เปิดแนวคิดมาตรฐานรวมศูนย์ ในแบบฉบับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซื้อรถที่ไหนก็ “All for ONE” ราคาเดียว สต็อกเดียว มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ!!


เริ่มต้นปี 2024 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้านธุรกิจของค่ายรถสัญชาติเยอรมันอย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” กับการพลิกโฉมการขายรถยนต์ระดับลักชัวรี่ในประเทศไทยด้วยโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” กลยุทธ์การค้าปลีกแห่งอนาคตที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านราคา ข้อเสนอ และระบบการขาย รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าได้รับบริการในแบบลักชัวรี่อย่างแท้จริง โดยพัฒนาและปรับใช้มาจากโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้วกว่า 10 ประเทศทั่วโลก

“Retail of the Future” คือแพลตฟอร์มการค้าปลีกรูปแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีหัวใจสำคัญมาจากความโดดเด่นของแบรนด์ที่ลูกค้าให้การยอมรับ ทั้งในเรื่องของความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และความหรูหรา (Luxury) โดยมุ่งมั่นที่จะลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมให้ลูกค้าทุกคนสามารถซื้อรถด้วยราคาและข้อเสนอเดียวกันทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “Anywhere, One Price” ซึ่งโมเดลธุรกิจในรูปแบบนี้จะทำให้เส้นทางการซื้อรถของลูกค้ามีความโปร่งใสและง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนแปลงและยกระดับกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนเป็นระบบคลังสินค้าส่วนกลาง (Centralized Stock) ที่จัดการโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ได้รับบริการแบบลักชัวรี่จากทุกตัวแทนจำหน่ายฯ (Customer Experience) รวมถึงการผสานช่องทางจำหน่ายออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ (Seamless O2O)

คอนเซปต์แบบ “All for ONE” คำตอบเดียวสำหรับทุกคำถามของลูกค้า

หลังจากการเปิดตัวโมเดลธุรกิจเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้สร้างความเข้าใจและความคุ้นเคยให้กับชาวไทยผ่านกลยุทธ์การสื่อสารมากมายที่เข้าใจง่ายและดึงดูดความสนใจ หนึ่งในนั้นคือการใช้คีย์เวิร์ดอย่าง “มาตรฐานรวมศูนย์ ให้ความยุ่งยากเป็นศูนย์” (All for ONE) มาใช้ในการสื่อสารการตลาด โดยมีอินไซด์มาจากขั้นตอนแรกในการซื้อรถของลูกค้าที่ต้องควานหาโชว์รูมที่สามารถให้ราคาและข้อเสนอที่ดีที่สุด ซึ่งในขั้นตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีคำถามมากมาย เริ่มต้นด้วย “โชว์รูมไหนราคาดีที่สุด” “โชว์รูมไหนโปรแรงที่สุด” ไปจนถึง “โชว์รูมไหนมีรถในรุ่นและสีที่ต้องการ” เพราะนอกจากความแตกต่างของราคาและข้อเสนอ แต่ละโชว์รูมถึงแม้จะมีรถครบทุกรุ่น แต่ก็มีการควบคุมสต็อกและการจัดการที่แตกต่างกัน และบางครั้งถ้าไม่มีในสต็อก ลูกค้าอาจจะต้องรอรถเป็นระยะเวลาที่นานกว่าปกติ หรือต้องจำใจซื้อรถในแบบที่โชว์รูมมีพร้อมในสต็อกโดยที่ผิดไปจากที่สิ่งที่คาดหวังไว้

แต่ในวันที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถทำให้ลูกค้าทุกคนเข้าถึงราคาและข้อเสนอที่เท่าเทียมกันและเข้าถึงสต็อกกลางเหมือนกันทั้งหมดไม่ว่าจะไปที่โชว์รูมไหนก็ตาม ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถสื่อสารกับลูกค้าและตอบทุกคำถามในคำตอบเดียว ไม่ว่าจะถามเรื่องราคา ข้อเสนอ และความพร้อมของรถที่ต้องการ คำตอบก็คือทุกคนจะสามารถไปได้ “ทุกโชว์รูมใกล้บ้านคุณ” เพราะในวันนี้ลูกค้าทุกคนไม่จำเป็นต้องไปค้นหาโชว์รูมที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด หรือมีรถที่ต้องการ แต่สามารถไปได้ทุกโชว์รูมที่ใกล้บ้านหรือผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โชว์รูมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เลือกได้ทุกช่องทางตามที่ลูกค้าแต่ละคนต้องการ โดยที่ทุกโชว์รูมจะมีบทบาทสำคัญในการอยู่ในทุกขั้นตอนการบริการที่ครบวงจร ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 170,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยมีแบรนด์ Mercedes me ที่นำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับลักชัวรีรายใหญ่ที่สุดของโลก
ในปี 2565 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 2 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 415,300 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม

เริ่มต้นปี 2024 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้านธุรกิจของค่ายรถสัญชาติเยอรมันอย่าง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” กับการพลิกโฉมการขายรถยนต์ระดับลักชัวรี่ในประเทศไทยด้วยโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” กลยุทธ์การค้าปลีกแห่งอนาคตที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างมาตรฐานใหม่ด้านราคา ข้อเสนอ และระบบการขาย รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าได้รับบริการในแบบลักชัวรี่อย่างแท้จริง โดยพัฒนาและปรับใช้มาจากโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้วกว่า 10 ประเทศทั่วโลก

“Retail of the Future” คือแพลตฟอร์มการค้าปลีกรูปแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีหัวใจสำคัญมาจากความโดดเด่นของแบรนด์ที่ลูกค้าให้การยอมรับ ทั้งในเรื่องของความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และความหรูหรา (Luxury) โดยมุ่งมั่นที่จะลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมให้ลูกค้าทุกคนสามารถซื้อรถด้วยราคาและข้อเสนอเดียวกันทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “Anywhere, One Price” ซึ่งโมเดลธุรกิจในรูปแบบนี้จะทำให้เส้นทางการซื้อรถของลูกค้ามีความโปร่งใสและง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนแปลงและยกระดับกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนเป็นระบบคลังสินค้าส่วนกลาง (Centralized Stock) ที่จัดการโดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ได้รับบริการแบบลักชัวรี่จากทุกตัวแทนจำหน่ายฯ (Customer Experience) รวมถึงการผสานช่องทางจำหน่ายออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ (Seamless O2O)

คอนเซปต์แบบ “All for ONE” คำตอบเดียวสำหรับทุกคำถามของลูกค้า

หลังจากการเปิดตัวโมเดลธุรกิจเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้สร้างความเข้าใจและความคุ้นเคยให้กับชาวไทยผ่านกลยุทธ์การสื่อสารมากมายที่เข้าใจง่ายและดึงดูดความสนใจ หนึ่งในนั้นคือการใช้คีย์เวิร์ดอย่าง “มาตรฐานรวมศูนย์ ให้ความยุ่งยากเป็นศูนย์” (All for ONE) มาใช้ในการสื่อสารการตลาด โดยมีอินไซด์มาจากขั้นตอนแรกในการซื้อรถของลูกค้าที่ต้องควานหาโชว์รูมที่สามารถให้ราคาและข้อเสนอที่ดีที่สุด ซึ่งในขั้นตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีคำถามมากมาย เริ่มต้นด้วย “โชว์รูมไหนราคาดีที่สุด” “โชว์รูมไหนโปรแรงที่สุด” ไปจนถึง “โชว์รูมไหนมีรถในรุ่นและสีที่ต้องการ” เพราะนอกจากความแตกต่างของราคาและข้อเสนอ แต่ละโชว์รูมถึงแม้จะมีรถครบทุกรุ่น แต่ก็มีการควบคุมสต็อกและการจัดการที่แตกต่างกัน และบางครั้งถ้าไม่มีในสต็อก ลูกค้าอาจจะต้องรอรถเป็นระยะเวลาที่นานกว่าปกติ หรือต้องจำใจซื้อรถในแบบที่โชว์รูมมีพร้อมในสต็อกโดยที่ผิดไปจากที่สิ่งที่คาดหวังไว้

แต่ในวันที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถทำให้ลูกค้าทุกคนเข้าถึงราคาและข้อเสนอที่เท่าเทียมกันและเข้าถึงสต็อกกลางเหมือนกันทั้งหมดไม่ว่าจะไปที่โชว์รูมไหนก็ตาม ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถสื่อสารกับลูกค้าและตอบทุกคำถามในคำตอบเดียว ไม่ว่าจะถามเรื่องราคา ข้อเสนอ และความพร้อมของรถที่ต้องการ คำตอบก็คือทุกคนจะสามารถไปได้ “ทุกโชว์รูมใกล้บ้านคุณ” เพราะในวันนี้ลูกค้าทุกคนไม่จำเป็นต้องไปค้นหาโชว์รูมที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด หรือมีรถที่ต้องการ แต่สามารถไปได้ทุกโชว์รูมที่ใกล้บ้านหรือผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โชว์รูมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เลือกได้ทุกช่องทางตามที่ลูกค้าแต่ละคนต้องการ โดยที่ทุกโชว์รูมจะมีบทบาทสำคัญในการอยู่ในทุกขั้นตอนการบริการที่ครบวงจร ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth

เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี

เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 170,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์รถยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค จี-คลาส และแบรนด์สมาร์ท โดยมีแบรนด์ Mercedes me ที่นำเสนอการเข้าถึงบริการด้านดิจิทัลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับลักชัวรีรายใหญ่ที่สุดของโลก
ในปี 2565 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลราว 2 ล้านคัน และรถตู้เกือบ 415,300 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตราว 35 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อกลยุทธ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และต่อบริษัท สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!