บ๊อช แนะวิธีดูแลใบปัดน้ำฝนให้มีประสิทธิภาพ และมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น


การดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และ
ความปลอดภัยที่มีมากยิ่งขึ้น

– ใบปัดน้ำฝนช่วยให้การมองเห็นในขณะขับขี่ดีขึ้นและเป็นสิ่งสำคัญต่อความ
ปลอดภัยบนท้องถนน

– อากาศที่ร้อนชื้นและสภาวะต่างๆ บนท้องถนนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ใบปัดน้ำ
ฝนเสื่อมสภาพ

– การดูแลรักษาเป็นประจำจะช่วยยืดอายุการใช้งานของใบปัดน้ำฝน

กรุงเทพฯ – ใบปัดน้ำฝนถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์และมีความ
สำคัญต่อความปลอดภัยบนท้องถนนซึ่งมักจะถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง ผู้ขับขี่มักจะ
ตระหนักถึงความผิดปกติของใบปัดน้ำฝนก็ต่อเมื่อใบปัดน้ำฝนไม่อยู่ในสภาวะที่เหมาะ
สมกับการใช้งาน เมื่อเกิดอุปสรรคต่างๆ ในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นฝน หรือสิ่ง
สกปรก จึงส่งผลให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่
ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนน และผู้สัญจรอื่นๆ บนท้องถนน

“ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมักเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีฝนตกหนัก และ
สาเหตุหลักประการหนึ่งคือทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่ที่ลดลง บ๊อช ขอ
แนะให้ผู้ขับขี่ควรทำการดูแลรักษาใบปัดน้ำฝนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนใบ
ปัดน้ำฝนตามระยะเวลาที่กำหนด และเลือกใช้ใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพจากผู้ขายที่
เชื่อถือได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทาง
ถนนได้ดังกล่าว” กุลธัช บุญบงการ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอะไหล่รถยนต์ บ๊อช ประเทศ
ไทยกล่าว

ข้อแนะนำจาก บ๊อช เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นในขณะขับ
ขี่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกหนักอย่างเช่นช่วงฤดูมรสุมที่เกิดขึ้นใน
ประเทศไทย

1. ซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพ จะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการ
ใช้งานยาวนานขึ้น

2. ดูแลบำรุงรักษาใบปัดน้ำฝนเป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อยืด
อายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

ก. ใช้น้ำสะอาดและผ้าทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน ไม่ควรใช้น้ำยาล้างรถยนต์
หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆ เพราะจะลดประสิทธิภาพสารเคลือบยางของใบปัดน้ำฝน

ข. เปิดใช้งานใบปัดน้ำฝนและน้ำยาฉีดกระจกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะก่อนออก
เดินทาง หรือทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพื่อช่วยให้ยางใบปัดน้ำฝนคงสภาพการใช้
งาน ไม่แห้งแตก เสมือนได้รับการใช้งานอยู่เป็นประจำแม้ว่ารถจะไม่ใช้งานเป็น
ประจำก็ตาม

3. เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นประจำทุกปี รวมถึงคอยตรวจเช็ค
หลังจากการใช้งานโดยทั่วไปแล้ว 6 เดือน

4. คอยตรวจเช็คกระจกหน้ารถสม่ำเสมอ เพื่อดูว่ามีรอยแตก
หรือบิ่นที่เกิดจากเศษหินหรือไม่ และทำความสะอาดด้วยผ้า จากนั้นจึงใช้น้ำยาเช็ด
กระจกเพื่อขจัดฝุ่นละอองและคราบน้ำมัน

5. หลีกเลี่ยงการยกใบปัดน้ำฝนออกจากกระจกหน้ารถในขณะที่รถ
ยนต์จอดอยู่กลางแจ้งในสภาพอากาศที่ร้อน เพราะอาจทำเกิดความเสียหายต่อสปริงและ
ก้านปัดน้ำฝนในระยะยาวได้

“ใบปัดน้ำฝนบางชนิดถูกผลิตจากเนื้อยางสูตรพิเศษเพื่อให้ทนต่อสภาพสภาพอากาศร้อน
เช่นประเทศไทย ใบปัดน้ำฝนทุกชนิดมีอายุการใช้งานที่จำกัด และมีหลายปัจจัยที่จะ
ช่วยยืดอายุการใช้งานของใบปัดน้ำฝน ยางของใบปัดน้ำฝนควรจะคงความยืดหยุ่นและอ่อน
นุ่มเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี แต่การที่ต้องเผชิญสภาพอากาศที่ร้อน และ
แสงแดดหรือรังสีอัลตราไวโอเลตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เนื้อยางเกิดการแข็งตัว และ
เสื่อมคุณภาพตามกาลเวลา ดังนั้น ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนก่อนที่คุณภาพจะเสื่อมลงจน
ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการมองเห็นในขณะขับขี่ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิด อุบัติเหตุ
ทางท้องถนน และโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ผู้ขับขี่มักจะทำการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเพิ่ม
มากขึ้น” กุลธัช กล่าวเสริม

ประสิทธิภาพ และความคงทนของใบปัดน้ำฝนส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการออกแบบและสูตร
ผสมของเนื้อยาง โดยปกติแล้วรูปแบบของใบปัดน้ำฝนจะมีอยู่ 3 ประเภท คือ ใบปัดน้ำ
ฝนแบบใบปัดแบบไร้โครง แบบธรรมดา และแบบผสม ซึ่งสองประเภทหลังจะมีที่หนีบหรือ
ข้อต่อ โดยจะมีแรงกดทับบนบานกระจกระหว่างการใช้งานสูง ซึ่งส่งผลให้ใบปัดน้ำฝน
ประเภทนี้เสื่อมสภาพเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ ใบปัดน้ำฝนโดยทั่วไปจะผลิต
มาจากยางซิลิโคน ยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์จากสูตรที่แตกต่างกัน ซึ่ง
ประสิทธิภาพการทำงานและความทนทานจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าใบปัดน้ำฝน
มีความโค้งพอดีรับกับความนูนของกระจกหน้ารถยนต์ที่ใช้งานอยู่หรือไม่

บ๊อช ได้พัฒนาใบปัดน้ำฝนชนิดไร้โครงรุ่น “แอโรทวิน (Aerotwin)” ซึ่งจะประกอบ
ด้วยชิ้นส่วนเดียวที่ไม่มีที่หนีบหรือข้อต่อใดๆ และใช้สปริงอีโวเดียม 2 ตัว ที่
จะยึดความยาวทั้งหมดของใบปัดน้ำฝนทำให้เกิดแรงกดที่กระจายเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ
ทั่วทั้งใบ ทำให้มีทนทานมากยิ่งขึ้น ใบปัดน้ำฝนรุ่นแอโรทวินผ่านการทดสอบความทน
ต่อการใช้งานอย่างน้อย 500,000 รอบ[1] เทียบเท่ากับการใช้งานแบบไม่หยุดนิ่ง
ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เนื้อยางสังเคราะห์เคลือบด้วยโพลิเมอร์ พาวเวอร์ โปรเทคชั่น
พลัส ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบ๊อช ซึ่งทำให้ทนทานต่อสารในน้ำยาทำความสะอาดและความ
ผันผวนของอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังเพิ่มอายุการใช้งานทำให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศ
เขตร้อนของประเทศไทยอีกด้วย

ผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารและรถกระบะสามารถทำการติดตั้งใบปัดน้ำฝนรุ่นต่างๆ ได้
ด้วยตัวเอง สำหรับใบปัดน้ำฝนรุ่นแอโรทวิน รีโทรฟิต นั้นจะเหมาะกับรถยนต์เอเชีย
และส่วนของรุ่นแอโรทวิน พลัส จะเหมาะสมกับรถยนต์ยุโรป โดยภายในบรรจุภัณฑ์จะมา
พร้อมกับอะแดปเตอร์ 4 ตัว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อต่อให้เข้ากับก้านใบปัด
น้ำฝนโดยทั่วไปได้ถึง 10 แบบ ซึ่งครอบคลุมรุ่นรถยนต์ที่มีอยู่บนท้องถนนใน
ปัจจุบันราวร้อยละ 94 นอกจากนี้ บ๊อช ยังมีใบปัดน้ำฝน แอโรทวิน
OE ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมตรงตามสเปกรถรุ่นนั้นๆโดยเฉพาะ เพื่อ
ให้ได้ประสิทธิภาพ และความคงทนสูงสุด

สำหรับผู้ที่สนใจใบปัดน้ำฝน บ๊อช แอโรทวิน สามารถซื้อได้ที่เว็บไซต์ Lazada

https://www.lazada.co.th/shop/cashbox-auto/?spm=a2o4m.pdp.seller.1.4fed14ba

และร้านค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์ยานยนต์ทั่วประเทศ

เกี่ยวกับบ๊อชในประเทศไทย

บ๊อชได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2466 ปัจจุบัน บ๊อชสร้าง
ความหลากหลายในธุรกิจถึงสี่ด้าน ได้แก่ โซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อน เทคโนโลยี
อุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร บริษัทมีโรงงานผลิต
ในธุรกิจโซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อนถึงสามแห่ง พร้อมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา
อีกทั้งสำนักงานขายและศูนย์บริการสำหรับอุปกรณ์ไฮดรอลิกและเครื่องจักรในจังหวัด
ระยอง และสายการผลิตโซลูชั่นส์และการบริการส่วนเครื่องจักรเพื่อบรรจุภัณฑ์ใน
จังหวัดชลบุรี ในปีที่ผ่านมา บ๊อชในประเทศไทยมียอดขายถึง 12.8 พันล้านบาท (335
ล้านยูโร) และมีพนักงานมากกว่า 1,400 คน

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.bosch.co.th ://www.bosch.co.th และ https://www.facebook.com/BoschThailand ://www.facebook.com/BoschThailand.

เกี่ยวกับกลุ่มบ๊อช

กลุ่มบริษัทบ๊อช ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก มี
พนักงานทั่วโลกกว่า 402,000 คน (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560) ในปี 2559 บริษัทมี
ยอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 78.1 พันล้านยูโร โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 4 กลุ่ม
ธุรกิจสำคัญได้แก่ กลุ่มโซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อน กลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร ในฐานะผู้นำทางด้าน
IoT (Internet of Things) บ๊อชนำเสนอนวัตกรรมแห่งโซลูชั่นส์เพื่อบ้านอัจฉริยะ
เมืองอัจฉริยะ ยานยนต์ และ อุตสาหกรรมที่สามารถเชื่อมต่อถึงกัน ด้วยความเชี่ยว
ชาญในเทคโนโลยีเซนเซอร์ ซอฟท์แวร์ และการให้บริการ รวมถึงไอโอทีคลาวด์ของบ๊อช
เอง เราจึงสามารถให้บริการโซลูชั่นส์ที่เชื่อมต่อแบบข้ามโดเมนได้เบ็ดเสร็จจาก
แหล่งเดียว เป้าหมายกลยุทธ์ของเรา คือการส่งมอบนวัตกรรมและสร้างแรงบันดาลใจ
เพื่อชีวิตที่เชื่อมต่อถึงกัน ผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดได้รับการออกแบบมาเพื่อ
พัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการเสนอคำตอบที่ล้ำสมัยและเป็นประโยชน์ที่นับได้ว่าเป็น “
เทคโนโลยีเพื่อชีวิต” กลุ่มบ๊อช ประกอบด้วยบริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จีเอ็มบีเอช
และบริษัทในเครืออีกกว่า 440 บริษัท รวมถึงสำนักงานระดับภูมิภาคในประเทศต่าง ๆ
อีกกว่า 60 ประเทศ หากรวมบริษัทคู่ค้าผู้จัดจำหน่ายและให้บริการต่าง ๆ ทั้งส่วน
การผลิต งานวิศวกรรม และเครือข่ายด้านการขาย บ๊อชครอบคลุมอยู่เกือบทุกประเทศ
ทั่วโลก เพราะพื้นฐานสำคัญสำหรับการขยายตัวในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับความแข็ง
แกร่งด้านนวัตกรรม บริษัทจึงมีพนักงานในส่วนการวิจัยและพัฒนากว่า 64,500 คน ใน
ศูนย์วิจัยกว่า 125 แห่งทั่วโลกในปัจจุบัน

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.bosch.com .bosch.com, www
http://www.iot.bosch.com .iot.bosch.com www http://www.bosch-press.com
.bosch-press.com, http://twitter.com/BoschPresse .com/BoschPresse

หมายเหตุ-[1] ความเร็วรอบต่ำ 250,000 รอบ และความเร็วรอบสูง 250,000 รอบภายใต้สภาพแวด
ล้อมที่มีการควบคุม

การดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และ ความปลอดภัยที่มีมากยิ่งขึ้น

- ใบปัดน้ำฝนช่วยให้การมองเห็นในขณะขับขี่ดีขึ้นและเป็นสิ่งสำคัญต่อความ ปลอดภัยบนท้องถนน

- อากาศที่ร้อนชื้นและสภาวะต่างๆ บนท้องถนนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ใบปัดน้ำ ฝนเสื่อมสภาพ

- การดูแลรักษาเป็นประจำจะช่วยยืดอายุการใช้งานของใบปัดน้ำฝน

กรุงเทพฯ – ใบปัดน้ำฝนถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์และมีความ สำคัญต่อความปลอดภัยบนท้องถนนซึ่งมักจะถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง ผู้ขับขี่มักจะ ตระหนักถึงความผิดปกติของใบปัดน้ำฝนก็ต่อเมื่อใบปัดน้ำฝนไม่อยู่ในสภาวะที่เหมาะ สมกับการใช้งาน เมื่อเกิดอุปสรรคต่างๆ ในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นฝน หรือสิ่ง สกปรก จึงส่งผลให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนน และผู้สัญจรอื่นๆ บนท้องถนน

“ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมักเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีฝนตกหนัก และ สาเหตุหลักประการหนึ่งคือทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่ที่ลดลง บ๊อช ขอ แนะให้ผู้ขับขี่ควรทำการดูแลรักษาใบปัดน้ำฝนเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนใบ ปัดน้ำฝนตามระยะเวลาที่กำหนด และเลือกใช้ใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพจากผู้ขายที่ เชื่อถือได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทาง ถนนได้ดังกล่าว” กุลธัช บุญบงการ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอะไหล่รถยนต์ บ๊อช ประเทศ ไทยกล่าว

ข้อแนะนำจาก บ๊อช เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นในขณะขับ ขี่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตกหนักอย่างเช่นช่วงฤดูมรสุมที่เกิดขึ้นใน ประเทศไทย

1. ซื้อใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพ จะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการ ใช้งานยาวนานขึ้น

2. ดูแลบำรุงรักษาใบปัดน้ำฝนเป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อยืด อายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

ก. ใช้น้ำสะอาดและผ้าทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน ไม่ควรใช้น้ำยาล้างรถยนต์ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่นๆ เพราะจะลดประสิทธิภาพสารเคลือบยางของใบปัดน้ำฝน

ข. เปิดใช้งานใบปัดน้ำฝนและน้ำยาฉีดกระจกอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะก่อนออก เดินทาง หรือทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพื่อช่วยให้ยางใบปัดน้ำฝนคงสภาพการใช้ งาน ไม่แห้งแตก เสมือนได้รับการใช้งานอยู่เป็นประจำแม้ว่ารถจะไม่ใช้งานเป็น ประจำก็ตาม

3. เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเป็นประจำทุกปี รวมถึงคอยตรวจเช็ค หลังจากการใช้งานโดยทั่วไปแล้ว 6 เดือน

4. คอยตรวจเช็คกระจกหน้ารถสม่ำเสมอ เพื่อดูว่ามีรอยแตก หรือบิ่นที่เกิดจากเศษหินหรือไม่ และทำความสะอาดด้วยผ้า จากนั้นจึงใช้น้ำยาเช็ด กระจกเพื่อขจัดฝุ่นละอองและคราบน้ำมัน

5. หลีกเลี่ยงการยกใบปัดน้ำฝนออกจากกระจกหน้ารถในขณะที่รถ ยนต์จอดอยู่กลางแจ้งในสภาพอากาศที่ร้อน เพราะอาจทำเกิดความเสียหายต่อสปริงและ ก้านปัดน้ำฝนในระยะยาวได้

“ใบปัดน้ำฝนบางชนิดถูกผลิตจากเนื้อยางสูตรพิเศษเพื่อให้ทนต่อสภาพสภาพอากาศร้อน เช่นประเทศไทย ใบปัดน้ำฝนทุกชนิดมีอายุการใช้งานที่จำกัด และมีหลายปัจจัยที่จะ ช่วยยืดอายุการใช้งานของใบปัดน้ำฝน ยางของใบปัดน้ำฝนควรจะคงความยืดหยุ่นและอ่อน นุ่มเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี แต่การที่ต้องเผชิญสภาพอากาศที่ร้อน และ แสงแดดหรือรังสีอัลตราไวโอเลตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เนื้อยางเกิดการแข็งตัว และ เสื่อมคุณภาพตามกาลเวลา ดังนั้น ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนก่อนที่คุณภาพจะเสื่อมลงจน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการมองเห็นในขณะขับขี่ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิด อุบัติเหตุ ทางท้องถนน และโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ผู้ขับขี่มักจะทำการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนเพิ่ม มากขึ้น” กุลธัช กล่าวเสริม

ประสิทธิภาพ และความคงทนของใบปัดน้ำฝนส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการออกแบบและสูตร ผสมของเนื้อยาง โดยปกติแล้วรูปแบบของใบปัดน้ำฝนจะมีอยู่ 3 ประเภท คือ ใบปัดน้ำ ฝนแบบใบปัดแบบไร้โครง แบบธรรมดา และแบบผสม ซึ่งสองประเภทหลังจะมีที่หนีบหรือ ข้อต่อ โดยจะมีแรงกดทับบนบานกระจกระหว่างการใช้งานสูง ซึ่งส่งผลให้ใบปัดน้ำฝน ประเภทนี้เสื่อมสภาพเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับแบบอื่นๆ ใบปัดน้ำฝนโดยทั่วไปจะผลิต มาจากยางซิลิโคน ยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์จากสูตรที่แตกต่างกัน ซึ่ง ประสิทธิภาพการทำงานและความทนทานจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าใบปัดน้ำฝน มีความโค้งพอดีรับกับความนูนของกระจกหน้ารถยนต์ที่ใช้งานอยู่หรือไม่

บ๊อช ได้พัฒนาใบปัดน้ำฝนชนิดไร้โครงรุ่น “แอโรทวิน (Aerotwin)” ซึ่งจะประกอบ ด้วยชิ้นส่วนเดียวที่ไม่มีที่หนีบหรือข้อต่อใดๆ และใช้สปริงอีโวเดียม 2 ตัว ที่ จะยึดความยาวทั้งหมดของใบปัดน้ำฝนทำให้เกิดแรงกดที่กระจายเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ ทั่วทั้งใบ ทำให้มีทนทานมากยิ่งขึ้น ใบปัดน้ำฝนรุ่นแอโรทวินผ่านการทดสอบความทน ต่อการใช้งานอย่างน้อย 500,000 รอบ[1] เทียบเท่ากับการใช้งานแบบไม่หยุดนิ่ง ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เนื้อยางสังเคราะห์เคลือบด้วยโพลิเมอร์ พาวเวอร์ โปรเทคชั่น พลัส ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบ๊อช ซึ่งทำให้ทนทานต่อสารในน้ำยาทำความสะอาดและความ ผันผวนของอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังเพิ่มอายุการใช้งานทำให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศ เขตร้อนของประเทศไทยอีกด้วย

ผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารและรถกระบะสามารถทำการติดตั้งใบปัดน้ำฝนรุ่นต่างๆ ได้ ด้วยตัวเอง สำหรับใบปัดน้ำฝนรุ่นแอโรทวิน รีโทรฟิต นั้นจะเหมาะกับรถยนต์เอเชีย และส่วนของรุ่นแอโรทวิน พลัส จะเหมาะสมกับรถยนต์ยุโรป โดยภายในบรรจุภัณฑ์จะมา พร้อมกับอะแดปเตอร์ 4 ตัว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อต่อให้เข้ากับก้านใบปัด น้ำฝนโดยทั่วไปได้ถึง 10 แบบ ซึ่งครอบคลุมรุ่นรถยนต์ที่มีอยู่บนท้องถนนใน ปัจจุบันราวร้อยละ 94 นอกจากนี้ บ๊อช ยังมีใบปัดน้ำฝน แอโรทวิน OE ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมตรงตามสเปกรถรุ่นนั้นๆโดยเฉพาะ เพื่อ ให้ได้ประสิทธิภาพ และความคงทนสูงสุด

สำหรับผู้ที่สนใจใบปัดน้ำฝน บ๊อช แอโรทวิน สามารถซื้อได้ที่เว็บไซต์ Lazada

https://www.lazada.co.th/shop/cashbox-auto/?spm=a2o4m.pdp.seller.1.4fed14ba

และร้านค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์ยานยนต์ทั่วประเทศ

เกี่ยวกับบ๊อชในประเทศไทย

บ๊อชได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2466 ปัจจุบัน บ๊อชสร้าง ความหลากหลายในธุรกิจถึงสี่ด้าน ได้แก่ โซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อน เทคโนโลยี อุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร บริษัทมีโรงงานผลิต ในธุรกิจโซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อนถึงสามแห่ง พร้อมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา อีกทั้งสำนักงานขายและศูนย์บริการสำหรับอุปกรณ์ไฮดรอลิกและเครื่องจักรในจังหวัด ระยอง และสายการผลิตโซลูชั่นส์และการบริการส่วนเครื่องจักรเพื่อบรรจุภัณฑ์ใน จังหวัดชลบุรี ในปีที่ผ่านมา บ๊อชในประเทศไทยมียอดขายถึง 12.8 พันล้านบาท (335 ล้านยูโร) และมีพนักงานมากกว่า 1,400 คน

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.bosch.co.th ://www.bosch.co.th และ https://www.facebook.com/BoschThailand ://www.facebook.com/BoschThailand.

เกี่ยวกับกลุ่มบ๊อช

กลุ่มบริษัทบ๊อช ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีและบริการชั้นนำของโลก มี พนักงานทั่วโลกกว่า 402,000 คน (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560) ในปี 2559 บริษัทมี ยอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 78.1 พันล้านยูโร โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 4 กลุ่ม ธุรกิจสำคัญได้แก่ กลุ่มโซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อน กลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานและอาคาร ในฐานะผู้นำทางด้าน IoT (Internet of Things) บ๊อชนำเสนอนวัตกรรมแห่งโซลูชั่นส์เพื่อบ้านอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ ยานยนต์ และ อุตสาหกรรมที่สามารถเชื่อมต่อถึงกัน ด้วยความเชี่ยว ชาญในเทคโนโลยีเซนเซอร์ ซอฟท์แวร์ และการให้บริการ รวมถึงไอโอทีคลาวด์ของบ๊อช เอง เราจึงสามารถให้บริการโซลูชั่นส์ที่เชื่อมต่อแบบข้ามโดเมนได้เบ็ดเสร็จจาก แหล่งเดียว เป้าหมายกลยุทธ์ของเรา คือการส่งมอบนวัตกรรมและสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อชีวิตที่เชื่อมต่อถึงกัน ผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดได้รับการออกแบบมาเพื่อ พัฒนาคุณภาพชีวิต โดยการเสนอคำตอบที่ล้ำสมัยและเป็นประโยชน์ที่นับได้ว่าเป็น “ เทคโนโลยีเพื่อชีวิต” กลุ่มบ๊อช ประกอบด้วยบริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จีเอ็มบีเอช และบริษัทในเครืออีกกว่า 440 บริษัท รวมถึงสำนักงานระดับภูมิภาคในประเทศต่าง ๆ อีกกว่า 60 ประเทศ หากรวมบริษัทคู่ค้าผู้จัดจำหน่ายและให้บริการต่าง ๆ ทั้งส่วน การผลิต งานวิศวกรรม และเครือข่ายด้านการขาย บ๊อชครอบคลุมอยู่เกือบทุกประเทศ ทั่วโลก เพราะพื้นฐานสำคัญสำหรับการขยายตัวในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับความแข็ง แกร่งด้านนวัตกรรม บริษัทจึงมีพนักงานในส่วนการวิจัยและพัฒนากว่า 64,500 คน ใน ศูนย์วิจัยกว่า 125 แห่งทั่วโลกในปัจจุบัน

ข้อมูลเพิ่มเติม: http://www.bosch.com .bosch.com, www http://www.iot.bosch.com .iot.bosch.com www http://www.bosch-press.com .bosch-press.com, http://twitter.com/BoschPresse .com/BoschPresse

หมายเหตุ-[1] ความเร็วรอบต่ำ 250,000 รอบ และความเร็วรอบสูง 250,000 รอบภายใต้สภาพแวด ล้อมที่มีการควบคุม

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!