By : C. Methas – Executive Editor
รถยนต์สไตล์สปอร์ตซีดาน จีที. ขนาดคอมแพคท์ของกลุ่ม C-Segment รุ่น Dart GT เป็นรถยนต์รุ่นแรกของไคร์สเลอร์ที่พัฒนาร่วมกับกลุ่มเฟี๊ยตแห่งอิตาลี
รูปลักษณ์ภายนอกสไตล์อิตาลีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสริมเทคโนโลยี่ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเทียบชั้นรถยนต์ระดับหรูหราที่มาพร้อมกับความปลอดภัยสูง
สีสันตัวถังมีให้เลือก 12 สีสัน ภายในห้องโดยสารมีสีสันให้เลือก 14 สี ติดจอมอนิเตอร์แบบสั่งการด้วยสัมผัส ขนาด 8.4 ลิตรเป็นจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มเดียวกัน
เสริมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและการควบคุมการขับขี่ครบครัน อาทิ ระบบนำร่องผ่านดาวเทียม Garmin วิทยุผ่านดาวเทียม SiriusXM ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงของ Alpine พร้อมลำโพงจำนวน 10 ตัวมีซับวูฟเฟอร์และแอมพรีฟายกำลังขับ 506 วัตต์
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซล ทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกันเป็นเครื่องเบนซิน 2 ขนาดและดีเซล 1 ขนาดพัฒนาใหม่เน้นประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่วมมือกับทางค่ายเฟี๊ยตแห่งอิตาลีและมีระบบถ่ายทอดกำลังให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด, เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดระบบคลัทช์แบบแผ่นคู่ PowerTech AutoStick
วางรูปแบบเครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า กระทะล้อ ขนาด 18 นิ้ว
เครื่องยนต์ ขนาด 2.4 ลิตร มัลติแอร์ ติดเทอร์โบชาร์จ เป็นแบบ 4 สูบแถวเรียง จำนวน 4 วาล์วต่อสูบ เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ ติดระบบปรับวาล์วแปรผัน มีระบบสตาร์ท-สต็อป สามารถขับแรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 174 ปอนด์-ฟุต ส่วนเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตรแบบ 4 สูบแถวเรียง 160 แรงม้า รหัส Tigershark
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 25 ไมล์ต่อแกลลอนและนอกเมือง 36 ไมล์ต่อแกลลอน
ระบบมัลติแอร์สามารถช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้น 15 % จากรอบเครื่องยนต์ต่ำแต่ให้แรงบิดสูง สำหรับเครื่องยนต์ทุกรุ่นติดระบบสตาร์ท-สต็อปเพิ่มการประหยัดเชื้อเพลิงได้ 15 เปอร์เซ็นต์สำหรับการขับขี่ในเมืองและค่าคาร์บอนมอน็อกไซด์ลดลง 10 % โดยเครื่องยนต์ทุกรุ่นผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5
By : C. Methas - Executive Editor
รถยนต์สไตล์สปอร์ตซีดาน จีที. ขนาดคอมแพคท์ของกลุ่ม C-Segment รุ่น Dart GT เป็นรถยนต์รุ่นแรกของไคร์สเลอร์ที่พัฒนาร่วมกับกลุ่มเฟี๊ยตแห่งอิตาลี
รูปลักษณ์ภายนอกสไตล์อิตาลีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสริมเทคโนโลยี่ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเทียบชั้นรถยนต์ระดับหรูหราที่มาพร้อมกับความปลอดภัยสูง
สีสันตัวถังมีให้เลือก 12 สีสัน ภายในห้องโดยสารมีสีสันให้เลือก 14 สี ติดจอมอนิเตอร์แบบสั่งการด้วยสัมผัส ขนาด 8.4 ลิตรเป็นจอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มเดียวกัน
เสริมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและการควบคุมการขับขี่ครบครัน อาทิ ระบบนำร่องผ่านดาวเทียม Garmin วิทยุผ่านดาวเทียม SiriusXM ระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงของ Alpine พร้อมลำโพงจำนวน 10 ตัวมีซับวูฟเฟอร์และแอมพรีฟายกำลังขับ 506 วัตต์
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซล ทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกันเป็นเครื่องเบนซิน 2 ขนาดและดีเซล 1 ขนาดพัฒนาใหม่เน้นประหยัดเชื้อเพลิงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่วมมือกับทางค่ายเฟี๊ยตแห่งอิตาลีและมีระบบถ่ายทอดกำลังให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด, เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดระบบคลัทช์แบบแผ่นคู่ PowerTech AutoStick
วางรูปแบบเครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า กระทะล้อ ขนาด 18 นิ้ว
เครื่องยนต์ ขนาด 2.4 ลิตร มัลติแอร์ ติดเทอร์โบชาร์จ เป็นแบบ 4 สูบแถวเรียง จำนวน 4 วาล์วต่อสูบ เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ ติดระบบปรับวาล์วแปรผัน มีระบบสตาร์ท-สต็อป สามารถขับแรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 174 ปอนด์-ฟุต ส่วนเครื่องยนต์ ขนาด 2.0 ลิตรแบบ 4 สูบแถวเรียง 160 แรงม้า รหัส Tigershark
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 25 ไมล์ต่อแกลลอนและนอกเมือง 36 ไมล์ต่อแกลลอน
ระบบมัลติแอร์สามารถช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้น 15 % จากรอบเครื่องยนต์ต่ำแต่ให้แรงบิดสูง สำหรับเครื่องยนต์ทุกรุ่นติดระบบสตาร์ท-สต็อปเพิ่มการประหยัดเชื้อเพลิงได้ 15 เปอร์เซ็นต์สำหรับการขับขี่ในเมืองและค่าคาร์บอนมอน็อกไซด์ลดลง 10 % โดยเครื่องยนต์ทุกรุ่นผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5
