานนามว่า “แรลลี่แห่งความตาย” รวมมีผู้เสียชีวิตในรายการนี้รวม 64 รายตั้งแต่ทำการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 1978 และเป็นรายที่ 6 หลังจากมาแข่งในอเมริกาใต้ตั้งแต่ปี 2009
ทีมเปอโยต์แชมป์เมื่อปีที่แล้วคว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยแรกซึ่งเป็นการลงแข่งขันในรายการนี้เป็นครั้งแรกในฐานะทีมผู้ผลิต ปีนี้หมายมั่นปั้นมือป้องกันแชมป์เต็มสูบ หลังจากโค่นบัลลังก์แชมป์ 4 ปีซ้อนของทีมมินิลงได้สำเร็จ ปีที่แล้วอัล-อัตติยะห์คว้าแชมป์ไปครอง ส่วนปี 2014 แชมป์ตกเป็นของนานิ โรม่าหลังจากสเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลชะลอความเร็วเปิดทางให้แซงขึ้นไปรับแชมป์
ปี 2012-2013 สเตฟาน ปีเตอร์ฮันเซลคว้าแชมป์ 2 สมัยติดต่อกันให้กับทีมมินิซึ่งได้ส่งทีมลงแข่งเป็นสมัยแรก ส่วนปีนี้ลงแข่งขันในสังกัดทีมเปอโยต์เช่นเดียวกับเซบาสเตียง โล๊ปเจ้าของแชมป์แรลลี่โลกสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ด้วยการกวาดแชมป์แรลลี่โลก 9 สมัยซ้อนในช่วงระหว่างปี 2004-2012 และมาลงแข่งขันในศึกดักการ์ แรลลี่เป็นสมัยแรกเมื่อปีที่แล้วแต่ไปไม่ถึงดวงดาวรถพลิกคว่ำหลายตลบขณะทำเวลาขึ้นนำโอเวอร์ออล แต่สามารถซ่อมรถได้ทันกลับมาแข่งขันต่อจนกระทั่งมาทำความเร็วได้เร็วที่สุดช่วงสเตจสุดท้ายโดยก่อนหน้านี้เป็นนักแข่งที่ออกสตาร์ทได้ร้อนแรงคว้าแชมป์เปิดเกมส์ 2 สเตจแรกไปครอง หลังจากประสบอุบัติเหตุแม้ว่าจะกดคันเร่งเต็มพิกัดท้ายที่สุดไปจบในอันดับ 8
บรรดานักแข่งในศึกแรลลี่หลายรายหลังจากปลดเกษียณจากแรลลี่โลกมักจะมาลงแข่งขันในศึกดักการ์ แรลลี่และประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ แต่หลายรายไปไม่ถึงดวงดาวจากความร้อนแรงของการทำความเร็วซึ่งแตกต่างกับศึกดักการ์ แรลลี่ที่นอกจากใช้ความเร็วยังต้องใช้อึดทรหดอดทานอย่างหนักหน่วง
