โอโมดา แอนด์ เจคู ประเทศไทย ร่วมงาน SUBCON Thailand 2024 หนุนห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไทย สู่มาตรฐานระดับโลก


กรุงเทพฯ 17 พฤษภาคม 2567 – บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ที่มียอดการส่งออกอันดับ 1 ใน ประเทศจีน ติดต่อกันกว่า 21 ปี เข้าร่วมงาน SUBCON Thailand 2024 จัดโดย ความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) หรือบีโอไอ สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ไทยซับคอน) และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย โดยงานนี้ นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เทคโนโลยีของ ยานยนต์ไฟฟ้าและแนวทางการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)” ผ่านการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และบอกเล่าทิศทางการดำเนินงานของโอโมดา แอนด์ เจคู ใน ประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดที่แบรนด์กำลังเข้ามาลงทุน โดยงาน SUBCON Thailand 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Global Sourcing Excellence” แสดงศักยภาพในภาคการผลิตในอุตสาหกรรมของไทยที่จะรองรับการ เติบโตอุตสาหกรรมยายนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีแน้วโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการวางทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย งานนี้ได้รับเกียรติจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมร่วมแสดงปาฐกถาพิเศษอีกด้วย

นาย ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เล็งเห็นศักยภาพของภาคการผลิตและอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่มีความพร้อมในระดับภูมิภาค ซึ่งนอกจากความพร้อมของภาคการผลิตแล้ว ประเทศไทยยังเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ประกอบกับการสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ หรือรถที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ Zero Emission Vehicle (ZEV) ของรัฐบาล ที่ตรงกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) รวมถึงบริษัทแม่อย่าง Chery Automobile ได้ให้ความสำคัญมาตลอด โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาแบรนด์ให้สอดคล้องกับความต้องการผู้ขับขี่และห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในฐานะผู้ ผลิตไปพร้อม ๆ กัน ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ (Automobile) อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและส่วนประกอบของรถยนต์ (Parts and Components) ภาคบริการ รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Connected Vehicle)

อย่างไรก็ดี โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้วางแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงาน ประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ซึ่งการลงทุนจัดตั้งโรงงานฯ ดังกล่าวนี้ ในเฟสแรกจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่ (BEV) และไฮบริด (HEV) โดยมีเป้าหมาย 50,000 คันต่อปี และในเฟสที่สอง ภายในปี 2571 จะขยาย กำลังการผลิต 80,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นาย ฉี เจี๋ย กล่าวเสริมว่า จากจุดแข็งของ Chery Automobile ในฐานะบริษัทแม่ที่ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก และเป็นบริษัทรถยนต์จีนบริษัท แรกที่มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) ในต่างประเทศทุกภูมิภาคทั่วโลก 5 แห่ง ที่มีผู้เชี่ยวชาญกว่า 5,000 คน มีโรงงานในต่างประเทศกว่า 10 แห่ง เพื่อพัฒนา ผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ขับขี่ Chery Automobile จึงได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนระบบนิเวศห่วงโซ่อุปทานของพันธมิตรหลายล้านรายทั่วโลก โดยมีความร่วมมือทั้งในเชิงลึกและกว้างที่มุ่งยกระดับนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบการผลิตอันล้ำสมัย ทั้งระบบ Artificial Intelligence (AI) การใช้หุ่นยนต์ และระบบควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต แลกเปลี่ยน องค์ความรู้และทักษะระหว่างผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกับผู้ผลิตในระดับสากล นำไปสู่การสร้างสรรค์ “ผลิตภัณฑ์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และ ระบบนิเวศใหม่” สร้างความมั่นใจว่ารถยนต์ทุกคันของโอโมดา แอนด์ เจคู ปราศจากข้อบกพร่อง พร้อมที่จะส่งถึงมือลูกค้าด้วยคุณภาพตามมาตรฐานสูงสุดของแบรนด์

ทั้งนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้เตรียมจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100% OMODA C5 EV ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2567 ตามมาด้วย JAECOO 6 EV รถยนต์ไฟฟ้า 100% พรีเมียม และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) อีกสองรุ่นจากแบรนด์ JAECOO ในปีนี้ได้แก่ JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV พร้อมเตรียมเปิดศูนย์บริการมากกว่า 39 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ขับขี่ในประเทศไทยอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบ บริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ทุกคน

เกี่ยวกับ Chery

Chery Automobile Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน Chery มุ่งมั่นเสมอว่าจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในประเทศจีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนายานยนต์ระดับโลกที่มีบุคลากรมากกว่า 5,500 คน และก่อตั้งเทคโนโลยีองค์รวมและระบบ R&D ของผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีนี้ Chery ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เช่น Arrizo, Tiggo และแบรนด์ EXEED ระดับไฮเอนด์ โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกมากกว่า 9.5 ล้านคัน

Chery เป็นที่รู้จักในชื่อ “Technological Chery” นับตั้งแต่การก่อตั้งเพื่อที่จะเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเป็นหลัก หลังจากกว่า 20 ปีที่ได้ศึกษาในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ Chery ได้สร้างความเป็นผู้นำด้วยแพลตฟอร์มประกอบรถยนต์สี่แห่ง ระบบย่อยทั่วไปห้าระบบ และ 7 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ New Energy Vehicle Integration (การบูรณาการยานพาหนะพลังงานใหม่), Vehicle Control Technology (เทคโนโลยีการควบคุมยานพาหนะ), Battery Management and Battery System Design (การจัดการแบตเตอรี่และการออกแบบระบบแบตเตอรี่), PHEV System Design (การออกแบบระบบ PHEV), Lightweight Technology (เทคโนโลยีน้ำหนักเบา), Intelligent Interconnection Design (การออกแบบการเชื่อมต่อโครงข่ายอัจฉริยะ) และ Range Extension and Hydrogen Fuel Technology (เทคโนโลยีการขยายระยะและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน)

ในด้านการผลิตอัจฉริยะ Chery ได้เปิดตัวกลยุทธ์ “CHERY LION” โดยค่อยๆ ศึกษาถึงต้นแบบอัจฉริยะครบวงจรของการวิจัยและพัฒนา การผลิต การตลาด และการบริการ ตลอดจนบรรลุการผลิตจำนวนมากและการเปิดตัว L2.5 เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ สำหรับการขยายตลาดทั่วโลก Chery เป็นบริษัทรถยนต์แห่งแรกของจีนที่ส่งออกยานยนต์ ชิ้นส่วน CKD เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน Chery ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกครอบคลุม 80 ประเทศ และตั้งโรงงานในต่างประเทศ 10 แห่ง มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง มีผู้ใช้เกือบ 10 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้จำนวน 1.95 ล้านคนนอกประเทศจีน นอกจากนี้ Chery ยังครองอันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีนเป็นเวลา 20 ปีติดต่อกัน

กรุงเทพฯ 17 พฤษภาคม 2567 – บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ที่มียอดการส่งออกอันดับ 1 ใน ประเทศจีน ติดต่อกันกว่า 21 ปี เข้าร่วมงาน SUBCON Thailand 2024 จัดโดย ความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) หรือบีโอไอ สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ไทยซับคอน) และบริษัท อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย โดยงานนี้ นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เทคโนโลยีของ ยานยนต์ไฟฟ้าและแนวทางการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)” ผ่านการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และบอกเล่าทิศทางการดำเนินงานของโอโมดา แอนด์ เจคู ใน ประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดที่แบรนด์กำลังเข้ามาลงทุน โดยงาน SUBCON Thailand 2024 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Global Sourcing Excellence” แสดงศักยภาพในภาคการผลิตในอุตสาหกรรมของไทยที่จะรองรับการ เติบโตอุตสาหกรรมยายนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีแน้วโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการวางทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย งานนี้ได้รับเกียรติจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมร่วมแสดงปาฐกถาพิเศษอีกด้วย

นาย ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เล็งเห็นศักยภาพของภาคการผลิตและอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่มีความพร้อมในระดับภูมิภาค ซึ่งนอกจากความพร้อมของภาคการผลิตแล้ว ประเทศไทยยังเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ประกอบกับการสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ หรือรถที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ Zero Emission Vehicle (ZEV) ของรัฐบาล ที่ตรงกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) รวมถึงบริษัทแม่อย่าง Chery Automobile ได้ให้ความสำคัญมาตลอด โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาแบรนด์ให้สอดคล้องกับความต้องการผู้ขับขี่และห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในฐานะผู้ ผลิตไปพร้อม ๆ กัน ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ (Automobile) อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและส่วนประกอบของรถยนต์ (Parts and Components) ภาคบริการ รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Connected Vehicle)

อย่างไรก็ดี โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้วางแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงาน ประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 ซึ่งการลงทุนจัดตั้งโรงงานฯ ดังกล่าวนี้ ในเฟสแรกจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบแบตเตอรี่ (BEV) และไฮบริด (HEV) โดยมีเป้าหมาย 50,000 คันต่อปี และในเฟสที่สอง ภายในปี 2571 จะขยาย กำลังการผลิต 80,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายมุ่งยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นาย ฉี เจี๋ย กล่าวเสริมว่า จากจุดแข็งของ Chery Automobile ในฐานะบริษัทแม่ที่ เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก และเป็นบริษัทรถยนต์จีนบริษัท แรกที่มีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) ในต่างประเทศทุกภูมิภาคทั่วโลก 5 แห่ง ที่มีผู้เชี่ยวชาญกว่า 5,000 คน มีโรงงานในต่างประเทศกว่า 10 แห่ง เพื่อพัฒนา ผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ขับขี่ Chery Automobile จึงได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนระบบนิเวศห่วงโซ่อุปทานของพันธมิตรหลายล้านรายทั่วโลก โดยมีความร่วมมือทั้งในเชิงลึกและกว้างที่มุ่งยกระดับนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบการผลิตอันล้ำสมัย ทั้งระบบ Artificial Intelligence (AI) การใช้หุ่นยนต์ และระบบควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต แลกเปลี่ยน องค์ความรู้และทักษะระหว่างผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกับผู้ผลิตในระดับสากล นำไปสู่การสร้างสรรค์ “ผลิตภัณฑ์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และ ระบบนิเวศใหม่” สร้างความมั่นใจว่ารถยนต์ทุกคันของโอโมดา แอนด์ เจคู ปราศจากข้อบกพร่อง พร้อมที่จะส่งถึงมือลูกค้าด้วยคุณภาพตามมาตรฐานสูงสุดของแบรนด์

ทั้งนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้เตรียมจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100% OMODA C5 EV ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2567 ตามมาด้วย JAECOO 6 EV รถยนต์ไฟฟ้า 100% พรีเมียม และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) อีกสองรุ่นจากแบรนด์ JAECOO ในปีนี้ได้แก่ JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV พร้อมเตรียมเปิดศูนย์บริการมากกว่า 39 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ขับขี่ในประเทศไทยอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบ บริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ทุกคน

เกี่ยวกับ Chery

Chery Automobile Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน Chery มุ่งมั่นเสมอว่าจะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ โดยก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นในประเทศจีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนายานยนต์ระดับโลกที่มีบุคลากรมากกว่า 5,500 คน และก่อตั้งเทคโนโลยีองค์รวมและระบบ R&D ของผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีนี้ Chery ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เช่น Arrizo, Tiggo และแบรนด์ EXEED ระดับไฮเอนด์ โดยมียอดขายสะสมทั่วโลกมากกว่า 9.5 ล้านคัน

Chery เป็นที่รู้จักในชื่อ “Technological Chery" นับตั้งแต่การก่อตั้งเพื่อที่จะเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเป็นหลัก หลังจากกว่า 20 ปีที่ได้ศึกษาในด้านยานยนต์พลังงานใหม่ Chery ได้สร้างความเป็นผู้นำด้วยแพลตฟอร์มประกอบรถยนต์สี่แห่ง ระบบย่อยทั่วไปห้าระบบ และ 7 เทคโนโลยีหลัก ได้แก่ New Energy Vehicle Integration (การบูรณาการยานพาหนะพลังงานใหม่), Vehicle Control Technology (เทคโนโลยีการควบคุมยานพาหนะ), Battery Management and Battery System Design (การจัดการแบตเตอรี่และการออกแบบระบบแบตเตอรี่), PHEV System Design (การออกแบบระบบ PHEV), Lightweight Technology (เทคโนโลยีน้ำหนักเบา), Intelligent Interconnection Design (การออกแบบการเชื่อมต่อโครงข่ายอัจฉริยะ) และ Range Extension and Hydrogen Fuel Technology (เทคโนโลยีการขยายระยะและเทคโนโลยีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน)

ในด้านการผลิตอัจฉริยะ Chery ได้เปิดตัวกลยุทธ์ “CHERY LION” โดยค่อยๆ ศึกษาถึงต้นแบบอัจฉริยะครบวงจรของการวิจัยและพัฒนา การผลิต การตลาด และการบริการ ตลอดจนบรรลุการผลิตจำนวนมากและการเปิดตัว L2.5 เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ สำหรับการขยายตลาดทั่วโลก Chery เป็นบริษัทรถยนต์แห่งแรกของจีนที่ส่งออกยานยนต์ ชิ้นส่วน CKD เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีการผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ไปทั่วโลก จนถึงปัจจุบัน Chery ดำเนินธุรกิจในหลายภูมิภาคทั่วโลกครอบคลุม 80 ประเทศ และตั้งโรงงานในต่างประเทศ 10 แห่ง มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง มีผู้ใช้เกือบ 10 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้จำนวน 1.95 ล้านคนนอกประเทศจีน นอกจากนี้ Chery ยังครองอันดับหนึ่งในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากประเทศจีนเป็นเวลา 20 ปีติดต่อกัน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!