บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขนทัพนวัตกรรมยานยนต์ล่าสุด ชูเทคโนโลยี iPerformance และ M Performance มุ่งสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38


บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมระดับพรีเมียม พร้อมฉลองการคว้ารางวัล “Car & Bike of the Year 2017” ยอดเยี่ยมแห่งปี สูงสุด 15 รางวัล สำหรับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยการยกทัพรถยนต์รุ่นล่าสุดพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ มุ่งหน้าสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 ที่จัดขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2560 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี นำโดย บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence บีเอ็มดับเบิลยู 530i M Sport โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 520d Luxury โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่ และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ คลับแมน ใหม่

มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘พุ่งทะยานสู่โลกแห่งเทคโนโลยียานยนต์’ โดยมุ่งผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์เดินหน้าสู่มิติใหม่ด้วยนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีระดับพรีเมียมที่จะเชื่อมต่อทุกมิติของการใช้ชีวิตอย่างไม่หยุดยั้ง ในปีนี้ แนวคิดรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้กลายเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะผสานเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ากับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M Performance ซึ่งก็คือ บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence นอกจากนี้ เรายังพร้อมนำเสนอบีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด รุ่นที่ 4 รวมถึงรถยนต์รุ่นหลักอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 พร้อมด้วยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม โฉมใหม่และรถยนต์ในตระกูล M Performance อีกหลากหลายรุ่นนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยู”

“นอกจากแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำแล้ว เรายังพร้อมที่จะนำเสนอทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยู (BMW Product Genius) เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าด้วยประสบการณ์และความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ โดยทีมดังกล่าวจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดของเราให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบ หรือการส่งมอบรถยนต์ และยังสามารถให้บริการตอบคำถามต่างๆ และให้ความช่วยเหลือทางโทรศัพท์ในข้อซักถามต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู รวมถึงการให้ข้อมูลล่าสุดทางด้านบริการอีกด้วย นอกจากนี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยูยังเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีเป็นอย่างดี จึงพร้อมไปด้วยเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย เช่น แอพพลิเคชันบน iPad เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูทุกท่าน โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะแต่งกายในเครื่องแบบของ BMW Product Genius และพร้อมมอบประสบการณ์และความประทับใจให้แก่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูทุกท่าน”

ในปีนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำยนตรกรรมและเทคโนโลยีระดับพรีเมียม ด้วยการรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Car of the Year สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สูงสุดถึง 15 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Active Tourer M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู i8 บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 740Li บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 420i Gran Coupe Sport บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวอร์ทิเบิล มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ มินิ คูเปอร์ เอสดี 5 ประตู Seven Edition บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR และ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ทั้งนี้ ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป อันเป็นผลมาจากนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์

บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition ราคา 11,899,000 บาท
รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition เป็นรถยนต์สปอร์ต 4 ที่นั่ง (2+2) รุ่นพิเศษที่ผลิตในช่วงเวลาที่จำกัด โดดเด่นด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่ทำจากวัสดุ CFRP (carbon-fibre-reinforced plastic) และระบบส่งกำลังไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู eDrive มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูดุดันด้วยตัวถังสีเงิน Dark Silver พร้อมเสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ W-spoke 470 สีเทา Orbit Grey metallic ขนาดต่างกันในล้อหน้าและล้อหลัง ส่วนดีไซน์ภายในสวยงามไม่แพ้กันด้วยวัสดุที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูงและเซรามิก ให้ความรู้สึกสมกับเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง

ระบบส่งกำลังแห่งอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู eDrive ของบีเอ็มดับเบิลยู i8 ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู TwinPower Turbo ส่งกำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 131 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ระบบส่งกำลัง บีเอ็มดับเบิลยู eDrive ยังใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน กำลังไฟสูง และระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ เพื่อส่งกำลังรวม 362 แรงม้า ได้อย่างเต็มสมรรถนะและประหยัดพลังงานสูงสุด

เมื่อใช้โหมดการขับขี่โดยใช้ไฟฟ้าโดยไม่มีการปล่อยไอเสีย บีเอ็มดับเบิลยู i8 สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. เป็นระยะทาง 37 กม. ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลา 2-3 ชั่วโมง โดยสามารถเลือกชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป หรืออุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู i8 ผสานพลังเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่นเหนือใคร พร้อมตอบสนองความต้องการในทุกเส้นทาง สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.4 วินาที เมื่อขับขี่ในโหมดสปอร์ต ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานและการปล่อยไอเสียที่เหนือชั้นกว่ารถสปอร์ตทุกรุ่นในตลาด ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 47.6 กม./ลิตร และอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 49 กรัม/กม.

บีเอ็มดับเบิลยู i8 เป็นรถที่โดดเด่นเหนือใครด้านประสิทธิภาพ ความประหยัดและสมรรถนะบนท้องถนน และได้รับรางวัลในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นรางวัล International Engine of the Year สำหรับเครื่องยนต์ TwinPower Turbo 3 สูบ และระบบส่งกำลังไฮบริด ทั้งยังได้รับการโหวตให้คว้ารางวัลยอดเยี่ยม World Green Car of the Year และ Green Luxury Car พร้อมด้วยรางวัล Paul Pietsch Award จาก “auto motor und sport” นิตยสารยานยนต์ของประเทศเยอรมนี ในฐานะรถยนต์ที่มีนวัตกรรมยานยนต์โดดเด่นที่สุด

บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ราคา 6,699,000 บาท

โดดเด่นด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี BMW eDrive ในบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล i นำมาสู่บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมโครงสร้าง Carbon Core และแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง ผสานด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ BMW TwinPower Turbo ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้สุนทรียะแห่งการขับขี่เหนือระดับ และความหรูหราสะดวกสบาย ในการขับขี่ระยะไกล นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ใหม่ ยังสามารถนำเทคโนโลยี Efficient Dynamics มารวมเข้ากับยนตรกรรมได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดารถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยกัน

บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ให้กำลัง 258 แรงม้า ด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower นับเป็นขุมพลัง 4 สูบที่ทรงพลังที่สุด ระบบการขับขี่ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติม 113 แรงม้า พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาที โดยเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลัง 326 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร

ยิ่งไปกว่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้ายังรับหน้าที่ส่งพลังด้วยการสำรองพลังงานขณะแตะเบรก หรือด้วยการเพิ่มค่าภาระเครื่องยนต์ตามระบบไฮบริดที่เลือกใช้ จากนั้นจึงดึงพลังเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง และเมื่อขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence จะสามารถขับในระยะทางสูงสุดได้ 41 กม. มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำมารวมเข้ากับระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic เพื่อตอกย้ำประสิทธิภาพขั้นสูงสุดของการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าที่สร้างความปราดเปรียวขณะขับขี่ และการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้จากระบบเบรก

ด้วยการจ่ายพลังงานระหว่างล้อหน้าและล้อหลังที่สมบูรณ์แบบ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence สามารถเร่งเครื่องได้อย่างทรงพลัง ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม. ภายใน 5.3 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 45.5 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัม/กม. ในขณะที่อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ระหว่าง 13.9 – 13.2 กิโลวัตต์/100 กม.

บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence ราคา 12,499,000 บาท

บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence เปิดตัวขุมพลังใหม่ล่าสุด M Performance TwinPower Turbo พร้อมเครื่องยนต์ 12 สูบ เครื่องยนต์ V12 ภายใต้ตราประทับ M Performance มีปริมาตรกระบอกสูบ 6.6 ลิตร ให้กำลัง 610 แรงม้า ที่ 5,500 ถึง 6,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 1,550 ถึง 5,000 รอบ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงรวม 8.2 กม./ลิตร และอัตราการปล่อย CO2 รวม 291 กรัม/กม.

ด้วยเทคโนโลยี M Performance TwinPower Turbo อันเหนือชั้น บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม. ภายใน 3.7 วินาที พร้อมให้ความเร็วสูงสุดจากพลังงานไฟฟ้าที่ 250 กม./ชม. ถ่ายโอนพลังงานผ่านระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic Sport ซึ่งถูกปรับแต่งตามคุณลักษณะของเครื่องยนต์ V12 โดยเฉพาะ
ระบบกันสะเทือนนวัตกรรม Executive Drive Pro คือบัตรผ่านของความปราดเปรียวอันเฉียบคมและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบการรักษาเสถียรภาพรถแบบ Active roll ช่วยลดการสะเทือนของตัวรถให้น้อยที่สุด ผสมผสานกับสมรรถนะจากยางรถยนต์ด้วยล้ออัลลอยพิเศษน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว สร้างความคล่องแคล่วในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในคลาสรถยนต์เดียวกันให้กับบีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการขับขี่ ภายในห้องโดยสารตกแต่งหรูหราด้วยไม้บริเวณพวงมาลัย และตัวอักษร V12 ที่จะปรากฎขึ้นบนหน้าปัดรถเมื่อผู้ขับขี่สตาร์ทเครื่องยนต์ ขอบประตูรถตกแต่งด้วยโลโก้ V12 เรืองแสง สร้างความตื่นตาตื่นใจพร้อมความรื่นรมย์ในการขับขี่ที่จะเกิดขึ้น โดยโลโก้ V12 ยังอวดโฉมอยู่บนคอนโซลและหน้าจอ Touch Command Panel บริเวณที่วางแขนของห้องผู้โดยสารด้านหลัง

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซีดาน โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 530i และบีเอ็มดับเบิลยู 520d ราคา บีเอ็มดับเบิลยู 530i M Sport 4,399,000 บาท, ราคา บีเอ็มดับเบิลยู 520d Luxury 3,899,000 บาท

นอกจากน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นก่อนถึง 100 กก. แล้ว ตัวถังของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซีดาน โฉมใหม่ ยังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ กระจายน้ำหนักอย่างสมดุล และมีแรงเสียดทานอากาศต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน จึงทำให้ผสมผสานการขับขี่ที่คล่องตัวเข้ากับความนุ่มสบายสำหรับผู้โดยสารได้อย่างลงตัว

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซีดาน โฉมใหม่ มาพร้อมกับปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นอัจฉริยะพร้อมระบบสัมผัส iDrive โทรศัพท์ ระบบความบันเทิง และระบบการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลความละเอียดสูง รองรับการควบคุมผ่านทาง iDrive Controller สั่งงานด้วยเสียงหรือท่าทาง หรือสัมผัสที่หน้าจอโดยตรง

ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับการออกแบบมาเพื่อบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซีดาน โฉมใหม่ โดยเฉพาะ โดยมีระบบปรับการกระจายแสงให้เหมาะสมกับเส้นทางที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแสงสว่างในมุมอับขณะเข้าโค้ง หรือระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติในระยะไกลสุด 500 เมตร

ภายในห้องโดยสาร มีการเพิ่มพื้นที่เก็บของและพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสาร นอกจากนี้ เทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) ยังช่วยเสริมการเก็บเสียงของห้องโดยสารเพื่อความผ่อนคลายของผู้โดยสาร

ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน บีเอ็มดับเบิลยู 530i เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลัง 252 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 17.5 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 129 กรัม/กม. ลดลงจากรุ่นก่อน 11% เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

ส่วนรุ่นดีเซลอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู 520d ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 20 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 132 กรัม/กม. เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม.

บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 2,499,000 บาท
บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance มาพร้อมกับขุมพลัง 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ ประหยัดน้ำมันถึง 27 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 เพียง 99 กรัม/กม. ระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic ใหม่ มีส่วนช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ด้วยประสิทธิภาพอัตราการทดเกียร์ที่กว้างขึ้น และตัวแปลงแรงบิดที่สูญเสียกำลังน้อยลงในขณะเปลี่ยนเกียร์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้ราว 3% พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 สปีด และก้านเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ โดดเด่นและเฉียบคมยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M กับ front splitter สีดำด้าน กันชนหน้าและหลังติดสติ๊กเกอร์ Giugiaro สร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ด้วยรูปลักษณ์ แบบสปอร์ต ยังมาพร้อมกับกระจังหน้าไตสีดำเงาและฝาครอบรอบกระจกข้างแบบคาร์บอน ช่องระบายอากาศด้านหลังและสปอยเลอร์หลังสีดำด้าน พร้อมกรอบประตูสีดำด้านที่ติดตราประทับ ‘M Performance’ ขณะที่ฉายแสง LED ด้วยโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูบริเวณประตู สร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้ขับขี่ก่อนเข้าสู่ตัวรถ
ด้วยชุดกันชนหน้าที่มีช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่ เน้นย้ำถึงความกว้างของตัวรถ เช่นเดียวกับชุดกันชนหลังและ ไฟท้าย LED ที่ช่วยเสริมมาดความสปอร์ตของตัวรถ พร้อมไฟหน้าและไฟตัดหมอก LED เพื่อทัศนวิสัยในการขับขี่ ที่ดียิ่งขึ้น

กุญแจอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูมาในระบบ comfort access system สามารถสั่งการอย่างง่ายดายได้ด้วยสัญญาณทางไกล พร้อมเซ็นเซอร์น้ำฝนที่สร้างทัศนวิสัยอันปลอดโปร่ง บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance ยังมีระบบ cruise control ช่วยให้ผู้ขับขี่กำหนดความเร็วสูงสุด และสร้างความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวล ขณะที่กระจกมองหลังด้านในและกระจกข้างฝั่งคนขับ ยังช่วยป้องกันดวงตาของผู้ขับขี่ไม่ให้พร่ามัว ด้วยฟังก์ชันป้องกันแสงจากไฟรถ

บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Luxury โฉมใหม่ ราคา 2,999,000 บาท

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม โฉมใหม่ ผสมผสานยนตรกรรมหรูหราแบบซีดานเข้ากับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง และยังคงประสิทธิภาพเอนกประสงค์ของรถยนต์ในแนวทัวริ่งไว้อย่างครบถ้วน โดยมาพร้อมประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่สูงสุดจาก BMW EfficientDynamics เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ TwinPower Turbo นอกจากนี้ ยังมีเกียร์อัตโนมัติ ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอด ระบบชาร์จไฟอัตโนมัติขณะเบรก และการขับขี่ในโหมด ECO PRO ทำให้มีกำลังมากขึ้น และมีการสูญเสียพลังงานขณะเปลี่ยนเกียร์น้อยลง ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองพลังงานและอัตราการปล่อย CO2 ลดลง 3% สร้างมาตรฐานใหม่เรื่องความประหยัดและอัตราการปล่อยของเสีย

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม ความยาว 4,824 มม. ยาวกว่ารถยนต์ตระกูลซีรีส์ 3 รุ่นอื่นๆ ถึง 200 มม. ไฟหน้า LED ที่เน้นความสปอร์ตและมาพร้อมระบบปรับการทำงานไฟสูง ไฟตัดหมอก LED ส่วนท้ายรถ ประกอบด้วยไฟท้าย และเส้นลายดีไซน์ที่มีความเฉียบคม ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ความสปอร์ตที่ทรงพลังยิ่งขึ้น

ห้องโดยสารภายในดีไซน์ให้มีความหรูหรายิ่งขึ้น ด้วยรายละเอียดและวัสดุตกแต่งต่างๆ เช่น การใช้สี การตกแต่งด้วยลายไม้ และหนัง พื้นที่ในห้องโดยสารได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้เหมาะสมกับทุกรูปแบบการเดินทาง เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะที่นั่งทุกตำแหน่งถูกออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น 59 มม. ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ให้ดูกว้างขวางขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่ที่กว้างขวางยังเป็นหัวใจสำคัญของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น 110 มม. เป็น 2,920 มม. ทำให้ ที่นั่งด้านหลังกว้างขวางสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารสามท่าน ส่วนกระโปรงรถด้านหลัง มีพื้นที่เก็บสัมภาระ 520 – 1,600 ลิตร รองรับทุกการใช้งาน

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม มีให้เลือกสองรุ่นสองสไตล์ด้วยกัน ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Luxury พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ได้แก่ ระบบควบคุมสภาพอากาศ ระบบสตาร์ทรถยนต์โดยไม่ใช้กุญแจ พวงมาลัยระบบเซอร์โวโทรนิก ถุงลมนิรภัย หน้าจอความละเอียดสูง พร้อมระบบ iDrive ใหม่ล่าสุดที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้ โดยไม่เสียสมาธิจากการขับขี่บนถนน รวมถึงช่องเสียบ USB และรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และพวงมาลัยหนังแบบมัลติฟังก์ชัน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมระดับพรีเมียม พร้อมฉลองการคว้ารางวัล “Car & Bike of the Year 2017” ยอดเยี่ยมแห่งปี สูงสุด 15 รางวัล สำหรับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยการยกทัพรถยนต์รุ่นล่าสุดพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ มุ่งหน้าสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 ที่จัดขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2560 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี นำโดย บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence บีเอ็มดับเบิลยู 530i M Sport โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 520d Luxury โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT มินิ คันทรีแมน โฉมใหม่ และมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ คลับแมน ใหม่

มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘พุ่งทะยานสู่โลกแห่งเทคโนโลยียานยนต์’ โดยมุ่งผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์เดินหน้าสู่มิติใหม่ด้วยนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีระดับพรีเมียมที่จะเชื่อมต่อทุกมิติของการใช้ชีวิตอย่างไม่หยุดยั้ง ในปีนี้ แนวคิดรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้กลายเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะผสานเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ากับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M Performance ซึ่งก็คือ บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence นอกจากนี้ เรายังพร้อมนำเสนอบีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด รุ่นที่ 4 รวมถึงรถยนต์รุ่นหลักอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 พร้อมด้วยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม โฉมใหม่และรถยนต์ในตระกูล M Performance อีกหลากหลายรุ่นนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยู”

“นอกจากแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำแล้ว เรายังพร้อมที่จะนำเสนอทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยู (BMW Product Genius) เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าด้วยประสบการณ์และความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ โดยทีมดังกล่าวจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดของเราให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบ หรือการส่งมอบรถยนต์ และยังสามารถให้บริการตอบคำถามต่างๆ และให้ความช่วยเหลือทางโทรศัพท์ในข้อซักถามต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู รวมถึงการให้ข้อมูลล่าสุดทางด้านบริการอีกด้วย นอกจากนี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยูยังเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีเป็นอย่างดี จึงพร้อมไปด้วยเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย เช่น แอพพลิเคชันบน iPad เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูทุกท่าน โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะแต่งกายในเครื่องแบบของ BMW Product Genius และพร้อมมอบประสบการณ์และความประทับใจให้แก่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูทุกท่าน”

ในปีนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำยนตรกรรมและเทคโนโลยีระดับพรีเมียม ด้วยการรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี Car of the Year สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สูงสุดถึง 15 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Active Tourer M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู i8 บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 740Li บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 420i Gran Coupe Sport บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวอร์ทิเบิล มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ มินิ คูเปอร์ เอสดี 5 ประตู Seven Edition บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR และ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ทั้งนี้ ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป อันเป็นผลมาจากนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์

บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition ราคา 11,899,000 บาท รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition เป็นรถยนต์สปอร์ต 4 ที่นั่ง (2+2) รุ่นพิเศษที่ผลิตในช่วงเวลาที่จำกัด โดดเด่นด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่ทำจากวัสดุ CFRP (carbon-fibre-reinforced plastic) และระบบส่งกำลังไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู eDrive มาพร้อมดีไซน์เรียบหรูดุดันด้วยตัวถังสีเงิน Dark Silver พร้อมเสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบ W-spoke 470 สีเทา Orbit Grey metallic ขนาดต่างกันในล้อหน้าและล้อหลัง ส่วนดีไซน์ภายในสวยงามไม่แพ้กันด้วยวัสดุที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูงและเซรามิก ให้ความรู้สึกสมกับเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง

ระบบส่งกำลังแห่งอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู eDrive ของบีเอ็มดับเบิลยู i8 ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู TwinPower Turbo ส่งกำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 131 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ระบบส่งกำลัง บีเอ็มดับเบิลยู eDrive ยังใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน กำลังไฟสูง และระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ เพื่อส่งกำลังรวม 362 แรงม้า ได้อย่างเต็มสมรรถนะและประหยัดพลังงานสูงสุด

เมื่อใช้โหมดการขับขี่โดยใช้ไฟฟ้าโดยไม่มีการปล่อยไอเสีย บีเอ็มดับเบิลยู i8 สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. เป็นระยะทาง 37 กม. ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลา 2-3 ชั่วโมง โดยสามารถเลือกชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป หรืออุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู i8 ผสานพลังเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่นเหนือใคร พร้อมตอบสนองความต้องการในทุกเส้นทาง สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.4 วินาที เมื่อขับขี่ในโหมดสปอร์ต ทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานและการปล่อยไอเสียที่เหนือชั้นกว่ารถสปอร์ตทุกรุ่นในตลาด ด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 47.6 กม./ลิตร และอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 49 กรัม/กม.

บีเอ็มดับเบิลยู i8 เป็นรถที่โดดเด่นเหนือใครด้านประสิทธิภาพ ความประหยัดและสมรรถนะบนท้องถนน และได้รับรางวัลในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นรางวัล International Engine of the Year สำหรับเครื่องยนต์ TwinPower Turbo 3 สูบ และระบบส่งกำลังไฮบริด ทั้งยังได้รับการโหวตให้คว้ารางวัลยอดเยี่ยม World Green Car of the Year และ Green Luxury Car พร้อมด้วยรางวัล Paul Pietsch Award จาก “auto motor und sport” นิตยสารยานยนต์ของประเทศเยอรมนี ในฐานะรถยนต์ที่มีนวัตกรรมยานยนต์โดดเด่นที่สุด

บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ราคา 6,699,000 บาท

โดดเด่นด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี BMW eDrive ในบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล i นำมาสู่บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence พร้อมโครงสร้าง Carbon Core และแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง ผสานด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ BMW TwinPower Turbo ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้สุนทรียะแห่งการขับขี่เหนือระดับ และความหรูหราสะดวกสบาย ในการขับขี่ระยะไกล นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ใหม่ ยังสามารถนำเทคโนโลยี Efficient Dynamics มารวมเข้ากับยนตรกรรมได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดารถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยกัน

บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ให้กำลัง 258 แรงม้า ด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower นับเป็นขุมพลัง 4 สูบที่ทรงพลังที่สุด ระบบการขับขี่ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติม 113 แรงม้า พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาที โดยเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลัง 326 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร

ยิ่งไปกว่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้ายังรับหน้าที่ส่งพลังด้วยการสำรองพลังงานขณะแตะเบรก หรือด้วยการเพิ่มค่าภาระเครื่องยนต์ตามระบบไฮบริดที่เลือกใช้ จากนั้นจึงดึงพลังเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง และเมื่อขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence จะสามารถขับในระยะทางสูงสุดได้ 41 กม. มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำมารวมเข้ากับระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic เพื่อตอกย้ำประสิทธิภาพขั้นสูงสุดของการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าที่สร้างความปราดเปรียวขณะขับขี่ และการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้จากระบบเบรก

ด้วยการจ่ายพลังงานระหว่างล้อหน้าและล้อหลังที่สมบูรณ์แบบ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence สามารถเร่งเครื่องได้อย่างทรงพลัง ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม. ภายใน 5.3 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 45.5 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัม/กม. ในขณะที่อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ระหว่าง 13.9 – 13.2 กิโลวัตต์/100 กม.

บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence ราคา 12,499,000 บาท

บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence เปิดตัวขุมพลังใหม่ล่าสุด M Performance TwinPower Turbo พร้อมเครื่องยนต์ 12 สูบ เครื่องยนต์ V12 ภายใต้ตราประทับ M Performance มีปริมาตรกระบอกสูบ 6.6 ลิตร ให้กำลัง 610 แรงม้า ที่ 5,500 ถึง 6,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 1,550 ถึง 5,000 รอบ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงรวม 8.2 กม./ลิตร และอัตราการปล่อย CO2 รวม 291 กรัม/กม.

ด้วยเทคโนโลยี M Performance TwinPower Turbo อันเหนือชั้น บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม. ภายใน 3.7 วินาที พร้อมให้ความเร็วสูงสุดจากพลังงานไฟฟ้าที่ 250 กม./ชม. ถ่ายโอนพลังงานผ่านระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic Sport ซึ่งถูกปรับแต่งตามคุณลักษณะของเครื่องยนต์ V12 โดยเฉพาะ ระบบกันสะเทือนนวัตกรรม Executive Drive Pro คือบัตรผ่านของความปราดเปรียวอันเฉียบคมและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือกว่า ระบบการรักษาเสถียรภาพรถแบบ Active roll ช่วยลดการสะเทือนของตัวรถให้น้อยที่สุด ผสมผสานกับสมรรถนะจากยางรถยนต์ด้วยล้ออัลลอยพิเศษน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว สร้างความคล่องแคล่วในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในคลาสรถยนต์เดียวกันให้กับบีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการขับขี่ ภายในห้องโดยสารตกแต่งหรูหราด้วยไม้บริเวณพวงมาลัย และตัวอักษร V12 ที่จะปรากฎขึ้นบนหน้าปัดรถเมื่อผู้ขับขี่สตาร์ทเครื่องยนต์ ขอบประตูรถตกแต่งด้วยโลโก้ V12 เรืองแสง สร้างความตื่นตาตื่นใจพร้อมความรื่นรมย์ในการขับขี่ที่จะเกิดขึ้น โดยโลโก้ V12 ยังอวดโฉมอยู่บนคอนโซลและหน้าจอ Touch Command Panel บริเวณที่วางแขนของห้องผู้โดยสารด้านหลัง

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซีดาน โฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 530i และบีเอ็มดับเบิลยู 520d ราคา บีเอ็มดับเบิลยู 530i M Sport 4,399,000 บาท, ราคา บีเอ็มดับเบิลยู 520d Luxury 3,899,000 บาท

นอกจากน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นก่อนถึง 100 กก. แล้ว ตัวถังของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซีดาน โฉมใหม่ ยังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ กระจายน้ำหนักอย่างสมดุล และมีแรงเสียดทานอากาศต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกัน จึงทำให้ผสมผสานการขับขี่ที่คล่องตัวเข้ากับความนุ่มสบายสำหรับผู้โดยสารได้อย่างลงตัว

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซีดาน โฉมใหม่ มาพร้อมกับปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นอัจฉริยะพร้อมระบบสัมผัส iDrive โทรศัพท์ ระบบความบันเทิง และระบบการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลความละเอียดสูง รองรับการควบคุมผ่านทาง iDrive Controller สั่งงานด้วยเสียงหรือท่าทาง หรือสัมผัสที่หน้าจอโดยตรง

ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับการออกแบบมาเพื่อบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซีดาน โฉมใหม่ โดยเฉพาะ โดยมีระบบปรับการกระจายแสงให้เหมาะสมกับเส้นทางที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแสงสว่างในมุมอับขณะเข้าโค้ง หรือระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติในระยะไกลสุด 500 เมตร

ภายในห้องโดยสาร มีการเพิ่มพื้นที่เก็บของและพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสาร นอกจากนี้ เทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) ยังช่วยเสริมการเก็บเสียงของห้องโดยสารเพื่อความผ่อนคลายของผู้โดยสาร

ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน บีเอ็มดับเบิลยู 530i เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลัง 252 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 17.5 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 129 กรัม/กม. ลดลงจากรุ่นก่อน 11% เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

ส่วนรุ่นดีเซลอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู 520d ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 20 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 132 กรัม/กม. เร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม.

บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 2,499,000 บาท บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance มาพร้อมกับขุมพลัง 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ ประหยัดน้ำมันถึง 27 กม./ลิตร อัตราการปล่อย CO2 เพียง 99 กรัม/กม. ระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic ใหม่ มีส่วนช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ด้วยประสิทธิภาพอัตราการทดเกียร์ที่กว้างขึ้น และตัวแปลงแรงบิดที่สูญเสียกำลังน้อยลงในขณะเปลี่ยนเกียร์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้ราว 3% พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 สปีด และก้านเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ โดดเด่นและเฉียบคมยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M กับ front splitter สีดำด้าน กันชนหน้าและหลังติดสติ๊กเกอร์ Giugiaro สร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ด้วยรูปลักษณ์ แบบสปอร์ต ยังมาพร้อมกับกระจังหน้าไตสีดำเงาและฝาครอบรอบกระจกข้างแบบคาร์บอน ช่องระบายอากาศด้านหลังและสปอยเลอร์หลังสีดำด้าน พร้อมกรอบประตูสีดำด้านที่ติดตราประทับ ‘M Performance’ ขณะที่ฉายแสง LED ด้วยโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูบริเวณประตู สร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้ขับขี่ก่อนเข้าสู่ตัวรถ ด้วยชุดกันชนหน้าที่มีช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่ เน้นย้ำถึงความกว้างของตัวรถ เช่นเดียวกับชุดกันชนหลังและ ไฟท้าย LED ที่ช่วยเสริมมาดความสปอร์ตของตัวรถ พร้อมไฟหน้าและไฟตัดหมอก LED เพื่อทัศนวิสัยในการขับขี่ ที่ดียิ่งขึ้น

กุญแจอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูมาในระบบ comfort access system สามารถสั่งการอย่างง่ายดายได้ด้วยสัญญาณทางไกล พร้อมเซ็นเซอร์น้ำฝนที่สร้างทัศนวิสัยอันปลอดโปร่ง บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance ยังมีระบบ cruise control ช่วยให้ผู้ขับขี่กำหนดความเร็วสูงสุด และสร้างความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวล ขณะที่กระจกมองหลังด้านในและกระจกข้างฝั่งคนขับ ยังช่วยป้องกันดวงตาของผู้ขับขี่ไม่ให้พร่ามัว ด้วยฟังก์ชันป้องกันแสงจากไฟรถ

บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Luxury โฉมใหม่ ราคา 2,999,000 บาท

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม โฉมใหม่ ผสมผสานยนตรกรรมหรูหราแบบซีดานเข้ากับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง และยังคงประสิทธิภาพเอนกประสงค์ของรถยนต์ในแนวทัวริ่งไว้อย่างครบถ้วน โดยมาพร้อมประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่สูงสุดจาก BMW EfficientDynamics เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ TwinPower Turbo นอกจากนี้ ยังมีเกียร์อัตโนมัติ ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอด ระบบชาร์จไฟอัตโนมัติขณะเบรก และการขับขี่ในโหมด ECO PRO ทำให้มีกำลังมากขึ้น และมีการสูญเสียพลังงานขณะเปลี่ยนเกียร์น้อยลง ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองพลังงานและอัตราการปล่อย CO2 ลดลง 3% สร้างมาตรฐานใหม่เรื่องความประหยัดและอัตราการปล่อยของเสีย

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม ความยาว 4,824 มม. ยาวกว่ารถยนต์ตระกูลซีรีส์ 3 รุ่นอื่นๆ ถึง 200 มม. ไฟหน้า LED ที่เน้นความสปอร์ตและมาพร้อมระบบปรับการทำงานไฟสูง ไฟตัดหมอก LED ส่วนท้ายรถ ประกอบด้วยไฟท้าย และเส้นลายดีไซน์ที่มีความเฉียบคม ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ความสปอร์ตที่ทรงพลังยิ่งขึ้น

ห้องโดยสารภายในดีไซน์ให้มีความหรูหรายิ่งขึ้น ด้วยรายละเอียดและวัสดุตกแต่งต่างๆ เช่น การใช้สี การตกแต่งด้วยลายไม้ และหนัง พื้นที่ในห้องโดยสารได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้เหมาะสมกับทุกรูปแบบการเดินทาง เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะที่นั่งทุกตำแหน่งถูกออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น 59 มม. ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ให้ดูกว้างขวางขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่ที่กว้างขวางยังเป็นหัวใจสำคัญของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น 110 มม. เป็น 2,920 มม. ทำให้ ที่นั่งด้านหลังกว้างขวางสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารสามท่าน ส่วนกระโปรงรถด้านหลัง มีพื้นที่เก็บสัมภาระ 520 – 1,600 ลิตร รองรับทุกการใช้งาน

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 แกรนทัวริสโม มีให้เลือกสองรุ่นสองสไตล์ด้วยกัน ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Luxury พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ได้แก่ ระบบควบคุมสภาพอากาศ ระบบสตาร์ทรถยนต์โดยไม่ใช้กุญแจ พวงมาลัยระบบเซอร์โวโทรนิก ถุงลมนิรภัย หน้าจอความละเอียดสูง พร้อมระบบ iDrive ใหม่ล่าสุดที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้ โดยไม่เสียสมาธิจากการขับขี่บนถนน รวมถึงช่องเสียบ USB และรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และพวงมาลัยหนังแบบมัลติฟังก์ชัน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!