By : Saksithi Chompaisal – Foreign Editor
Donkervoort ค่ายผลิตสปอร์ตคลาสสิคแห่งเนเธอร์แลนด์ประกอบสร้างในแบบ “ทำมือ” เปิดตัวสปอร์ตเปิดประทุนสไตล์สปีดสเตอร์รุ่น D8 GTO-RS ที่สนามแข่งนัวบวร์กริ่ง, เยอรมนี นับว่าเป็นก้าวสำคัญของค่ายรถรายนี้หลังจากก่อนหน้านี้เคยสร้างตำนานที่สนามแข่งด้วยการทำสถิติความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดที่สนามนัวบวร์กริ่งเมื่อปี 2004 และปี 2006
Donkervoort D8 GTO-RS รุ่นนี้พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูง เน้นน้ำหนักเบาพิเศษโครงสร้างแชสซีส์อะลูมิเนียมเช่นเดียวกับตัวถังรูปทรงยังคงสไตล์คลาสสิคเป็นสปอร์ตขนาด 2 ที่นั่ง แบบ 2 ประตูได้รับความร่วมมือจากออดี้ในส่วนของเครื่องยนต์ด้วยการวางเครื่องยนต์ของออดี้รุ่น 2.5L R5 TFSI นำมาปรับแต่งใหม่ร่วมกับค่าย Bosch ให้กำลังมากขึ้นและผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 6 ติดตั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรีกรณีออกตัวและระบบคลัทช์แบบแผ่นคู่
เครื่องยนต์ของออดี้ รหัส TFSI ขนาด 2.5 ลิตร แบบ 5 สูบแถวเรียงเทอร์โบ อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 สามารถขับแรงม้าสูงสุด 380 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 475 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบต่อนาที
สมรรถนะการทำความเร็วของสปอร์ตสปีดสเตอร์รุ่น Plus 8 Speedster สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 2.8 วินาที, จาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง- 8.6 วินาทีและทำความเร็วสูงสุด 270 กิโลเมตร
เครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10-12 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรและปล่อยคาร์บอนมอน็อกไซด์ 178 กรัมต่อกิโลเมตร
ระบบกันสะเทือนปรับแต่งใหม่ แบบปีกนกคู่ สปริงขด โช๊คอัพปรับระดับและ Anti Roll Control ปรับ 3 ทิศทาง ระบบเบรกดิสก์มีร่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ระบบเบรก ABS และความกว้างฐานล้อขยายกว้างขึ้น
รูปทรงภายนอกสไตล์คลาสสิค ซุ้มล้อแบบกึ่งล้อเปิด แผงกระจกหน้ากว้าง กรอบไฟหน้ารูปทรงเรียว ฝากระโปรงหน้ามีช่องระบายอากาศ ประตูเปิด-ปีกแบบขากรรไกร แผงกระจังหน้าแนวนอน ปลายท่อไอเสียรูปวงรีแยกซ้าย-ขวาและกระทะล้อลวดลายหลายก้านโดยมีน้ำหนักรถเปล่า 750 กิโลกรัม
ห้องโดยสารตกแต่งรอบคันด้วยหนังแท้สไตล์คลาสสิคประกอบสร้างแบบ “ทำมือ” พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน มาตรวัดรูปทรงกลมติดตั้งบริเวณตรงกลางและความจุถังเชื้อเพลิงสูงสุด 48 ลิตร
Donkervoort D8 GTO-RS สปอร์ตเปิดประทุนสไตล์สปีดสเตอร์รุ่นนี้จะผลิตในแบบจำกัดจำนวนเพียง 40 คันเท่านั้น ตั้งราคาเริ่มต้นที่ 151,173 ยูโร
By : Saksithi Chompaisal - Foreign Editor
Donkervoort ค่ายผลิตสปอร์ตคลาสสิคแห่งเนเธอร์แลนด์ประกอบสร้างในแบบ “ทำมือ” เปิดตัวสปอร์ตเปิดประทุนสไตล์สปีดสเตอร์รุ่น D8 GTO-RS ที่สนามแข่งนัวบวร์กริ่ง, เยอรมนี นับว่าเป็นก้าวสำคัญของค่ายรถรายนี้หลังจากก่อนหน้านี้เคยสร้างตำนานที่สนามแข่งด้วยการทำสถิติความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดที่สนามนัวบวร์กริ่งเมื่อปี 2004 และปี 2006
Donkervoort D8 GTO-RS รุ่นนี้พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูง เน้นน้ำหนักเบาพิเศษโครงสร้างแชสซีส์อะลูมิเนียมเช่นเดียวกับตัวถังรูปทรงยังคงสไตล์คลาสสิคเป็นสปอร์ตขนาด 2 ที่นั่ง แบบ 2 ประตูได้รับความร่วมมือจากออดี้ในส่วนของเครื่องยนต์ด้วยการวางเครื่องยนต์ของออดี้รุ่น 2.5L R5 TFSI นำมาปรับแต่งใหม่ร่วมกับค่าย Bosch ให้กำลังมากขึ้นและผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 6 ติดตั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรีกรณีออกตัวและระบบคลัทช์แบบแผ่นคู่
เครื่องยนต์ของออดี้ รหัส TFSI ขนาด 2.5 ลิตร แบบ 5 สูบแถวเรียงเทอร์โบ อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 สามารถขับแรงม้าสูงสุด 380 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 475 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบต่อนาที
สมรรถนะการทำความเร็วของสปอร์ตสปีดสเตอร์รุ่น Plus 8 Speedster สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 2.8 วินาที, จาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง- 8.6 วินาทีและทำความเร็วสูงสุด 270 กิโลเมตร
เครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10-12 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรและปล่อยคาร์บอนมอน็อกไซด์ 178 กรัมต่อกิโลเมตร
ระบบกันสะเทือนปรับแต่งใหม่ แบบปีกนกคู่ สปริงขด โช๊คอัพปรับระดับและ Anti Roll Control ปรับ 3 ทิศทาง ระบบเบรกดิสก์มีร่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ระบบเบรก ABS และความกว้างฐานล้อขยายกว้างขึ้น
รูปทรงภายนอกสไตล์คลาสสิค ซุ้มล้อแบบกึ่งล้อเปิด แผงกระจกหน้ากว้าง กรอบไฟหน้ารูปทรงเรียว ฝากระโปรงหน้ามีช่องระบายอากาศ ประตูเปิด-ปีกแบบขากรรไกร แผงกระจังหน้าแนวนอน ปลายท่อไอเสียรูปวงรีแยกซ้าย-ขวาและกระทะล้อลวดลายหลายก้านโดยมีน้ำหนักรถเปล่า 750 กิโลกรัม
ห้องโดยสารตกแต่งรอบคันด้วยหนังแท้สไตล์คลาสสิคประกอบสร้างแบบ “ทำมือ” พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน มาตรวัดรูปทรงกลมติดตั้งบริเวณตรงกลางและความจุถังเชื้อเพลิงสูงสุด 48 ลิตร Donkervoort D8 GTO-RS สปอร์ตเปิดประทุนสไตล์สปีดสเตอร์รุ่นนี้จะผลิตในแบบจำกัดจำนวนเพียง 40 คันเท่านั้น ตั้งราคาเริ่มต้นที่ 151,173 ยูโร
