สศอ. เผย MPI เดือน เม.ย. โครงการลงทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐเห็นผล คาดอุตสาหกรรมหลักฟื้นตัวเต็มที่ไตรมาสหน้า


สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนเมษายน 2560 หดตัวลดลง 1.7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2560 MPI หดตัวเล็กน้อย 0.1% อย่างไรก็ตาม การส่งออกขยายตัวที่ 7.5% รวมทั้งการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง) ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 13.1% ส่งสัญญาณการเตรียมการผลิตในไตรมาสหน้า แสดงให้เห็นภาพเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นาย ศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเมษายน พ.ศ. 2560 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 1.7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยอุตสาหกรรมในภาพรวมยังคงขยายตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวในระดับ 2 digit 10.33% อย่างไรก็ตามในอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงหดตัวต่อเนื่อง เป็นผลจากการส่งออกไปยังประเทศในตะวันออกกลางยังคงหดตัว ประกอบกับในเดือนเมษายนปีนี้ มีวันหยุดต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานกว่าปีก่อน ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง โดยภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2560 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวเล็กน้อยเพียง 0.1% ซึ่งการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำแท่ง) ขยายตัวที่ 7.5% (ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6) การนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวที่ 10.4% รวมถึงการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง) ขยายตัวที่ 13.1% แสดงให้เห็นถึงการความแข็งแกร่งในสินค้ากลุ่มส่งออกที่ส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) มีการขยายตัว ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.33% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากความต้องการในสินค้า other IC, monolitic IC และ transistor ในตลาดโลกเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งปัจจัยหนุนของแนวโน้มเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์ และ Internet of Things (การสั่งงานอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต) ซึ่งทำให้มีการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น

แป้งมัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.51% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากลูกค้าจากประเทศจีนได้มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น อีกทั้งราคาหัวมันสดต่ำลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่กิโลกรัมละ 1.50-1.80 บาท (ปี 2559 ราคากิโลกรัมละ 2.35-2.80 บาท) โรงงานจึงทำการผลิตแป้งมันเพื่อสต็อกสินค้าไว้จากต้นทุนที่ต่ำลง

คอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.16% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็นผลจากการเร่งรัดลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ เช่น การขยายถนน โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน รถไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนการใช้สำหรับงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยขยายตัวได้เฉพาะตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก

อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.03% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากในเดือนเมษายนมีคำสั่งซื้อเตรียมใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้การส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.97% ส่วนตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 3.03%

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ได้แก่ รถยนต์ ปรับตัวลดลง 12.08% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยเป็นผลจากตลาดส่งออกตะวันออกกลางและแอฟริกาที่หดตัวลง อย่างไรก็ตามพบว่าการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้ 2.70% เนื่องจากผู้ประกอบการมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่ต้นปี การกระตุ้นตลาดหลักจากผู้ประกอบการ หลังจากคาดการณ์กำลังซื้อรถมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการที่ผู้ใช้สิทธิในโครงการรถคันแรกที่หมดระยะโครงการแล้ว ทำให้ภาระหนี้ที่กู้มาซื้อรถหมดลง จึงเหลือเงินมากขึ้นในการจับจ่ายใช้สอยและการซื้อรถใหม่ทดแทน

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนเมษายน 2560 หดตัวลดลง 1.7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2560 MPI หดตัวเล็กน้อย 0.1% อย่างไรก็ตาม การส่งออกขยายตัวที่ 7.5% รวมทั้งการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง) ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 13.1% ส่งสัญญาณการเตรียมการผลิตในไตรมาสหน้า แสดงให้เห็นภาพเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นาย ศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเมษายน พ.ศ. 2560 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 1.7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยอุตสาหกรรมในภาพรวมยังคงขยายตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวในระดับ 2 digit 10.33% อย่างไรก็ตามในอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงหดตัวต่อเนื่อง เป็นผลจากการส่งออกไปยังประเทศในตะวันออกกลางยังคงหดตัว ประกอบกับในเดือนเมษายนปีนี้ มีวันหยุดต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานกว่าปีก่อน ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง โดยภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2560 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวเล็กน้อยเพียง 0.1% ซึ่งการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำแท่ง) ขยายตัวที่ 7.5% (ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6) การนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวที่ 10.4% รวมถึงการนำเข้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง) ขยายตัวที่ 13.1% แสดงให้เห็นถึงการความแข็งแกร่งในสินค้ากลุ่มส่งออกที่ส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) มีการขยายตัว ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10.33% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากความต้องการในสินค้า other IC, monolitic IC และ transistor ในตลาดโลกเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งปัจจัยหนุนของแนวโน้มเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์ และ Internet of Things (การสั่งงานอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต) ซึ่งทำให้มีการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น

แป้งมัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.51% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากลูกค้าจากประเทศจีนได้มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น อีกทั้งราคาหัวมันสดต่ำลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่กิโลกรัมละ 1.50-1.80 บาท (ปี 2559 ราคากิโลกรัมละ 2.35-2.80 บาท) โรงงานจึงทำการผลิตแป้งมันเพื่อสต็อกสินค้าไว้จากต้นทุนที่ต่ำลง

คอนกรีต ซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.16% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เป็นผลจากการเร่งรัดลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ เช่น การขยายถนน โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน รถไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนการใช้สำหรับงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยขยายตัวได้เฉพาะตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก

อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.03% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากในเดือนเมษายนมีคำสั่งซื้อเตรียมใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้การส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.97% ส่วนตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 3.03%

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ได้แก่ รถยนต์ ปรับตัวลดลง 12.08% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยเป็นผลจากตลาดส่งออกตะวันออกกลางและแอฟริกาที่หดตัวลง อย่างไรก็ตามพบว่าการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้ 2.70% เนื่องจากผู้ประกอบการมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่ต้นปี การกระตุ้นตลาดหลักจากผู้ประกอบการ หลังจากคาดการณ์กำลังซื้อรถมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการที่ผู้ใช้สิทธิในโครงการรถคันแรกที่หมดระยะโครงการแล้ว ทำให้ภาระหนี้ที่กู้มาซื้อรถหมดลง จึงเหลือเงินมากขึ้นในการจับจ่ายใช้สอยและการซื้อรถใหม่ทดแทน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!