วอลโว่ คาร์ ผู้ผลิตรถยนต์ระดับพรีเมียม และ นายทุนใหญ่ จีลี่ โฮลดิ้งส์ (Geely Holdings) ประกาศการร่วมลงทุน 5,000 ล้านหยวนจีน (ประมาณ 25,000 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างแบรนด์โพลสตาร์ (Polestar) เจาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
การลงทุนร่วมครั้งนี้ส่งผลให้ โพลสตาร์ กลายเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่มีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านการผลิตชั้นเลิศ โดยลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดของ โพลสตาร์ ณ เมืองเฉิงตู ประเทศจีน ซึ่งได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์โพลสตาร์รุ่นแรก “โพลสตาร์ 1”(Polestar 1) ณ นครเซี่ยงไฮ้
ต่อจากนี้ไปโพลสตาร์จะเป็นแบรนด์ที่สามารถพัฒนา ผลิต และส่งมอบรถในเชิงพาณิชย์ได้รวดเร็วขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์ความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ประกอบกับจะส่งผลให้วอลโว่ คาร์ ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ขั้นต่อไปร่วมกันกับโพลสตาร์ โดยมีการวิจัยและพัฒนารถยนต์ร่วมกัน ส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงแต่สร้างผลกำไรที่มากขึ้น
การที่จีนเป็นพลังหนุนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก จะเป็นส่วนสนับสนุนให้ โพลสตาร์ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ และเสริมให้วอลโว่ในฐานะผู้นำเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและระบบการเชื่อมต่อชัดเจนยิ่งขึ้น
รถยนต์ โพลสตาร์ ที่ผลิตออกสู่ท้องตลาดรุ่นแรก คือ โพลสตาร์ 1 เป็นรถยนต์ไฮบริดทรงคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง มีกำลัง 600 แรงม้า วิ่งด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ 150 กม. ถือเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดสำหรับรถยนต์ไฮบริดที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน การผลิตในเฉิงตูจะเริ่มเดินเครื่องช่วงกลางปี 2562 ตามด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นที่มีขนาดเล็กกว่าและจะใช้ชื่อรุ่นว่า ”โพลสตาร์ 2”
โพลสตาร์ 1 นับเป็นยนตรกรรมที่ผสานความเป็นเลิศทั้งจากวอลโว่ และ โพลสตาร์ โดยประมาณครึ่งหนึ่งของเทคโนโลยีในรถโพลสตาร์ 1 เป็นการพัฒนาบนพื้นฐาน SPA สถาปัตยกรรมรถยนต์แบบโมดุลาร์ของวอลโว่ ส่วนที่เหลือเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่คิดค้นโดยวิศวกรของโพลสตาร์ ซึ่งทำงานอยู่ในฝ่ายวิจัย จะมีส่วนช่วยในการตั้งโรงงานผลิตเองของ โพลสตาร์ ในเฉิงตูได้เป็นอย่างดี
สำหรับโพลสตาร์ 2 จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกของวอลโว่ และจะเป็นหนึ่งในรถห้ารุ่นที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในช่วงปี 2562 – 2564 อนึ่ง นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปรถยนต์วอลโว่ทุกคันจะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และนับเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในอนาคต
วอลโว่ คาร์ ผู้ผลิตรถยนต์ระดับพรีเมียม และ นายทุนใหญ่ จีลี่ โฮลดิ้งส์ (Geely Holdings) ประกาศการร่วมลงทุน 5,000 ล้านหยวนจีน (ประมาณ 25,000 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างแบรนด์โพลสตาร์ (Polestar) เจาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
การลงทุนร่วมครั้งนี้ส่งผลให้ โพลสตาร์ กลายเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่มีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านการผลิตชั้นเลิศ โดยลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดของ โพลสตาร์ ณ เมืองเฉิงตู ประเทศจีน ซึ่งได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์โพลสตาร์รุ่นแรก “โพลสตาร์ 1”(Polestar 1) ณ นครเซี่ยงไฮ้
ต่อจากนี้ไปโพลสตาร์จะเป็นแบรนด์ที่สามารถพัฒนา ผลิต และส่งมอบรถในเชิงพาณิชย์ได้รวดเร็วขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์ความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ประกอบกับจะส่งผลให้วอลโว่ คาร์ ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ขั้นต่อไปร่วมกันกับโพลสตาร์ โดยมีการวิจัยและพัฒนารถยนต์ร่วมกัน ส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงแต่สร้างผลกำไรที่มากขึ้น
การที่จีนเป็นพลังหนุนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก จะเป็นส่วนสนับสนุนให้ โพลสตาร์ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ และเสริมให้วอลโว่ในฐานะผู้นำเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าและระบบการเชื่อมต่อชัดเจนยิ่งขึ้น
รถยนต์ โพลสตาร์ ที่ผลิตออกสู่ท้องตลาดรุ่นแรก คือ โพลสตาร์ 1 เป็นรถยนต์ไฮบริดทรงคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง มีกำลัง 600 แรงม้า วิ่งด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ 150 กม. ถือเป็นระยะทางที่ไกลที่สุดสำหรับรถยนต์ไฮบริดที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน การผลิตในเฉิงตูจะเริ่มเดินเครื่องช่วงกลางปี 2562 ตามด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นที่มีขนาดเล็กกว่าและจะใช้ชื่อรุ่นว่า ”โพลสตาร์ 2”
โพลสตาร์ 1 นับเป็นยนตรกรรมที่ผสานความเป็นเลิศทั้งจากวอลโว่ และ โพลสตาร์ โดยประมาณครึ่งหนึ่งของเทคโนโลยีในรถโพลสตาร์ 1 เป็นการพัฒนาบนพื้นฐาน SPA สถาปัตยกรรมรถยนต์แบบโมดุลาร์ของวอลโว่ ส่วนที่เหลือเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่คิดค้นโดยวิศวกรของโพลสตาร์ ซึ่งทำงานอยู่ในฝ่ายวิจัย จะมีส่วนช่วยในการตั้งโรงงานผลิตเองของ โพลสตาร์ ในเฉิงตูได้เป็นอย่างดี
สำหรับโพลสตาร์ 2 จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกของวอลโว่ และจะเป็นหนึ่งในรถห้ารุ่นที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในช่วงปี 2562 – 2564 อนึ่ง นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปรถยนต์วอลโว่ทุกคันจะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และนับเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในอนาคต
