By : C. Methas – Managing Editor
เครื่องบินโจมตีที่กองทัพเรือของสหราชอาณาจักรพัฒนาให้เป็นเครื่องบินที่มีเอกลักษณ์ในส่วนของการบินขึ้น-ลงแนวดิ่ง โดยใช้พื้นที่ในการบินขึ้นและการลงจอดน้อยมาก สามารถนำลงจอดได้บนท้องถนนทั่วไป หรือพื้นที่ว่างที่มีพื้นที่จำกัด
เริ่มแรกได้ออกแบบและพัฒนาสำหรับการโจมตีและการปฏิบัติการในพื้นที่แถบยุโรปและประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีขนาดต่าง ๆ กัน โดยสามารถเข้าร่วมปฏิบัติการกับหน่วยเรือยกพลขึ้นบกที่มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์
HARRIER II PLUS(AV-8B) เครื่องบินโจมตีรุ่นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่สำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯ ผลิตโดยความร่วมมือระหว่าง BAE System และโบอิ้ง ปัจจุบันได้เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ กองทัพเรือสเปนและกองทัพเรืออิตาลี
ยกระดับอุปกรณ์เรดาร์เป็นแบบ Multi-Mode และระบบนำร่องนำวิถีขีปนาวุธที่ให้ความแม่นยำในการโจมตีเป้าหมายสูง เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 215 เครื่องตั้งแต่ปี 1993 ประจำการในกองทัพเรืออิตาลี 18 เครื่องและกองทัพเรือสเปน 17 ลำ
ปัจจุบันกองทัพเรืออังกฤษได้พัฒนาเครื่องบินรุ่นนี้หลายรุ่นด้วยกัน และได้ปลดระวางออกไปบางรุ่น โดยรุ่น Harrier GR7 ได้ประจำการในกองทัพเรืออังกฤษ 60 เครื่อง และล่าสุดพัฒนาเป็นรุ่น GR9 จะเข้าประจำการในเดือนกันยายน ปี 2006
ภายในห้องนักบินได้พัฒนาในส่วนของระบบควบคุมการปฏิบัติการได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ติดตั้ง Head-up และ Head-down Displays แผนที่แบบดิจิตอลเคลื่อนที่ ระบบนำร่องผ่านดาวเทียม
อาวุธประจำเครื่องติดตั้งขีปนาวุธได้หลากหลายชนิดตามสถานการณ์ของสมรภูมิ โดยขีปนาวุธพิสัยไกลและใกล้ ขีปนาวุธจากอากาศสู่อากาศ และจากอากาศสู่ภาคพื้น สามารถโจมตีได้ในทุกสภาพอากาศ โดยมีระบบค้นหาเป้าหมายและระบบหัวรบนำวิถี ที่โจมตีได้ระยะไกลกว่า 50 ไมล์และความเร็วขีปนาวุธ 1.2 กิโลเมตรต่อวินาที
นอกจากนี้สามารถติดตั้งขีปนาวุธโจมตีรถถัง แบบ Maverick AGM-65 และขีปนาวุธโจมตีเรือ Sea Eagle และติดตั้งระบบ Avionics ที่สามารถโจมตีในเวลากลางคืน ด้วยระบบเซ็นเซอร์อินฟาเรด ระบบ Night-Vision Goggles
เครื่องยนต์ Rolls-Royce Pegasus 11-61 ทำความเร็วสูงสุดได้ 0.90 มัค โดยมีน้ำหนัก Take-off ในแนวดิ่งสูงสุดเท่ากับ 9,413 กิโลกรัม โดยมีถังน้ำมันเชื้อเพลิงภายในเครื่องจุได้สูงสุด 3,521 กิโลกรัม
By : C. Methas - Managing Editor
เครื่องบินโจมตีที่กองทัพเรือของสหราชอาณาจักรพัฒนาให้เป็นเครื่องบินที่มีเอกลักษณ์ในส่วนของการบินขึ้น-ลงแนวดิ่ง โดยใช้พื้นที่ในการบินขึ้นและการลงจอดน้อยมาก สามารถนำลงจอดได้บนท้องถนนทั่วไป หรือพื้นที่ว่างที่มีพื้นที่จำกัด
เริ่มแรกได้ออกแบบและพัฒนาสำหรับการโจมตีและการปฏิบัติการในพื้นที่แถบยุโรปและประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีขนาดต่าง ๆ กัน โดยสามารถเข้าร่วมปฏิบัติการกับหน่วยเรือยกพลขึ้นบกที่มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์
HARRIER II PLUS(AV-8B) เครื่องบินโจมตีรุ่นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่สำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯ ผลิตโดยความร่วมมือระหว่าง BAE System และโบอิ้ง ปัจจุบันได้เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ กองทัพเรือสเปนและกองทัพเรืออิตาลี
ยกระดับอุปกรณ์เรดาร์เป็นแบบ Multi-Mode และระบบนำร่องนำวิถีขีปนาวุธที่ให้ความแม่นยำในการโจมตีเป้าหมายสูง เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 215 เครื่องตั้งแต่ปี 1993 ประจำการในกองทัพเรืออิตาลี 18 เครื่องและกองทัพเรือสเปน 17 ลำ
ปัจจุบันกองทัพเรืออังกฤษได้พัฒนาเครื่องบินรุ่นนี้หลายรุ่นด้วยกัน และได้ปลดระวางออกไปบางรุ่น โดยรุ่น Harrier GR7 ได้ประจำการในกองทัพเรืออังกฤษ 60 เครื่อง และล่าสุดพัฒนาเป็นรุ่น GR9 จะเข้าประจำการในเดือนกันยายน ปี 2006
ภายในห้องนักบินได้พัฒนาในส่วนของระบบควบคุมการปฏิบัติการได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ติดตั้ง Head-up และ Head-down Displays แผนที่แบบดิจิตอลเคลื่อนที่ ระบบนำร่องผ่านดาวเทียม
อาวุธประจำเครื่องติดตั้งขีปนาวุธได้หลากหลายชนิดตามสถานการณ์ของสมรภูมิ โดยขีปนาวุธพิสัยไกลและใกล้ ขีปนาวุธจากอากาศสู่อากาศ และจากอากาศสู่ภาคพื้น สามารถโจมตีได้ในทุกสภาพอากาศ โดยมีระบบค้นหาเป้าหมายและระบบหัวรบนำวิถี ที่โจมตีได้ระยะไกลกว่า 50 ไมล์และความเร็วขีปนาวุธ 1.2 กิโลเมตรต่อวินาที
นอกจากนี้สามารถติดตั้งขีปนาวุธโจมตีรถถัง แบบ Maverick AGM-65 และขีปนาวุธโจมตีเรือ Sea Eagle และติดตั้งระบบ Avionics ที่สามารถโจมตีในเวลากลางคืน ด้วยระบบเซ็นเซอร์อินฟาเรด ระบบ Night-Vision Goggles
เครื่องยนต์ Rolls-Royce Pegasus 11-61 ทำความเร็วสูงสุดได้ 0.90 มัค โดยมีน้ำหนัก Take-off ในแนวดิ่งสูงสุดเท่ากับ 9,413 กิโลกรัม โดยมีถังน้ำมันเชื้อเพลิงภายในเครื่องจุได้สูงสุด 3,521 กิโลกรัม