By : C. Methas – Managing Editor
สปอร์ตเปิดประทุนของค่ายเชพโรเลท รุ่น Corvette C1 เป็นสปอร์ตคลาสสิคอเมริกันพันธ์แท้ที่เผยโฉมเมื่อปีค.ศ. 1953 ในงาน Motorama ที่ Waldorf Astoria Hotel ในนครนิวยอร์ค เป็นสปอร์ตในตระกูลคอร์เวตต์ในรูปแบบโรดสเตอร์เปิดประทุน หลังคาผ้าใบปรับพับเก็บได้
Corvette C1 สปอร์ตโรดสเตอร์ออกแบบโดย Harley J. Earl เป็นสปอร์ตขนาด 2 ที่นั่ง แบบ 2 ประตู ผลิตโดยเจเนอรัล มอเตอร์ส ตัวถังผลิตจากไฟเบอร์กลาส โดยผลิตที่โรงงานของเจเนอรัล มอเตอร์ส ในมิชิแกน การประกอบสร้างด้วยฝีมือ ซึ่งได้สร้างขึ้นบนโครงฐานแชสซีส์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์บล็อกใหม่ และระบบถ่ายทอดกำลังแบบใหม่
เครื่องยนต์แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.9 ลิตร เครื่องแก๊สโซลีน ระบบวาล์วเหนือฝาสูบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นแบบคาร์บูเรเตอร์ จำนวน 3 ชุด รุ่น YH-1 Model 2066S อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 8.0:1 สามารถขับแรงม้าสูงสุด 150 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 223 ปอนด์-ฟุตที่ 2,400 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้แรงม้าต่อลิตรเท่ากับ 38.5 แรงม้าต่อลิตร และเฉลี่ยให้พละกำลังต่อน้ำหนัก 18.0 ปอนด์ต่อแรงม้า
สมรรถนะการทำความาเร็ว จาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 11.5 วินาที ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด น้ำหนักรถเปล่าเท่ากับ 2,705 ปอนด์
รูปทรงภายนอกสไตล์สปอร์ตอเมริกันพันธ์แท้ ไฟหน้าแบบดวงกลม แผงกระจังหน้าแนวนอน ออกแบบอยู่ในระดับเดียวกับกันชน โดดเด่นที่ด้านท้ายออกแบบสไตล์ด้านท้ายของเครื่องบิน ดวงไฟท้ายขนาดเล็ก ฝากระโปรงหน้าเปิดออกไปทางด้านหน้า กรอบแผงกระจกหน้าโค้งจดด้านข้าง กระทะล้อเหล็ก ติดตั้งยางขอบขาว
ภายในห้องโดยสารออกแบบสีสันสดใส ตกแต่งรอบคันด้วยหนังแท้สีแดงสด เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนังแท้ พวงมาลัยสีขาว แกนพวงมาลัยสีแดง แผงหน้าปัดออกแบบจัดวางอยู่ในตำแหน่งระดับล่าง มาตรวัดรูปทรงกลม กรอบกระจกหน้าผลิตจากสแตนเลส ติดตั้งระบบทำความอุ่นและมีวิทยุ AM เป็นอุปกรณ์ให้เลือกพิเศษ
สปอร์ตโรดสเตอร์อเมริกันพันธ์แท้รุ่นนี้ได้รับการวางกระจายน้ำหนักระหว่างหน้า/หลังเท่ากับ 53/47 และมีความยาวฐานล้อ 102 นิ้ว ได้รับการวางรูปแบบวางเครื่องด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบกันสะเทือนด้านท้ายเป็นแบบแหนบ
1953 CHEVROLET CORVETTE C1 สปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุนรุ่นนี้ได้รับการผลิตช่วงระหว่างปีค.ศ. 1953-1962 โดยในปีแรกทำการผลิตออกมาจำนวน 300 คัน ตั้งราคาไว้ที่ 3,498 ดอลล่าร์สหรัฐฯ
By : C. Methas - Managing Editor
สปอร์ตเปิดประทุนของค่ายเชพโรเลท รุ่น Corvette C1 เป็นสปอร์ตคลาสสิคอเมริกันพันธ์แท้ที่เผยโฉมเมื่อปีค.ศ. 1953 ในงาน Motorama ที่ Waldorf Astoria Hotel ในนครนิวยอร์ค เป็นสปอร์ตในตระกูลคอร์เวตต์ในรูปแบบโรดสเตอร์เปิดประทุน หลังคาผ้าใบปรับพับเก็บได้
Corvette C1 สปอร์ตโรดสเตอร์ออกแบบโดย Harley J. Earl เป็นสปอร์ตขนาด 2 ที่นั่ง แบบ 2 ประตู ผลิตโดยเจเนอรัล มอเตอร์ส ตัวถังผลิตจากไฟเบอร์กลาส โดยผลิตที่โรงงานของเจเนอรัล มอเตอร์ส ในมิชิแกน การประกอบสร้างด้วยฝีมือ ซึ่งได้สร้างขึ้นบนโครงฐานแชสซีส์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์บล็อกใหม่ และระบบถ่ายทอดกำลังแบบใหม่
เครื่องยนต์แบบ 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.9 ลิตร เครื่องแก๊สโซลีน ระบบวาล์วเหนือฝาสูบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นแบบคาร์บูเรเตอร์ จำนวน 3 ชุด รุ่น YH-1 Model 2066S อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 8.0:1 สามารถขับแรงม้าสูงสุด 150 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 223 ปอนด์-ฟุตที่ 2,400 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้แรงม้าต่อลิตรเท่ากับ 38.5 แรงม้าต่อลิตร และเฉลี่ยให้พละกำลังต่อน้ำหนัก 18.0 ปอนด์ต่อแรงม้า
สมรรถนะการทำความาเร็ว จาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 11.5 วินาที ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด น้ำหนักรถเปล่าเท่ากับ 2,705 ปอนด์
รูปทรงภายนอกสไตล์สปอร์ตอเมริกันพันธ์แท้ ไฟหน้าแบบดวงกลม แผงกระจังหน้าแนวนอน ออกแบบอยู่ในระดับเดียวกับกันชน โดดเด่นที่ด้านท้ายออกแบบสไตล์ด้านท้ายของเครื่องบิน ดวงไฟท้ายขนาดเล็ก ฝากระโปรงหน้าเปิดออกไปทางด้านหน้า กรอบแผงกระจกหน้าโค้งจดด้านข้าง กระทะล้อเหล็ก ติดตั้งยางขอบขาว
ภายในห้องโดยสารออกแบบสีสันสดใส ตกแต่งรอบคันด้วยหนังแท้สีแดงสด เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนังแท้ พวงมาลัยสีขาว แกนพวงมาลัยสีแดง แผงหน้าปัดออกแบบจัดวางอยู่ในตำแหน่งระดับล่าง มาตรวัดรูปทรงกลม กรอบกระจกหน้าผลิตจากสแตนเลส ติดตั้งระบบทำความอุ่นและมีวิทยุ AM เป็นอุปกรณ์ให้เลือกพิเศษ
สปอร์ตโรดสเตอร์อเมริกันพันธ์แท้รุ่นนี้ได้รับการวางกระจายน้ำหนักระหว่างหน้า/หลังเท่ากับ 53/47 และมีความยาวฐานล้อ 102 นิ้ว ได้รับการวางรูปแบบวางเครื่องด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบกันสะเทือนด้านท้ายเป็นแบบแหนบ
1953 CHEVROLET CORVETTE C1 สปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุนรุ่นนี้ได้รับการผลิตช่วงระหว่างปีค.ศ. 1953-1962 โดยในปีแรกทำการผลิตออกมาจำนวน 300 คัน ตั้งราคาไว้ที่ 3,498 ดอลล่าร์สหรัฐฯ
