By : Saksithi Chompaisal – Foreign Editor
เกีย มอเตอร์เผยโฉมสปอร์ตครอสโอเวอร์พลังงานไฮบริดสายพันธ์ใหม่ล่าสุดรุ่น Niro ออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสารใหม่ทั้งหมดและพัฒนาทั้งในส่วนของเครื่องยนต์ที่เน้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดเชื้อเพลิง เสริมเทคโนโลยี่ทั้งด้านความปลอดภัยและการควบคุมการขับขี่ที่ดีกว่า ผลิตสร้างบนโครงฐานแชสซีส์ใหม่ Dedicated Eco-Car และระบบไฮบริดใหม่ Unique Hybrid System
รูปทรงภายนอกออกแบบใหม่สไตล์สปอร์ตเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.29 สปอยเลอร์หน้าติดตั้งไฟตัดหมอกรูปทรงเหลี่ยม กรอบไฟหน้ารูปทรงเหลี่ยมเรียว มีระบบไฟกลางวันแบบ LED กรอบไฟท้ายรูปทรงเหลี่ยมเรียว เหนือหลังคาด้านท้ายติดสปอยเลอร์ ใต้พื้นรถติดแผงกันกระแทกอะลูมิเนียม กระทะล้อ ขนาด 17 นิ้วติดตั้งยาง ขนาด P225/55R17
ภายในห้องโดยสารออกแบบเน้นเอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ติดตั้งระบบนำร่องผ่านดาวเทียม คอนโซลกลางติดจอมอนิเตอร์ ขนาด 7.0 นิ้ว พวงมาลัยแบบ 3 ก้านติดตั้งชุดควบคุมการปรับเปลี่ยนเกียร์ ระบบปรับตั้งความเร็วคงที่ขณะเดินทางไกล ระบบโทรศัพท์บลูธูทและชุดควบคุมระบบเครื่องเสียง
เครื่องยนต์ แบบ 4 สูบแถวเรียงเบนซิน ขนาด 1.6 ลิตร 103 แรงม้าที่ 5200 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ปฏิบัติการร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 1 ชุดที่ให้กำลังขับ 43 แรงม้า รวมให้แรงม้าสูงสุด 146 แรงม้าและให้แรงบิดรวม 195 ปอนด์-ฟุต แบตเตอรี่แบบลิเธี่ยม-ไอออน โพลีเมอร์ซึ่งได้พัฒนาขึ้นใหม่เป็นรุ่นที่ 2
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 50 ไมล์ต่อแกลลอน สมรรถนะการทำความเร็ว จาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงภายในเวลา 7.6 วินาที เครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ DCT
ระบบพวงมาลัยแบบฟันเฟืองและตัวหนอน มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบแปรผันตามความเร็วควบคุมด้วยไฟฟ้า ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริงขด โช๊คอัพและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติ-ลิ้งค์ สปริงขด โช๊คอัพและเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์มีร่องระบายความร้อนทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบดิสก์ มีระบบเบรก ABS ติดตั้งระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกและระบบเสริมแรงเบรกกรณีฉุกเฉิน
Kia Niro สปอร์ตครอสโอเวอร์พลังงานไฮบริดขนาดกระทัดรัดจากากค่ายรถแห่งเกาหลีใต้ พัฒนายกระดับคุณภาพด้วยการเสริมความปลอดภัยด้วยการติดตั้งระบบสัญญาณเตือนเมื่อรถเปลี่ยนช่องทางโดยไม่ได้ตั้งใจ, ระบบสัญญาณเตือนการจราจรด้านท้าย, กล้องในมุมอับรอบคัน, ระบบปรับตั้งความเร็วคงที่ขณะเดินทางไกลแบบแอ็คทีฟและระบบเบรกฉุกเฉิน
By : Saksithi Chompaisal - Foreign Editor
เกีย มอเตอร์เผยโฉมสปอร์ตครอสโอเวอร์พลังงานไฮบริดสายพันธ์ใหม่ล่าสุดรุ่น Niro ออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสารใหม่ทั้งหมดและพัฒนาทั้งในส่วนของเครื่องยนต์ที่เน้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดเชื้อเพลิง เสริมเทคโนโลยี่ทั้งด้านความปลอดภัยและการควบคุมการขับขี่ที่ดีกว่า ผลิตสร้างบนโครงฐานแชสซีส์ใหม่ Dedicated Eco-Car และระบบไฮบริดใหม่ Unique Hybrid System
รูปทรงภายนอกออกแบบใหม่สไตล์สปอร์ตเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.29 สปอยเลอร์หน้าติดตั้งไฟตัดหมอกรูปทรงเหลี่ยม กรอบไฟหน้ารูปทรงเหลี่ยมเรียว มีระบบไฟกลางวันแบบ LED กรอบไฟท้ายรูปทรงเหลี่ยมเรียว เหนือหลังคาด้านท้ายติดสปอยเลอร์ ใต้พื้นรถติดแผงกันกระแทกอะลูมิเนียม กระทะล้อ ขนาด 17 นิ้วติดตั้งยาง ขนาด P225/55R17
ภายในห้องโดยสารออกแบบเน้นเอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ติดตั้งระบบนำร่องผ่านดาวเทียม คอนโซลกลางติดจอมอนิเตอร์ ขนาด 7.0 นิ้ว พวงมาลัยแบบ 3 ก้านติดตั้งชุดควบคุมการปรับเปลี่ยนเกียร์ ระบบปรับตั้งความเร็วคงที่ขณะเดินทางไกล ระบบโทรศัพท์บลูธูทและชุดควบคุมระบบเครื่องเสียง
เครื่องยนต์ แบบ 4 สูบแถวเรียงเบนซิน ขนาด 1.6 ลิตร 103 แรงม้าที่ 5200 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ปฏิบัติการร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 1 ชุดที่ให้กำลังขับ 43 แรงม้า รวมให้แรงม้าสูงสุด 146 แรงม้าและให้แรงบิดรวม 195 ปอนด์-ฟุต แบตเตอรี่แบบลิเธี่ยม-ไอออน โพลีเมอร์ซึ่งได้พัฒนาขึ้นใหม่เป็นรุ่นที่ 2
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 50 ไมล์ต่อแกลลอน สมรรถนะการทำความเร็ว จาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงภายในเวลา 7.6 วินาที เครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ DCT
ระบบพวงมาลัยแบบฟันเฟืองและตัวหนอน มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบแปรผันตามความเร็วควบคุมด้วยไฟฟ้า ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริงขด โช๊คอัพและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติ-ลิ้งค์ สปริงขด โช๊คอัพและเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์มีร่องระบายความร้อนทั้งด้านหน้าและด้านหลังแบบดิสก์ มีระบบเบรก ABS ติดตั้งระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกและระบบเสริมแรงเบรกกรณีฉุกเฉิน
Kia Niro สปอร์ตครอสโอเวอร์พลังงานไฮบริดขนาดกระทัดรัดจากากค่ายรถแห่งเกาหลีใต้ พัฒนายกระดับคุณภาพด้วยการเสริมความปลอดภัยด้วยการติดตั้งระบบสัญญาณเตือนเมื่อรถเปลี่ยนช่องทางโดยไม่ได้ตั้งใจ, ระบบสัญญาณเตือนการจราจรด้านท้าย, กล้องในมุมอับรอบคัน, ระบบปรับตั้งความเร็วคงที่ขณะเดินทางไกลแบบแอ็คทีฟและระบบเบรกฉุกเฉิน
