บางกอกแต่หนหลัง-เล่าเรื่องรถ, เรื่องเหล้าและรสรัก ตอน ๔ ยุคบุกเบิกผลงานสงครามเวียตนาม-วัฒนธรรมกลายพันธ์


อาลิ้ม ณ โรงภาษี-บรรเลง

หลังจากปีใหม่ความตั้งใจจะเป็น “เด็กเอ๋ยเด็กดี” ลดละเลิกร่ำเหล้ายาปลาปิ้งและยามวน และแล้วใจไม่แกร่งพอพ่ายแพ้ความงามมาโดยตลอดหากแต่ก็เพลาๆ ลงได้มาก ไม่วายดั่งสุภาษิตโก๋รุ่นเดอะกล่าวไว้ “วีรบุรุษผ่านด่านความงาม…ยากส์” บางกอกแต่หนหลังจึงมาเร็วกว่าช่วงแรก…เข้าเรื่องเข้าราวตอน ๔ ยังไปไม่พ้นเรื่องของยุคสมัยสงครามเวียตนามที่กองทัพสหรัฐอเมริกายกทัพใหญ่มาประเคนอาวุธใส่แผ่นดินเวียตนาม, ลาวและกัมพูชาแบบเต็มอัตราศึกทั้งทัพบก, ทัพเรือและทัพอากาศ โดยใช้ไทยเป็นฐานที่มั่นใหญ่ด้วยยุคสมัยจอมพลถนอม กิตติขจรเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความเกี่ยวพันกับสหรัฐอเมริกาแน่นหนากว่ายุคสมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัฐที่มีภรรยาเป็นโขลง จนได้สมญานามว่า “จอมพลผ้าขาวม้าแดง” หนังสือพิมพ์เกียรติศักดิ์นำบรรดาเด็กใหม่มาลงหน้า 1 วันละคนๆ บรรดาภรรยาจากทั่วประเทศของท่านรวมอยู่ในแหล่งเดียวกันซึ่งปลูกบ้านหลังเล็กๆ เป็นหลังๆ ต่อเชื่อมด้วยสะพานไม้ในชุมชนแห่งหนึ่งที่จังหวัดขอนแก่น กระผมเคยไปเยือนด้วยเพื่อนพาไปชม ป่านฉะนี้คงรื้อทิ้งไปหมดแล้วเพราะไม่มีผู้อาศัย

หลังจาก “พ่ายแพ้” สงครามก็มีอันต้องถอนทัพกลับซึ่งจะเรียกว่า “พ่ายแพ้” ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวเนื่องเพราะกลุ่มทุนบรรดาพ่อค้าอาวุธหัวใสได้กำไรอื้อกับสงครามครั้งกระโน้น…เป็นธุรกิจสงครามไงละครับท่าน เว้ากันซื่อๆ ว่า เวียตนามชนะทางการเมือง ส่วนหนึ่งเนื่องจากอเมริกันชนแห่กันลุกขึ้นมาต่อต้านสงครามช่วงเกิดบุปผาชน

ประกอบกับการปลูกฝังความรักชาติที่ถูกย่ำยีกดขี่มานานนมจากช่วงฝรั่งเศสเข้ายึดครองก่อนเวียตนามโค่นฝรั่งเศสลงได้ในสมรภูมิเดียนเบียนฟูนั่นล่ะ และแล้วอเมริกาเข้ายึดครองต่อประกอบกับช่วงต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ที่รัสเซียและจีนกำลังแผ่ขยายลัทธิช่วงสงครามเย็น…

ส่วนสหรัฐอเมริกาชนะทางธุรกิจได้กำรี้กำไรจากสงครามครั้งนี้นับแสนล้านเหรียญ แถมประเทศไม่ได้เสียหายอะไรเลย ต่างกับเวียตนามบ้านเมืองพังพินาศ กว่าจะฟื้นตัวใช้เวลาหลายสิบปีโดยเฉพาะการบูรณประเทศในเรื่องเกี่ยวกับสารเคมีจากอาวุธเคมี “ฝนเหลือง”

ไหนๆ ก็เข้าเรื่องทหารอเมริกันเต็มบ้านเต็มเมืองในสมัยนั้นได้สร้างบรรยากาศใหม่ๆ ให้กับเมืองไทยตามแหล่งที่มีฐานทัพและบางกอกไว้มากมาย

นอกเหนือจากฐานทัพหลักๆ ยังมีฐานทัพลับที่อเมริกาสร้างไว้ในไทย การสร้างฐานทัพหลักแถบอีสานเนื่องจากใกล้เวียตนาม สงครามในเวียตนามเป็นยุทธศาสตร์หลัก

ส่วนลาวนั้นเป็นสมรภูมิของการรบนอกแบบซึ่งกองทัพอเมริกันส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปทำศึก อีกทั้งยังได้ขอกำลังทหารอาสาจากประเทศไทยเข้าไปช่วยทำการรบในลาว มีการรับสมัครคนไทยหากจบ ม.ศ. 5 จะได้ติดยศร้อยตรี นี่เป็นอีกหนึ่งโปรโมชั่นสำหรับทหารรับจ้าง

ส่วนบรรดาพลทหารถูกส่งไปรบที่เวียตนามนั่งรถบัสมาลงเรือที่ท่าเรือคลองเตย ไปกันแต่ละล็อตนับพันคนประเมินจากรถบัสวิ่งเรียงแถวผ่านไปนับหลายสิบคัน บรรดาญาติพี่น้องเป็นห่วงเป็นใยทีี่มาส่งก็โบกมือลากันจนเรือล่องไปลิบตา

การส่งทหารไทยไปสู่สมรภูมิเวียตนามมีเส้นมีสายกลในพอประมาณ หลายรายไปแต่ชื่อ หากไม่ไปแต่ชื่อก็ไม่ต้องออกสนามรบ รับหน้าที่พลาธิการบ้าง หน่วยปลอบขวัญบ้าง ฝ่ายธุรการบ้าง ส่วนเงินรับเป็นดอลล่าร์สหรัฐฯ จากกองทัพอเมริกา กอบโกยรายได้เป็นกอบเป็นกำกลับบ้านเกิด พรรคพวกรุ่นพี่ท่านหนึ่งเปรยให้ฟังเพราะท่านไปแต่ชื่อด้วยอาศัยบารมีของท่านผู้การอดีตพ่อตาผมอีกท่านหนึ่ง…

ส่วนหนุ่มสาวบ้านนอกบ้านนาอพยพเข้ามาขุดทองต้องทิ้งถิ่นกำเนิด ตะเกียกตะกายหลีกหนีความจนตามประสาประเทศด้อยพัฒนาที่พยายามจะยกระดับครั้งแล้วครั้งเล่าเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนา นับวันยิ่งถอยหลังเข้าคลองเข้าไปทุกปีๆ ยันถึงวันนี้

เรื่องการเงินการทองยุคนั้นเงินสะพัดกันเป็นว่าเล่นอันเนื่องมาจาก บางกอกกลายเป็นแหล่งพักผ่อนของบรรดาทหารอเมริกันที่พักรบมาจากสงครามเวียตนาม อพาร์ตเม้นท์-แฟลตถือกำเนิดมากมายในยุคนี้เฉกเช่นเดียวกับบาร์อะโกโก้-คาเฟ่แลอาบ-อบ-นวดผุดกันก็ในยุคนี้ สมัยก่อนหน้าโน้นที่โด่งดังก็เพียงแนวบ้านๆ อาทิ ท่าเขียวไข่กา, โบสถ์พราหมณ์, เสาชิงช้า (ด้านหลังโรงงานน้ำขวดไบเลย์…ฮั่นแน่รู้ดีซะอีก) ใต้สะพานเฉลิมโลก ละแวกประตูน้ำ แหล่งนี้มาแปลกแหวกแนว ล่องเรือลอยนาวาใต้สะพานนั่นแหล่ะ เพิ่งเลิกกิจการไปเมื่อราว 20 ปีนี้เห็นจะได้

สถานที่พักอาศัยและแหล่งเริงรมณ์หลักในบางกอกก็สะพานควายก่อนจะขยับขยายไปยังถนนเพชรบุรีตัดใหม่นั่นล่ะ คำต่อท้ายที่ว่า “ตัดใหม๋” ก็มาจากการสร้างถนนเพื่อรองรับทหารอเมริกันพักรบ กลายเป็นสถานบันเทิงคราคร่ำไปด้วยสถานบริการหลากประเภทยันทุกวันนี้

ส่วนที่โคราช, น้ำพองขอนแก่น, อุดรธานี, นครพนม, อุบลราชธานี, ตาคลี นครสวรรค์, อู่ตะเภา ชลบุรี ฯลฯ ยังหลงเหลือคราบไคลของอนุสรณ์จากสงครามเวียตนาม

ไม่ว่าจะเป็น “ข้าวนอกนา” รถจี๊ฟจนมีกลุ่มนิยมรถจี๊ฟในเมืองต่างๆ ที่ว่ามาหรือบาร์ของทหารผิวหมึกซึ่งนักบินพวกนี้จะขับเฉพาะเครื่องใบพัด นักบินผิวขาวจะขับเครื่องไอพ่น

นอกจากนี้ยังเกิดนักร้องนักดนตรีดังจากยุคนี้ อาทิ เเหลม มอริสันที่ไปโด่งดังในค่ายทหารอเมริกันหรือวงเฮฟวี่ เม้าท์เทน นี่ก็ใช่เช่นเดียวกับวงวี.ไอ.พี. ส่วนที่อุดรซึ่งเคยจัดเทศกาลดนตรีเลียนแบบวู๊ดสต็อคมาแต่ครั้งกระนั้น กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานดนตรีไทยที่คนรุ่นหลังคงไม่ค่อยได้ทราบกันซะเท่าไหร่…รุ่นหญ่ายลายครามท่านสาธยายให้ฟังยามได้ที่

ขบวนกล่อมขวัญถูกสั่งตรงจากอเมริกาไม่ว่าจะเป็น บ็อบ โฮปหรือซูซี่ คิวและอีกหลากหลายวงทั้งอันเดอร์กราวน์, ป็อปและร็อค ผลงานของทหารอเมริกาที่ฝากทิ้งไว้ในไทยมีมากมาย จนถึงทุกวันนี้ ไหนจะสร้างดารา+นางงามลูกครึ่งไว้เพียบ ลูกๆหลานๆ ลูกครึ่งพวกนี้ทานขนมปังทาเนยจิ้มปลาร้าแซ่บอย่างบอกใครเชียว

“ข้าวนอกนา” แข่งกันเกิดเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด เด็กผมทองผมหยิกทั้งผิวดำผิวขาวแทรกตัวเข้ามาในสังคมไทยก็ยุคนี้ที่บรรดาสาวบ้านนาเข้าเมืองเพื่อล่ารางวัลชีวิตกับเงินๆ ทองๆ แต่งงานแต่งการกับทหารอเมริกันชีวิตพลิกผันภายในเวลาอันรวดเร็วจากเด็กบ้านนอกตัวดำเมี่ยมกลายเป็นสาวสมัยใส่รองเท้าบูท นุ่งกระโปรงซุ่มไก่ “คุณนายเมียฝรั่ง” นั่งกระดิกนิ้วชี้นิ้วกับบ้านหลังโต เจรจาฟุตฟิตฟอไฟจ้อ

อันเนื่องมาจากรถอเมริกันที่นำเข้ามาเป็นพวงมาลัยซ้าย เวลาแล่นบนถนนเมืองไทยก็อย่างว่าล่ะ จังหวะที่จะแซงก็ต้องให้สาวเจ้าคอยลุ้นไปตลอดทาง ช่วงเร่งแซงทำท่าจะไม่พ้นคันหน้า “Have Car Garden Come” คำนี้หลุดจากปากของสาวเจ้าด้วยใจจดใจจ่อ แต่อเมริกันชนก็เข้าใจภาษาโดยปริยาย

ส่วนบรรดาเด็กเล็กเด็กน้อยที่เกิดกับ จีไอ. ถูกทิ้งถูกขวางไว้มากมายจนมีมูลนิธิ “เพิร์ล เอส บั๊ค” เข้ามารองรับปัญหาได้ระดับหนึ่ง ว่ากันถึง จีไอ. ขอสาธยายสักกะหน่อย อันคำว่า จีไอ. ย่อมาจาก Government Issue (หมายเรียกเข้ารับการเกณฑ์ทหาร) เป็นคำที่ใช้เรียกทหารที่ถูกส่งไปรบตามดินแดนต่างๆ

เมื่อก่อนใช้เรียกทหารที่ถูกเกณฑ์และส่งไปรบในสงครามเวียดนาม (พ.ศ.๒๔๙๗-๒๕๑๘) ซึ่งหลายคนเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ตอนนั้นเมืองไทยเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับสหรัฐและตั้งฐานทัพใหญ่ในไทย ระหว่างที่ทหารอเมริกันเหล่านี้อยู่ในประเทศไทย หลายคนมีภรรยาเป็นคนไทยและมีลูกด้วยกันและเรียกลูกของคนไทยกับทหารอเมริกันว่า ลูกจี.ไอ. เข้าไปด้วย นอกจากทหารอเมริกันที่ยกทัพใหญ่มาทั้งขบวนนับหลายหมื่นรายจึงต้องมีสารวัตรทหารตามเข้ามาด้วยเพื่อควบคุมทหารดังว่าโดยหมวกมีสัญลักษณ์ MP ย่อมาจาก Military Police นั่นเอง

นอกจากจากทหารอเมริกันแล้ว ยังมีทหารออสเตรเลียเข้ามาส่วนหนึ่งเพื่อร่วมรบในสงครามเวียตนามแต่มีไม่มากนัก

ทางด้านฝ่ายพลาธิการสำหรับกองทัพยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาเหลือล้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารสดแช่แข็ง, อาหารกระป๋อง, เหล้า, เบียร์แลเครื่องดื่มหลากชนิดมีมาครบเซ็ท แม้กระทั่งไฟแช็คซิปโป้ยังมีรุ่นพิเศษสำหรับสงครามเวียตนามออกมาเป็นคอลเล็คชั่นหลายต่อหลายรุ่น นอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์ติดตัวของบรรดาเหล่าจีไอ.ทั้งหลายแหล่ซึ่งจะมีเอกลักษณ์พิเศษ อาทิ รุ่น ๑ ขีด, ๒ ขีดหรือ ๓ ขีดโดยจะมีเส้นขีดเป็นสัญลักษณ์อยู่ด้านใต้ไฟแช็คดังกล่าว ส่วนเรื่องสุรา หลายรายติดใจสไตล์ไทยๆ ซดน้ำสีอำพันอย่างกวางทองที่มีสโลแกนชาวบ้านชาวช่องเรียกขานว่า “กวางทองน้องแม่โขง” ด้วยเหตุที่ราคาถูกกว่า หรือเบียร์สิงห์ (ยุคสมัยครั้งกระโน้นยังไม่มีเบียร์ช้าง, เบียร์ลีโอหรืออีกหลากๆ เบียร์ในไทย)

วกวนไปวนมาอยู่กับสงครามเวียตนาม…ยังไม่จบง่ายๆ เรื่องมันยาวมากๆ กับประวัติศาสตร์สงครามที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในสมัยนั้น บรรดาทหารรับจ้างเดินถือปืนเอ็ม ๑๖ พกระเบิดคาดเอวคาดอกกันเกลื่อนท้องถนน ว่าแล้วขอลากันแบบดื้อๆ อารมณ์ลงตัวมาจ้อกันใหม่ในตอน ๕ นะขอรับ…คุณท่าน

อาลิ้ม ณ โรงภาษี-บรรเลง

หลังจากปีใหม่ความตั้งใจจะเป็น "เด็กเอ๋ยเด็กดี" ลดละเลิกร่ำเหล้ายาปลาปิ้งและยามวน และแล้วใจไม่แกร่งพอพ่ายแพ้ความงามมาโดยตลอดหากแต่ก็เพลาๆ ลงได้มาก ไม่วายดั่งสุภาษิตโก๋รุ่นเดอะกล่าวไว้ "วีรบุรุษผ่านด่านความงาม...ยากส์" บางกอกแต่หนหลังจึงมาเร็วกว่าช่วงแรก...เข้าเรื่องเข้าราวตอน ๔ ยังไปไม่พ้นเรื่องของยุคสมัยสงครามเวียตนามที่กองทัพสหรัฐอเมริกายกทัพใหญ่มาประเคนอาวุธใส่แผ่นดินเวียตนาม, ลาวและกัมพูชาแบบเต็มอัตราศึกทั้งทัพบก, ทัพเรือและทัพอากาศ โดยใช้ไทยเป็นฐานที่มั่นใหญ่ด้วยยุคสมัยจอมพลถนอม กิตติขจรเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความเกี่ยวพันกับสหรัฐอเมริกาแน่นหนากว่ายุคสมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัฐที่มีภรรยาเป็นโขลง จนได้สมญานามว่า "จอมพลผ้าขาวม้าแดง" หนังสือพิมพ์เกียรติศักดิ์นำบรรดาเด็กใหม่มาลงหน้า 1 วันละคนๆ บรรดาภรรยาจากทั่วประเทศของท่านรวมอยู่ในแหล่งเดียวกันซึ่งปลูกบ้านหลังเล็กๆ เป็นหลังๆ ต่อเชื่อมด้วยสะพานไม้ในชุมชนแห่งหนึ่งที่จังหวัดขอนแก่น กระผมเคยไปเยือนด้วยเพื่อนพาไปชม ป่านฉะนี้คงรื้อทิ้งไปหมดแล้วเพราะไม่มีผู้อาศัย

หลังจาก "พ่ายแพ้" สงครามก็มีอันต้องถอนทัพกลับซึ่งจะเรียกว่า "พ่ายแพ้" ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวเนื่องเพราะกลุ่มทุนบรรดาพ่อค้าอาวุธหัวใสได้กำไรอื้อกับสงครามครั้งกระโน้น...เป็นธุรกิจสงครามไงละครับท่าน เว้ากันซื่อๆ ว่า เวียตนามชนะทางการเมือง ส่วนหนึ่งเนื่องจากอเมริกันชนแห่กันลุกขึ้นมาต่อต้านสงครามช่วงเกิดบุปผาชน

ประกอบกับการปลูกฝังความรักชาติที่ถูกย่ำยีกดขี่มานานนมจากช่วงฝรั่งเศสเข้ายึดครองก่อนเวียตนามโค่นฝรั่งเศสลงได้ในสมรภูมิเดียนเบียนฟูนั่นล่ะ และแล้วอเมริกาเข้ายึดครองต่อประกอบกับช่วงต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ที่รัสเซียและจีนกำลังแผ่ขยายลัทธิช่วงสงครามเย็น...

ส่วนสหรัฐอเมริกาชนะทางธุรกิจได้กำรี้กำไรจากสงครามครั้งนี้นับแสนล้านเหรียญ แถมประเทศไม่ได้เสียหายอะไรเลย ต่างกับเวียตนามบ้านเมืองพังพินาศ กว่าจะฟื้นตัวใช้เวลาหลายสิบปีโดยเฉพาะการบูรณประเทศในเรื่องเกี่ยวกับสารเคมีจากอาวุธเคมี "ฝนเหลือง"

ไหนๆ ก็เข้าเรื่องทหารอเมริกันเต็มบ้านเต็มเมืองในสมัยนั้นได้สร้างบรรยากาศใหม่ๆ ให้กับเมืองไทยตามแหล่งที่มีฐานทัพและบางกอกไว้มากมาย

นอกเหนือจากฐานทัพหลักๆ ยังมีฐานทัพลับที่อเมริกาสร้างไว้ในไทย การสร้างฐานทัพหลักแถบอีสานเนื่องจากใกล้เวียตนาม สงครามในเวียตนามเป็นยุทธศาสตร์หลัก

ส่วนลาวนั้นเป็นสมรภูมิของการรบนอกแบบซึ่งกองทัพอเมริกันส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปทำศึก อีกทั้งยังได้ขอกำลังทหารอาสาจากประเทศไทยเข้าไปช่วยทำการรบในลาว มีการรับสมัครคนไทยหากจบ ม.ศ. 5 จะได้ติดยศร้อยตรี นี่เป็นอีกหนึ่งโปรโมชั่นสำหรับทหารรับจ้าง

ส่วนบรรดาพลทหารถูกส่งไปรบที่เวียตนามนั่งรถบัสมาลงเรือที่ท่าเรือคลองเตย ไปกันแต่ละล็อตนับพันคนประเมินจากรถบัสวิ่งเรียงแถวผ่านไปนับหลายสิบคัน บรรดาญาติพี่น้องเป็นห่วงเป็นใยทีี่มาส่งก็โบกมือลากันจนเรือล่องไปลิบตา

การส่งทหารไทยไปสู่สมรภูมิเวียตนามมีเส้นมีสายกลในพอประมาณ หลายรายไปแต่ชื่อ หากไม่ไปแต่ชื่อก็ไม่ต้องออกสนามรบ รับหน้าที่พลาธิการบ้าง หน่วยปลอบขวัญบ้าง ฝ่ายธุรการบ้าง ส่วนเงินรับเป็นดอลล่าร์สหรัฐฯ จากกองทัพอเมริกา กอบโกยรายได้เป็นกอบเป็นกำกลับบ้านเกิด พรรคพวกรุ่นพี่ท่านหนึ่งเปรยให้ฟังเพราะท่านไปแต่ชื่อด้วยอาศัยบารมีของท่านผู้การอดีตพ่อตาผมอีกท่านหนึ่ง...

ส่วนหนุ่มสาวบ้านนอกบ้านนาอพยพเข้ามาขุดทองต้องทิ้งถิ่นกำเนิด ตะเกียกตะกายหลีกหนีความจนตามประสาประเทศด้อยพัฒนาที่พยายามจะยกระดับครั้งแล้วครั้งเล่าเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนา นับวันยิ่งถอยหลังเข้าคลองเข้าไปทุกปีๆ ยันถึงวันนี้

เรื่องการเงินการทองยุคนั้นเงินสะพัดกันเป็นว่าเล่นอันเนื่องมาจาก บางกอกกลายเป็นแหล่งพักผ่อนของบรรดาทหารอเมริกันที่พักรบมาจากสงครามเวียตนาม อพาร์ตเม้นท์-แฟลตถือกำเนิดมากมายในยุคนี้เฉกเช่นเดียวกับบาร์อะโกโก้-คาเฟ่แลอาบ-อบ-นวดผุดกันก็ในยุคนี้ สมัยก่อนหน้าโน้นที่โด่งดังก็เพียงแนวบ้านๆ อาทิ ท่าเขียวไข่กา, โบสถ์พราหมณ์, เสาชิงช้า (ด้านหลังโรงงานน้ำขวดไบเลย์...ฮั่นแน่รู้ดีซะอีก) ใต้สะพานเฉลิมโลก ละแวกประตูน้ำ แหล่งนี้มาแปลกแหวกแนว ล่องเรือลอยนาวาใต้สะพานนั่นแหล่ะ เพิ่งเลิกกิจการไปเมื่อราว 20 ปีนี้เห็นจะได้

สถานที่พักอาศัยและแหล่งเริงรมณ์หลักในบางกอกก็สะพานควายก่อนจะขยับขยายไปยังถนนเพชรบุรีตัดใหม่นั่นล่ะ คำต่อท้ายที่ว่า "ตัดใหม๋" ก็มาจากการสร้างถนนเพื่อรองรับทหารอเมริกันพักรบ กลายเป็นสถานบันเทิงคราคร่ำไปด้วยสถานบริการหลากประเภทยันทุกวันนี้

ส่วนที่โคราช, น้ำพองขอนแก่น, อุดรธานี, นครพนม, อุบลราชธานี, ตาคลี นครสวรรค์, อู่ตะเภา ชลบุรี ฯลฯ ยังหลงเหลือคราบไคลของอนุสรณ์จากสงครามเวียตนาม

ไม่ว่าจะเป็น "ข้าวนอกนา" รถจี๊ฟจนมีกลุ่มนิยมรถจี๊ฟในเมืองต่างๆ ที่ว่ามาหรือบาร์ของทหารผิวหมึกซึ่งนักบินพวกนี้จะขับเฉพาะเครื่องใบพัด นักบินผิวขาวจะขับเครื่องไอพ่น

นอกจากนี้ยังเกิดนักร้องนักดนตรีดังจากยุคนี้ อาทิ เเหลม มอริสันที่ไปโด่งดังในค่ายทหารอเมริกันหรือวงเฮฟวี่ เม้าท์เทน นี่ก็ใช่เช่นเดียวกับวงวี.ไอ.พี. ส่วนที่อุดรซึ่งเคยจัดเทศกาลดนตรีเลียนแบบวู๊ดสต็อคมาแต่ครั้งกระนั้น กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานดนตรีไทยที่คนรุ่นหลังคงไม่ค่อยได้ทราบกันซะเท่าไหร่...รุ่นหญ่ายลายครามท่านสาธยายให้ฟังยามได้ที่

ขบวนกล่อมขวัญถูกสั่งตรงจากอเมริกาไม่ว่าจะเป็น บ็อบ โฮปหรือซูซี่ คิวและอีกหลากหลายวงทั้งอันเดอร์กราวน์, ป็อปและร็อค ผลงานของทหารอเมริกาที่ฝากทิ้งไว้ในไทยมีมากมาย จนถึงทุกวันนี้ ไหนจะสร้างดารา+นางงามลูกครึ่งไว้เพียบ ลูกๆหลานๆ ลูกครึ่งพวกนี้ทานขนมปังทาเนยจิ้มปลาร้าแซ่บอย่างบอกใครเชียว

"ข้าวนอกนา" แข่งกันเกิดเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด เด็กผมทองผมหยิกทั้งผิวดำผิวขาวแทรกตัวเข้ามาในสังคมไทยก็ยุคนี้ที่บรรดาสาวบ้านนาเข้าเมืองเพื่อล่ารางวัลชีวิตกับเงินๆ ทองๆ แต่งงานแต่งการกับทหารอเมริกันชีวิตพลิกผันภายในเวลาอันรวดเร็วจากเด็กบ้านนอกตัวดำเมี่ยมกลายเป็นสาวสมัยใส่รองเท้าบูท นุ่งกระโปรงซุ่มไก่ "คุณนายเมียฝรั่ง" นั่งกระดิกนิ้วชี้นิ้วกับบ้านหลังโต เจรจาฟุตฟิตฟอไฟจ้อ

อันเนื่องมาจากรถอเมริกันที่นำเข้ามาเป็นพวงมาลัยซ้าย เวลาแล่นบนถนนเมืองไทยก็อย่างว่าล่ะ จังหวะที่จะแซงก็ต้องให้สาวเจ้าคอยลุ้นไปตลอดทาง ช่วงเร่งแซงทำท่าจะไม่พ้นคันหน้า "Have Car Garden Come" คำนี้หลุดจากปากของสาวเจ้าด้วยใจจดใจจ่อ แต่อเมริกันชนก็เข้าใจภาษาโดยปริยาย

ส่วนบรรดาเด็กเล็กเด็กน้อยที่เกิดกับ จีไอ. ถูกทิ้งถูกขวางไว้มากมายจนมีมูลนิธิ "เพิร์ล เอส บั๊ค" เข้ามารองรับปัญหาได้ระดับหนึ่ง ว่ากันถึง จีไอ. ขอสาธยายสักกะหน่อย อันคำว่า จีไอ. ย่อมาจาก Government Issue (หมายเรียกเข้ารับการเกณฑ์ทหาร) เป็นคำที่ใช้เรียกทหารที่ถูกส่งไปรบตามดินแดนต่างๆ

เมื่อก่อนใช้เรียกทหารที่ถูกเกณฑ์และส่งไปรบในสงครามเวียดนาม (พ.ศ.๒๔๙๗-๒๕๑๘) ซึ่งหลายคนเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ตอนนั้นเมืองไทยเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับสหรัฐและตั้งฐานทัพใหญ่ในไทย ระหว่างที่ทหารอเมริกันเหล่านี้อยู่ในประเทศไทย หลายคนมีภรรยาเป็นคนไทยและมีลูกด้วยกันและเรียกลูกของคนไทยกับทหารอเมริกันว่า ลูกจี.ไอ. เข้าไปด้วย นอกจากทหารอเมริกันที่ยกทัพใหญ่มาทั้งขบวนนับหลายหมื่นรายจึงต้องมีสารวัตรทหารตามเข้ามาด้วยเพื่อควบคุมทหารดังว่าโดยหมวกมีสัญลักษณ์ MP ย่อมาจาก Military Police นั่นเอง

นอกจากจากทหารอเมริกันแล้ว ยังมีทหารออสเตรเลียเข้ามาส่วนหนึ่งเพื่อร่วมรบในสงครามเวียตนามแต่มีไม่มากนัก

ทางด้านฝ่ายพลาธิการสำหรับกองทัพยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาเหลือล้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารสดแช่แข็ง, อาหารกระป๋อง, เหล้า, เบียร์แลเครื่องดื่มหลากชนิดมีมาครบเซ็ท แม้กระทั่งไฟแช็คซิปโป้ยังมีรุ่นพิเศษสำหรับสงครามเวียตนามออกมาเป็นคอลเล็คชั่นหลายต่อหลายรุ่น นอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์ติดตัวของบรรดาเหล่าจีไอ.ทั้งหลายแหล่ซึ่งจะมีเอกลักษณ์พิเศษ อาทิ รุ่น ๑ ขีด, ๒ ขีดหรือ ๓ ขีดโดยจะมีเส้นขีดเป็นสัญลักษณ์อยู่ด้านใต้ไฟแช็คดังกล่าว ส่วนเรื่องสุรา หลายรายติดใจสไตล์ไทยๆ ซดน้ำสีอำพันอย่างกวางทองที่มีสโลแกนชาวบ้านชาวช่องเรียกขานว่า "กวางทองน้องแม่โขง" ด้วยเหตุที่ราคาถูกกว่า หรือเบียร์สิงห์ (ยุคสมัยครั้งกระโน้นยังไม่มีเบียร์ช้าง, เบียร์ลีโอหรืออีกหลากๆ เบียร์ในไทย)

วกวนไปวนมาอยู่กับสงครามเวียตนาม...ยังไม่จบง่ายๆ เรื่องมันยาวมากๆ กับประวัติศาสตร์สงครามที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในสมัยนั้น บรรดาทหารรับจ้างเดินถือปืนเอ็ม ๑๖ พกระเบิดคาดเอวคาดอกกันเกลื่อนท้องถนน ว่าแล้วขอลากันแบบดื้อๆ อารมณ์ลงตัวมาจ้อกันใหม่ในตอน ๕ นะขอรับ...คุณท่าน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!