MONACO- ราชรัฐโมนาโก เมืองศิวิไลซ์ไม่เคยหลับที่มีขนาดเล็กเป็นอันดับ 2 ของโลก


By : C. Methas – Managing Editor

ประเทศโมนาโกหรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชรัฐโมนาโก เป็นนครรัฐในยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันตก ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ล้อมรอบโดยเขต Alpes –Maritimes ของฝรั่งเศส มีเมือง Monaco-Ville เป็นเมืองหลวง เมือง Monte Carlo เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด

ประชากรชาวโมนาโกใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการและพูดภาษาฝรั่งเศส ใช้เงินสกุลยูโร ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป แต่การที่โมนาโกมีข้อตกลงจัดตั้งสหภาพการค้ากับฝรั่งเศส ทำให้โมนาโกได้รับสิทธิประโยชน์เยี่ยงประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่น ๆ

ประเทศโมนาโกมีเนื้อที่ทั้งหมดเพียง 1.95 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นอันดับที่ 231 ของโลก ความยาวเส้นเขตแดน 4.4 กิโลเมตร เป็นประเทศเล็กเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากนครรัฐวาติกัน

ประชากรของโมนาโกมีประมาณ 35,659 คน คิดเป็นอันดับที่ 210 ของโลก ความหนาแน่นของประชากรติดอันดับ 1 ของโลก และอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพงที่สุดในยุโรป คุณภาพการใช้ชีวิตของประชาชนอยู่ในระดับสูง

ราชรัฐโมนาโกไม่มีการจัดเก็บภาษีรายได้ และภาษีมรตก โดยมีการจัดเก็บภาษีด้านอื่นเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ การจัดเก็บภาษีธุรกิจในอัตราต่ำ ดารานักแสดง, นักฟุตบอล, นักแข่งรถ, นักธุรกิจและอภิมหาเศรษฐีมักจะมีห้องพักหรือคฤหาสน์ส่วนตัวอยู่ที่โมนาโก เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยรถยนต์ระดับหรูสุดและซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่แล่นกันเกลื่อนเมือง นอกจากนี้ยังมีงานแสดงเรือยอร์ชระดับหรูทุกปี

ถนนในมอนติ คาร์โลเป็นถนนที่ราบเรียบจนสามารถจัดการแข่งขันฟอร์มูล่า-วันโดยปิดถนนแข่งมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ได้รับการบรรจุเข้าตารางแข่งขันตั้งแต่สมัยแรกจนถึงปัจจุบันรวมทั้งรายการแข่งขันแรลลี่โลก

ราชรัฐโมนาโกปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ พ.ศ. 2454 มีเจ้าชายเป็นประมุขแห่งรัฐ พระองค์ปัจจุบันคือเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งราชวงศ์กริมาลดี ขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ภายหลังการเสด็จสวรรคตของเจ้าชายเรนิเยร์ ที่ 3 เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2548 โดยทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 32 แห่งราชวงศ์กริมัลดี ซึ่งมีประวัติความเป็นมาถึง 700 ปี

ราชรัฐโมนาโกเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2404 และได้แยกตัวเป็นอิสระเมื่อปี พ.ศ. 2461 ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามในสนธิสัญญาทางมิตรภาพ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 สนธิสัญญาดังกล่าวกำหนดภารกิจของฝรั่งเศสที่จะมีหน้าที่ป้องกันเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของราชรัฐฯ โดยราชรัฐโมนาโก ต้องใช้สิทธิด้านอธิปไตยอย่างสอดคล้องกับผลประโยชน์ของฝรั่งเศส

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2488 และปี พ.ศ. 2494 ได้มีการลงนามในข้อตกลงซึ่งมีส่วนแก้ไขจากข้อตกลงฉบับเดิมเพื่อปรับให้เข้ากับสภาพสังคมและเศรษฐกิจ สภาพเศรษฐกิจมีเศรษฐกิจที่ดีมากแห่งหนึ่งของโลก โดยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ประกอบกับมีคาสิโนที่มีชื่อเสียงและอากาศที่อุ่นสบาย

หลังการครองราชย์ เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 มีพระราชประสงค์จะให้โมนาโกเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะไบโอเทคโนโลยีและการค้นคว้า/วิจัยทางการแพทย์ นอกเหนือจากเสริมสร้างศักยภาพด้านการเงินและการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศให้ก้าวหน้า

ราชรัฐโมนาโกเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติลำดับที่ 183 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 และเป็นสมาชิกสภายุโรป เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2547 เป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศ เช่น UNESCO, องค์การอนามัยโลก (WHO), BIE (Bureau International des Expositions), องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO), คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC), ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA), สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU), องค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO)

โครงการก่อสร้างเพื่อขยายพื้นที่จอดเรือในท่าเรือหลัก กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดรายได้แบ่งเป็น 4 สาขา คือ อุตสาหกรรมเบา โดยเน้นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและไม่ก่อให้เกิดมลพิษ การท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจการโรงแรม ธุรกิจการเงินและการธนาคาร และการค้าและอสังหาริมทรัพย์

ประวัติศาสตร์ของโมนาโก

ราชวงศ์กรีมัลดี เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1299 เมื่อฟร็องซัว กรีมัลดี เจ้าที่ดินในยุโรปยุคศักดินาบุกเข้ายึดป้อมปราการโมนาโกบริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยการปลอมตัวเป็นบาทหลวง แล้วนำกองกำลังขนาดย่อมเข้าไปในดินแดนแห่งนั้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการครอบครองอาณาจักรโมนาโกของตระกูลกรีมัลดีตั้งแต่นั้นมา

ตระกูลกรีมัลดีครองโมนาโกอยู่ได้เพียงสี่ปี ก็ถูกขับออกจากดินแดนนั้นไป ชาร์ลส์ กรีมัลดี หวนกลับมาครอบครองดินแดนโมนาโกได้อีกในปี ค.ศ. 1331 แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นลอร์ดแห่งโมนาโกและขยายดินแดนออกไปยังเมืองม็องตงและโรเกอบรูน และสร้างโมนาโกจนยิ่งใหญ่ กลายเป็นเมืองท่าสำคัญ สำหรับการค้าและฐานทัพเรือสำคัญของยุโรป

หลังจากนั้นได้มีการสืบทอดตำแหน่งลอร์ดแห่งโมนาโกเรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ.1489 พระเจ้าชาร์ลที่ 4 แห่งฝรั่งเศส และดุ๊กแห่งซาวอยจึงได้ทรงรับรองความเป็นเอกราชของโมนาโก

ต่อมาในปี ค.ศ.1512 พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศสก็ทรงรับรองการเป็นพันธมิตรถาวรระหว่างโมนาโกกับฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงยุคการปกครองของลอร์ดออกุสติน โมนาโกกลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางในราชสำนักฝรั่งเศส ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง จนกระทั่งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 แห่งสเปนมีพระบัญชาให้โมนาโกอยู่ภายใต้อารักขาของสเปนการปกครองโดยลอร์ดแห่งโมนาโกดำเนินเรื่อยมา

จนถึงช่วงศตวรรษที่ 15 เมื่อจอห์น กรีมัลดี ลอร์ดแห่งโมนาโกได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการสืบสันตติวงศ์ขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในการสืบราชสมบัติของโมนาโก

เจ้าผู้ครองนครยุคแรกนั้น ยังใช้ฐานันดรศักดิ์ว่า ลอร์ด มาจนถึงกระทั่งปี ค.ศ. 1612 ลอร์ดโอโนเร่ที่ 2 กรีมัลดี ลอร์ดแห่งโมนาโกจึงได้เปลี่ยนชื่อฐานันดรศักดิ์เป็น เจ้าชาย เพื่อให้มีวินัยถึงการเป็นรัฐและอิสรภาพ ซึ่งได้รับการยอมรับจากฝรั่งเศสและสเปน เนื่องจากขณะนั้นโมนาโกยังอยู่ในอารักขาของสเปน

เจ้าชายโอโนเร่ที่ 2 กรีมัลดี ยังดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับประเทศฝรั่งเศส จนพระเจ้าหลุยส์ที่ 8 หลุยส์ อิบโปลิบเตแห่งฝรั่งเศส ยอมลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการช่วยเหลือและป้องกันการรุกรานจากฝรั่งเศส ถือเป็นการยืนยันและยอมรับความเป็นเอกราชของโมนาโก ไม่ขึ้นตรงต่อฝรั่งเศสอีกต่อไป

แต่สเปนยังไม่ยินยอม เป็นเหตุให้เจ้าชายพระองค์นี้ ทรงประกาศสงครามกับสเปนและได้รับชัยชนะเป็นอิสระจากสเปน ในปี ค.ศ.1641 อย่างไรก็ตามการสืบสันตติวงศ์นี้ ขาดช่วงลงเมื่อเจ้าชายอังตวนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ.1731 โดยไม่มีพระโอรส มีแต่พระธิดาเท่านั้น แต่พระธิดาองค์โต หลุยส์ อิบโปลิบเต ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ ยากส์ ฟร็องซัวร์ เลโอเนอร์ เดอ มาติยง ทายาทตระกูลขุนนางแห่งแคว้นนอร์ม็องดี

ในปี ค.ศ.1715 ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาให้เป็นเจ้าชายแห่งโมนาโก ทรงพระนามว่า เจ้าชาย ยากส์ที่ 1 ปี ค.ศ. 1949 เจ้าชายเรนิเยที่ 3 เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจากเจ้าชายหลุยส์ที่ 2 ทรงเป็นประมุขแห่งโมนาโกที่ทำให้ราชวงศ์โมนาโกกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เพราะการเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับดาราภาพยนตร์สาวชาวอเมริกัน เกรซ เคลลี เมื่อ ปี ค.ศ. 1956 (ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต) และทรงเป็นประมุขที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของโมนาโก ถึง 55 ปี ก่อนจะสิ้นพระชนม์ ตำแหน่งประมุขแห่งโมนาโกจึงตกอยู่กับเจ้าชายอาลแบร์ที่ 2 จนถึงปัจจุบัน

By : C. Methas - Managing Editor

ประเทศโมนาโกหรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชรัฐโมนาโก เป็นนครรัฐในยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันตก ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ล้อมรอบโดยเขต Alpes –Maritimes ของฝรั่งเศส มีเมือง Monaco-Ville เป็นเมืองหลวง เมือง Monte Carlo เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด

ประชากรชาวโมนาโกใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการและพูดภาษาฝรั่งเศส ใช้เงินสกุลยูโร ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป แต่การที่โมนาโกมีข้อตกลงจัดตั้งสหภาพการค้ากับฝรั่งเศส ทำให้โมนาโกได้รับสิทธิประโยชน์เยี่ยงประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่น ๆ

ประเทศโมนาโกมีเนื้อที่ทั้งหมดเพียง 1.95 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นอันดับที่ 231 ของโลก ความยาวเส้นเขตแดน 4.4 กิโลเมตร เป็นประเทศเล็กเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากนครรัฐวาติกัน

ประชากรของโมนาโกมีประมาณ 35,659 คน คิดเป็นอันดับที่ 210 ของโลก ความหนาแน่นของประชากรติดอันดับ 1 ของโลก และอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาแพงที่สุดในยุโรป คุณภาพการใช้ชีวิตของประชาชนอยู่ในระดับสูง

ราชรัฐโมนาโกไม่มีการจัดเก็บภาษีรายได้ และภาษีมรตก โดยมีการจัดเก็บภาษีด้านอื่นเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ การจัดเก็บภาษีธุรกิจในอัตราต่ำ ดารานักแสดง, นักฟุตบอล, นักแข่งรถ, นักธุรกิจและอภิมหาเศรษฐีมักจะมีห้องพักหรือคฤหาสน์ส่วนตัวอยู่ที่โมนาโก เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยรถยนต์ระดับหรูสุดและซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่แล่นกันเกลื่อนเมือง นอกจากนี้ยังมีงานแสดงเรือยอร์ชระดับหรูทุกปี

ถนนในมอนติ คาร์โลเป็นถนนที่ราบเรียบจนสามารถจัดการแข่งขันฟอร์มูล่า-วันโดยปิดถนนแข่งมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ได้รับการบรรจุเข้าตารางแข่งขันตั้งแต่สมัยแรกจนถึงปัจจุบันรวมทั้งรายการแข่งขันแรลลี่โลก

ราชรัฐโมนาโกปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ พ.ศ. 2454 มีเจ้าชายเป็นประมุขแห่งรัฐ พระองค์ปัจจุบันคือเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งราชวงศ์กริมาลดี ขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ภายหลังการเสด็จสวรรคตของเจ้าชายเรนิเยร์ ที่ 3 เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2548 โดยทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 32 แห่งราชวงศ์กริมัลดี ซึ่งมีประวัติความเป็นมาถึง 700 ปี

ราชรัฐโมนาโกเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2404 และได้แยกตัวเป็นอิสระเมื่อปี พ.ศ. 2461 ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามในสนธิสัญญาทางมิตรภาพ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 สนธิสัญญาดังกล่าวกำหนดภารกิจของฝรั่งเศสที่จะมีหน้าที่ป้องกันเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของราชรัฐฯ โดยราชรัฐโมนาโก ต้องใช้สิทธิด้านอธิปไตยอย่างสอดคล้องกับผลประโยชน์ของฝรั่งเศส

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2488 และปี พ.ศ. 2494 ได้มีการลงนามในข้อตกลงซึ่งมีส่วนแก้ไขจากข้อตกลงฉบับเดิมเพื่อปรับให้เข้ากับสภาพสังคมและเศรษฐกิจ สภาพเศรษฐกิจมีเศรษฐกิจที่ดีมากแห่งหนึ่งของโลก โดยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ประกอบกับมีคาสิโนที่มีชื่อเสียงและอากาศที่อุ่นสบาย

หลังการครองราชย์ เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 มีพระราชประสงค์จะให้โมนาโกเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะไบโอเทคโนโลยีและการค้นคว้า/วิจัยทางการแพทย์ นอกเหนือจากเสริมสร้างศักยภาพด้านการเงินและการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศให้ก้าวหน้า

ราชรัฐโมนาโกเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติลำดับที่ 183 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 และเป็นสมาชิกสภายุโรป เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2547 เป็นสมาชิกองค์การระหว่างประเทศ เช่น UNESCO, องค์การอนามัยโลก (WHO), BIE (Bureau International des Expositions), องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO), คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC), ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA), สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU), องค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO)

โครงการก่อสร้างเพื่อขยายพื้นที่จอดเรือในท่าเรือหลัก กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ก่อให้เกิดรายได้แบ่งเป็น 4 สาขา คือ อุตสาหกรรมเบา โดยเน้นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงและไม่ก่อให้เกิดมลพิษ การท่องเที่ยว โดยเฉพาะธุรกิจการโรงแรม ธุรกิจการเงินและการธนาคาร และการค้าและอสังหาริมทรัพย์

ประวัติศาสตร์ของโมนาโก

ราชวงศ์กรีมัลดี เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1299 เมื่อฟร็องซัว กรีมัลดี เจ้าที่ดินในยุโรปยุคศักดินาบุกเข้ายึดป้อมปราการโมนาโกบริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยการปลอมตัวเป็นบาทหลวง แล้วนำกองกำลังขนาดย่อมเข้าไปในดินแดนแห่งนั้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการครอบครองอาณาจักรโมนาโกของตระกูลกรีมัลดีตั้งแต่นั้นมา

ตระกูลกรีมัลดีครองโมนาโกอยู่ได้เพียงสี่ปี ก็ถูกขับออกจากดินแดนนั้นไป ชาร์ลส์ กรีมัลดี หวนกลับมาครอบครองดินแดนโมนาโกได้อีกในปี ค.ศ. 1331 แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นลอร์ดแห่งโมนาโกและขยายดินแดนออกไปยังเมืองม็องตงและโรเกอบรูน และสร้างโมนาโกจนยิ่งใหญ่ กลายเป็นเมืองท่าสำคัญ สำหรับการค้าและฐานทัพเรือสำคัญของยุโรป

หลังจากนั้นได้มีการสืบทอดตำแหน่งลอร์ดแห่งโมนาโกเรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ.1489 พระเจ้าชาร์ลที่ 4 แห่งฝรั่งเศส และดุ๊กแห่งซาวอยจึงได้ทรงรับรองความเป็นเอกราชของโมนาโก

ต่อมาในปี ค.ศ.1512 พระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศสก็ทรงรับรองการเป็นพันธมิตรถาวรระหว่างโมนาโกกับฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงยุคการปกครองของลอร์ดออกุสติน โมนาโกกลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางในราชสำนักฝรั่งเศส ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง จนกระทั่งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 แห่งสเปนมีพระบัญชาให้โมนาโกอยู่ภายใต้อารักขาของสเปนการปกครองโดยลอร์ดแห่งโมนาโกดำเนินเรื่อยมา

จนถึงช่วงศตวรรษที่ 15 เมื่อจอห์น กรีมัลดี ลอร์ดแห่งโมนาโกได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการสืบสันตติวงศ์ขึ้น นับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งในการสืบราชสมบัติของโมนาโก

เจ้าผู้ครองนครยุคแรกนั้น ยังใช้ฐานันดรศักดิ์ว่า ลอร์ด มาจนถึงกระทั่งปี ค.ศ. 1612 ลอร์ดโอโนเร่ที่ 2 กรีมัลดี ลอร์ดแห่งโมนาโกจึงได้เปลี่ยนชื่อฐานันดรศักดิ์เป็น เจ้าชาย เพื่อให้มีวินัยถึงการเป็นรัฐและอิสรภาพ ซึ่งได้รับการยอมรับจากฝรั่งเศสและสเปน เนื่องจากขณะนั้นโมนาโกยังอยู่ในอารักขาของสเปน

เจ้าชายโอโนเร่ที่ 2 กรีมัลดี ยังดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับประเทศฝรั่งเศส จนพระเจ้าหลุยส์ที่ 8 หลุยส์ อิบโปลิบเตแห่งฝรั่งเศส ยอมลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการช่วยเหลือและป้องกันการรุกรานจากฝรั่งเศส ถือเป็นการยืนยันและยอมรับความเป็นเอกราชของโมนาโก ไม่ขึ้นตรงต่อฝรั่งเศสอีกต่อไป

แต่สเปนยังไม่ยินยอม เป็นเหตุให้เจ้าชายพระองค์นี้ ทรงประกาศสงครามกับสเปนและได้รับชัยชนะเป็นอิสระจากสเปน ในปี ค.ศ.1641 อย่างไรก็ตามการสืบสันตติวงศ์นี้ ขาดช่วงลงเมื่อเจ้าชายอังตวนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ.1731 โดยไม่มีพระโอรส มีแต่พระธิดาเท่านั้น แต่พระธิดาองค์โต หลุยส์ อิบโปลิบเต ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ ยากส์ ฟร็องซัวร์ เลโอเนอร์ เดอ มาติยง ทายาทตระกูลขุนนางแห่งแคว้นนอร์ม็องดี

ในปี ค.ศ.1715 ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาให้เป็นเจ้าชายแห่งโมนาโก ทรงพระนามว่า เจ้าชาย ยากส์ที่ 1 ปี ค.ศ. 1949 เจ้าชายเรนิเยที่ 3 เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจากเจ้าชายหลุยส์ที่ 2 ทรงเป็นประมุขแห่งโมนาโกที่ทำให้ราชวงศ์โมนาโกกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เพราะการเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับดาราภาพยนตร์สาวชาวอเมริกัน เกรซ เคลลี เมื่อ ปี ค.ศ. 1956 (ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต) และทรงเป็นประมุขที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของโมนาโก ถึง 55 ปี ก่อนจะสิ้นพระชนม์ ตำแหน่งประมุขแห่งโมนาโกจึงตกอยู่กับเจ้าชายอาลแบร์ที่ 2 จนถึงปัจจุบัน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!