GUATEMALA-แหล่งอารยธรรมโบราณของชาว “มายา” แห่งทวีปอเมริกากลาง


By : C. Methas – Managing Editor

ประเทศกัวเตมาลามีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐกัวเตมาลา” เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคอเมริกากลาง ช่วงรอยต่อระหว่างอเมริกาเหนือ-ใต้ มีคำขวัญประจำชาติว่า “ประเทศแห่งฤดูใบไม้ผลิตตลอดกาล” ประชากรประมาณ 12.3 ล้านคน มีคนเชื้อชาติ Meztizo ซึ่งเป็นคนผิวขาวกับชนพื้นเมืองร้อยละ 55

ในอดีตประเทศกัวเตมาลาเคยเป็นเมืองขึ้นของสเปน ได้รับการประกาศอิสรภาพจากสเปนเมื่อวันที่ 15 กันยายน ปี ค.ศ. 1821 ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ แต่ยังมีชาวกัวเตมาลาที่ยังใช้ภาษาท้องถิ่นร้อยละ 40 ซึ่งเป็นภาษา “มายา”

กัวเตมาลาเป็นประเทศที่เป็นแหล่งอารยธรรม “มายา” ที่มีความเจริญในยุคสมัยโบราณ เคยสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่มีความลึกลับ และได้ฝากอารยธรรมไว้อย่างมากมาย ทั้งในด้านศิลปวัฒนธรรม, คณิตศาตร์และดาราศาสตร์

อารยธรรมของชนเผ่า มายา เป็นอารยธรรมเมโสอเมริกันที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองมากในยุคคลาสสิคอยู่ในช่วงระหว่างปี 250-900 คริสต์ศักราช เป็นยุคที่เจริญสูงสุด มีภาษาเขียน, ศิลปะและสถาปัตยกรรมของตนเอง

ชาวมายาได้ติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกไกลออกไปไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบในเม็กซิโกกลาง ซึ่งได้มีการติดต่อค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ปัจจุบันวัฒนธรรมของมายาไม่ได้หายสิ้นไป แม้ว่าการเข้ามายึดครองของสเปน ยังคงรักษาอารยธรรมเมโสอเมริกันไว้ได้ โดยเฉพาะภาษามายา ที่ยังใช้เป็นภาษาพูดสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน

ชาวมายาในอดีตสามารถคิดค้นหลักคณิตศาสตร์และสร้างปฏิทินขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง เริ่มตั้งเป็นชุมชนสังคมตามแนวขอบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคตั้งแต่ช่วง 1800 ปีก่อนคริสต์ศักราช

ต่อมาได้สร้างเป็นอาณาจักรที่มีความศิวิไลซ์ จากหลักฐานที่ค้นพบในซากหักพังของพระราชวัง Palenque และสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาต่าง ๆ รูปทรงปิรามิด ที่ Tikal, Copan และ Kalakmul และมีความเชื่อว่า สามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้

ช่วงศตวรรษที่ 8 และ 9 จากหลักฐานทางโบราณคดี พบว่าอาณาจักรมายาถึงยุคเสื่อม เนื่องจากปัญหาจากการเกิดสงคราม ภาวะข้าวยากหมากแพง มีการแย่งชิงอำนาจเกิดการปฏิวัติ จากหลักฐานทางธรณีวิทยาที่พบในทะเลสาบ Chichancanab

สเปนเข้ามายึดครองอาณาจักรมายาได้ในปี ค.ศ. 1519 หลังจากทำศึกได้รับชัยชนะได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1511 ชาวมายาขาดผู้นำ เช่นเดียวกับชนเผ่าอินคาในเปรู

อาณาจักรสุดท้ายของมายาอยู่ที่ Itza ซึ่งปัจจุบันยังคงหลงเหลืออาคารของสถานที่ราชการต่าง ๆ หลายแห่งที่เป็นสถาปัตยกรรมของสเปน

ศิลปะของชนเผ่ามายาที่โดดเด่นเป็นรูปแกะสลักนูนต่ำและภาพวาดเขียนสีที่พระราชวัง Palenque ที่มีความประณีตละเอียดอ่อน สะท้อนให้เห็นถึงอารยธรรมอันสูงสุดของมายา และสถาปัตยกรรมของสถานที่ประกอบพิธีกรรมรูปทรงปิรามิด รวมทั้งหยกแกะสลักขนาดความสูง 195 มิลลิเมตร เครื่องปั้นดินเผาและเซรามิคที่ค้นพบตามแหล่งโบราณสถานในเมืองหลักต่าง ๆ

ด้านสถาปัตยกรรมมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งสิ่งก่อสร้างอายุนับพันปีมีลักษณะคล้ายกับสถาปัตยกรรมของกรีกและโรมัน การออกแบบวางรากฐานของเมืองที่เป็นระบบระเบียบ

เศรษฐกิจส่วนใหญ่พึ่งพาภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก รายได้จากการส่งออกพืชผลทางเกษตร เช่น กล้วย กาแฟ น้ำตาล กัวเตมาลาประสบปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ถูกทำลายเสียหายมากในระหว่างเกิดสงครามในประเทศ

By : C. Methas - Managing Editor

ประเทศกัวเตมาลามีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐกัวเตมาลา” เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคอเมริกากลาง ช่วงรอยต่อระหว่างอเมริกาเหนือ-ใต้ มีคำขวัญประจำชาติว่า “ประเทศแห่งฤดูใบไม้ผลิตตลอดกาล” ประชากรประมาณ 12.3 ล้านคน มีคนเชื้อชาติ Meztizo ซึ่งเป็นคนผิวขาวกับชนพื้นเมืองร้อยละ 55

ในอดีตประเทศกัวเตมาลาเคยเป็นเมืองขึ้นของสเปน ได้รับการประกาศอิสรภาพจากสเปนเมื่อวันที่ 15 กันยายน ปี ค.ศ. 1821 ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ แต่ยังมีชาวกัวเตมาลาที่ยังใช้ภาษาท้องถิ่นร้อยละ 40 ซึ่งเป็นภาษา “มายา”

กัวเตมาลาเป็นประเทศที่เป็นแหล่งอารยธรรม “มายา” ที่มีความเจริญในยุคสมัยโบราณ เคยสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่มีความลึกลับ และได้ฝากอารยธรรมไว้อย่างมากมาย ทั้งในด้านศิลปวัฒนธรรม, คณิตศาตร์และดาราศาสตร์

อารยธรรมของชนเผ่า มายา เป็นอารยธรรมเมโสอเมริกันที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองมากในยุคคลาสสิคอยู่ในช่วงระหว่างปี 250-900 คริสต์ศักราช เป็นยุคที่เจริญสูงสุด มีภาษาเขียน, ศิลปะและสถาปัตยกรรมของตนเอง

ชาวมายาได้ติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกไกลออกไปไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบในเม็กซิโกกลาง ซึ่งได้มีการติดต่อค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ปัจจุบันวัฒนธรรมของมายาไม่ได้หายสิ้นไป แม้ว่าการเข้ามายึดครองของสเปน ยังคงรักษาอารยธรรมเมโสอเมริกันไว้ได้ โดยเฉพาะภาษามายา ที่ยังใช้เป็นภาษาพูดสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน

ชาวมายาในอดีตสามารถคิดค้นหลักคณิตศาสตร์และสร้างปฏิทินขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง เริ่มตั้งเป็นชุมชนสังคมตามแนวขอบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคตั้งแต่ช่วง 1800 ปีก่อนคริสต์ศักราช

ต่อมาได้สร้างเป็นอาณาจักรที่มีความศิวิไลซ์ จากหลักฐานที่ค้นพบในซากหักพังของพระราชวัง Palenque และสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาต่าง ๆ รูปทรงปิรามิด ที่ Tikal, Copan และ Kalakmul และมีความเชื่อว่า สามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้

ช่วงศตวรรษที่ 8 และ 9 จากหลักฐานทางโบราณคดี พบว่าอาณาจักรมายาถึงยุคเสื่อม เนื่องจากปัญหาจากการเกิดสงคราม ภาวะข้าวยากหมากแพง มีการแย่งชิงอำนาจเกิดการปฏิวัติ จากหลักฐานทางธรณีวิทยาที่พบในทะเลสาบ Chichancanab

สเปนเข้ามายึดครองอาณาจักรมายาได้ในปี ค.ศ. 1519 หลังจากทำศึกได้รับชัยชนะได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1511 ชาวมายาขาดผู้นำ เช่นเดียวกับชนเผ่าอินคาในเปรู

อาณาจักรสุดท้ายของมายาอยู่ที่ Itza ซึ่งปัจจุบันยังคงหลงเหลืออาคารของสถานที่ราชการต่าง ๆ หลายแห่งที่เป็นสถาปัตยกรรมของสเปน

ศิลปะของชนเผ่ามายาที่โดดเด่นเป็นรูปแกะสลักนูนต่ำและภาพวาดเขียนสีที่พระราชวัง Palenque ที่มีความประณีตละเอียดอ่อน สะท้อนให้เห็นถึงอารยธรรมอันสูงสุดของมายา และสถาปัตยกรรมของสถานที่ประกอบพิธีกรรมรูปทรงปิรามิด รวมทั้งหยกแกะสลักขนาดความสูง 195 มิลลิเมตร เครื่องปั้นดินเผาและเซรามิคที่ค้นพบตามแหล่งโบราณสถานในเมืองหลักต่าง ๆ

ด้านสถาปัตยกรรมมีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งสิ่งก่อสร้างอายุนับพันปีมีลักษณะคล้ายกับสถาปัตยกรรมของกรีกและโรมัน การออกแบบวางรากฐานของเมืองที่เป็นระบบระเบียบ

เศรษฐกิจส่วนใหญ่พึ่งพาภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก รายได้จากการส่งออกพืชผลทางเกษตร เช่น กล้วย กาแฟ น้ำตาล กัวเตมาลาประสบปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ถูกทำลายเสียหายมากในระหว่างเกิดสงครามในประเทศ

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!