กลุ่มอาปิโก เข้าลงทุนในกลุ่ม Sakthi มูลค่า 3.5 พันล้านบาท มุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนโครงช่วงล่างชั้นนำ ในตลาดโลก


ในภาพจากซ้าย นางเตียว ลี งอ (กรรมการบริหาร) นายเย็บ ซู ชวน (ประธานกลุ่มบริษัทอาปิโก) Dr. Manickam Mahalingam (ประธานกลุ่มบริษัท Sakthi) และ Mr. Lalit Verma (CEO) ร่วมลงนามข้อตกลงในการเข้าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกัน เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา

บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“AH”) ประกาศการเข้าลงทุนในกลุ่มบริษัท Sakthi Automotive Group โดยมีมูลค่าการลงทุนจำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะเข้าเป็นหุ้นส่วนสำคัญทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจของบริษัทให้ก้าวไปสู่ระดับสากลด้วยฐานการผลิตของกลุ่มบริษัท Sakthi ที่อยู่ทั่วโลก ในขณะที่กลุ่มบริษัท Sakthi ได้ตกลงที่จะลงทุนจำนวน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนโครงช่วงล่าง และชิ้นส่วนตีอัดขึ้นรูปของกลุ่มบริษัทอาปิโก ในอนาคตอันใกล้

กลุ่มอาปิโก เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มาตรฐานระดับโลก และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีรายได้รวมสูงสุด ด้วยยอดขายที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลุ่มอาปิโกเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนโครงช่วงล่างรถกระบะ ชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูป ชิ้นส่วนโลหะตีอัดขึ้นรูปและกลึงเจียผิว ชิ้นส่วนพลาสติกและถังน้ำมันพลาสติก ท่อน้ำมันและท่อน้ำมันเบรก และชิ้นส่วนฝากระโปรงท้าย กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ อีซูซุ นิสสัน โตโยต้า มาสด้า ฟอร์ด ฮอนด้า เจนเนอรัลมอเตอร์ และผู้ผลิตรายอื่นในประเทศไทย รวมถึง เอสจีเอ็มดับบลิว (SGMW) เชอรี่ (Chery) และชไนเดอร์ (Schneider) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน และ GKN Dana และผู้ผลิตอื่นในตลาดต่างประเทศ กลุ่มอาปิโกมีวิสัยทัศน์ในการนำความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าคุณภาพสูงด้วยต้นทุนต่ำ มาใช้ในการขยายธุรกิจไปสู่ระดับสากล

กลุ่ม Sakthi Automotive Group เป็นผู้นำในกลุ่มผู้ผลิตและจัดจำหน่ายระดับโลกสำหรับชิ้นส่วนโครงช่วงล่างและระบบส่งกำลังรถยนต์ด้านความปลอดภัย (Chassis and Powertrain Safety Critical Components) รวมถึงชิ้นส่วนหล่อขึ้นรูปโลหะและอลูมิเนียม (Iron & Aluminum Castings) โดยมีฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกา ประเทศเม็กซิโก (อยู่ในแผนงาน) สาธารณรัฐประชาชนจีน ยุโรป และประเทศอินเดีย ปัจจุบัน กลุ่ม Sakthi Automotive Group มีส่วนแบ่งการตลาดที่สูง สำหรับ Iron & Aluminum Steering Knuckles สำหรับกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ลำดับที่ 1 ทั่วโลก กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ เจนเนอรัล มอเตอร์ ฟอร์ด มอเตอร์ โฟล์คสวาเกน ซูซุกิ ฮุนได โตโยต้า นิสสัน จีลี่ วอลโว่ ฉางอาน เอสเอไอซี เชอรี่ บีวายดี และอื่นๆ ทั้งนี้ กลุ่ม Sakthi ได้พัฒนาศูนย์บริการเทคนิคระดับโลกสำหรับการออกแบบ พัฒนาและทดสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในดีทรอย และมีพนักงานมากกว่า 500 คน ซึ่งรวมกว่า 100 สัญชาติทั่วโลก

ทั้งสองบริษัทเห็นตรงกันว่า ความร่วมมือทางธุรกิจนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับกลุ่มอาปิโกในเวทีโลก ในการพัฒนาธุรกิจชิ้นส่วนโครงช่วงล่างและชิ้นส่วนโลหะตีอัดขึ้นรูป ด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากทรัพยากรของกลุ่ม Sakthi ในอเมริกาเหนือ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย และยุโรป เพิ่มเติมจากฐานการผลิตปัจจุบันของบริษัทในประเทศไทย ทั้งนี้ ปริมาณการผลิตรถยนต์ทั่วโลกในปี 2559 มีจำนวนประมาณ 100 ล้านคัน ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มอาปิโกมีกำลังการผลิตครอบคลุมที่ประมาณ 3 ล้านคัน คิดเป็น 3% ของตลาดโดยรวม และการเข้าลงทุนนี้จะช่วยเพิ่มช่องทางให้กลุ่มบริษัทอาปิโก ในการเติบโตเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายระดับโลกในอนาคต
กลุ่ม Sakthi คาดว่าจะได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของอาปิโก กับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นในการขยายธุรกิจของชิ้นส่วน

ในภาพจากซ้าย นางเตียว ลี งอ (กรรมการบริหาร) นายเย็บ ซู ชวน (ประธานกลุ่มบริษัทอาปิโก) Dr. Manickam Mahalingam (ประธานกลุ่มบริษัท Sakthi) และ Mr. Lalit Verma (CEO) ร่วมลงนามข้อตกลงในการเข้าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกัน เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา

บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“AH”) ประกาศการเข้าลงทุนในกลุ่มบริษัท Sakthi Automotive Group โดยมีมูลค่าการลงทุนจำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะเข้าเป็นหุ้นส่วนสำคัญทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจของบริษัทให้ก้าวไปสู่ระดับสากลด้วยฐานการผลิตของกลุ่มบริษัท Sakthi ที่อยู่ทั่วโลก ในขณะที่กลุ่มบริษัท Sakthi ได้ตกลงที่จะลงทุนจำนวน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนโครงช่วงล่าง และชิ้นส่วนตีอัดขึ้นรูปของกลุ่มบริษัทอาปิโก ในอนาคตอันใกล้

กลุ่มอาปิโก เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มาตรฐานระดับโลก และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีรายได้รวมสูงสุด ด้วยยอดขายที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลุ่มอาปิโกเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนโครงช่วงล่างรถกระบะ ชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูป ชิ้นส่วนโลหะตีอัดขึ้นรูปและกลึงเจียผิว ชิ้นส่วนพลาสติกและถังน้ำมันพลาสติก ท่อน้ำมันและท่อน้ำมันเบรก และชิ้นส่วนฝากระโปรงท้าย กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ได้แก่ อีซูซุ นิสสัน โตโยต้า มาสด้า ฟอร์ด ฮอนด้า เจนเนอรัลมอเตอร์ และผู้ผลิตรายอื่นในประเทศไทย รวมถึง เอสจีเอ็มดับบลิว (SGMW) เชอรี่ (Chery) และชไนเดอร์ (Schneider) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน และ GKN Dana และผู้ผลิตอื่นในตลาดต่างประเทศ กลุ่มอาปิโกมีวิสัยทัศน์ในการนำความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าคุณภาพสูงด้วยต้นทุนต่ำ มาใช้ในการขยายธุรกิจไปสู่ระดับสากล

กลุ่ม Sakthi Automotive Group เป็นผู้นำในกลุ่มผู้ผลิตและจัดจำหน่ายระดับโลกสำหรับชิ้นส่วนโครงช่วงล่างและระบบส่งกำลังรถยนต์ด้านความปลอดภัย (Chassis and Powertrain Safety Critical Components) รวมถึงชิ้นส่วนหล่อขึ้นรูปโลหะและอลูมิเนียม (Iron & Aluminum Castings) โดยมีฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกา ประเทศเม็กซิโก (อยู่ในแผนงาน) สาธารณรัฐประชาชนจีน ยุโรป และประเทศอินเดีย ปัจจุบัน กลุ่ม Sakthi Automotive Group มีส่วนแบ่งการตลาดที่สูง สำหรับ Iron & Aluminum Steering Knuckles สำหรับกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ลำดับที่ 1 ทั่วโลก กลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ เจนเนอรัล มอเตอร์ ฟอร์ด มอเตอร์ โฟล์คสวาเกน ซูซุกิ ฮุนได โตโยต้า นิสสัน จีลี่ วอลโว่ ฉางอาน เอสเอไอซี เชอรี่ บีวายดี และอื่นๆ ทั้งนี้ กลุ่ม Sakthi ได้พัฒนาศูนย์บริการเทคนิคระดับโลกสำหรับการออกแบบ พัฒนาและทดสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในดีทรอย และมีพนักงานมากกว่า 500 คน ซึ่งรวมกว่า 100 สัญชาติทั่วโลก

ทั้งสองบริษัทเห็นตรงกันว่า ความร่วมมือทางธุรกิจนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับกลุ่มอาปิโกในเวทีโลก ในการพัฒนาธุรกิจชิ้นส่วนโครงช่วงล่างและชิ้นส่วนโลหะตีอัดขึ้นรูป ด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากทรัพยากรของกลุ่ม Sakthi ในอเมริกาเหนือ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย และยุโรป เพิ่มเติมจากฐานการผลิตปัจจุบันของบริษัทในประเทศไทย ทั้งนี้ ปริมาณการผลิตรถยนต์ทั่วโลกในปี 2559 มีจำนวนประมาณ 100 ล้านคัน ซึ่งปัจจุบัน กลุ่มอาปิโกมีกำลังการผลิตครอบคลุมที่ประมาณ 3 ล้านคัน คิดเป็น 3% ของตลาดโดยรวม และการเข้าลงทุนนี้จะช่วยเพิ่มช่องทางให้กลุ่มบริษัทอาปิโก ในการเติบโตเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายระดับโลกในอนาคต กลุ่ม Sakthi คาดว่าจะได้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของอาปิโก กับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นในการขยายธุรกิจของชิ้นส่วน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!