จารึกตำนานรถแข่งสูตร 1 : ประวัติศึกฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ช่วงแรกปีที่ 7 ค.ศ. 1956 (ตอนที่ 7) – ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์สมัยที่ 4


By : C. Methas – Managing Editor

หลังจากคว้าแชมป์ครั้งแรกในชีวิตเอฟ-วันของฮวน มานูเอล ฟังจิโอนักแข่งชาวอาร์เจนติน่าในปีค.ศ. 1951 ในสังกัดทีมอัลฟ่า โรเมโอแล้วมาคว้าแชมป์ติดต่อกัน 2 สมัยซ้อนในสังกัดทีมเมอเซเดส-เบนซ์ช่วงปีค.ศ. 1954-1955 ก่อนที่ทีมเมอเซเดส-เบนซ์จะถอนตัวออกจากการแข่งขันไปในปีต่อมา

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอได้ย้ายไปขับให้กับทีมเฟอร์รารี่ในปีค.ศ. 1956 และสามารถคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันและเป็นแชมป์สมัยที่ 4 ของนักแข่งจากอาร์เจนติน่า ปีต่อมาสามารถคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 5 กลายเป็นตำนานเอฟ-วันที่สร้างสถิติคว้าแชมป์สูงสุดอยู่หลายปีจนกระทั่งมาถูกมิคาเอล ชูมัคเกอร์ทำลายสถิติลง

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์โลกได้ในปีค.ศ. 1956 ขณะมีอายุ 45 ปี 70 วัน แข่งขันทั้งหมด 7 สนามสามารถกวาดแชมป์มาได้ 3 สนามและคว้าโพล โพสิชั่นได้ 6 สนาม ส่วนสเตอร์ลิง มอสส์นักแข่งชาวอังกฤษอดีตเพื่อนร่วมทีมเมอเซเดส-เบนซ์ได้ย้ายไปขับให้กับทีมมาเซราติสามารถคว้ารองแชมป์ได้ด้วยวัยเพียง 26 ปี 351 วัน ลงแข่งขันทั้งหมด 7 สนามคว้าแชมป์ได้ 2 สนามและคว้าโพล โพสิชั่นได้ 1 สนาม

ส่วนปีเตอร์ คอลลินส์นักแข่งจากอังกฤษเพื่อนร่วมทีมเฟอร์รารี่ติดอันดับ 3 ในตารางประเภทผู้ขับ ลงแข่งขัน 7 สนามสามารถคว้าแชมป์ได้ 2 สนาม

การแข่งขันในปีค.ศ. 1956 ยังคงประเดิมสนามแรกกันที่ศึกอาร์เจนติน่า กรังด์ปรีซ์ แข่งขันเมื่อวันที่ 22 มกราคมรวม 98 รอบ ฮวน มานูเอล ฟังจิโอร่วมกับลุยจิ มัสโซ่คว้าแชมป์ไปครองและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 42

สนามที่ 2 ประจำฤดูกาล 1956 ยังคงเป็นศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์เช่นเดียวกับปีก่อนหน้านี้ สเตอร์ลิง มอสส์มาคว้าแชมป์ให้กับทีมมาเซราติหลังจากแข่งขันครบ 100 รอบของเซอร์กิตปิดถนนในนครมอนติ คาร์โล่โดยออกสตาร์ทจากอันดับ 2 ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอและปีเตอร์ คอลลินส์ผลัดกันขับออกสตาร์ทจากอันดับ 9 ไปเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 โดยเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบสุดท้ายและอันดับ 3 เป็นของนักขับจากทีมมาเซราติอีกคันขับโดยฌอง เบห์รา นักขับจากฝรั่งเศส

สนามที่ 3 เป็นรายการแข่งขันอินเดียน่าโปลิส 500 ปีนี้มีทีมส่งลงแข่งขันเพิ่มมากขึ้นหลายทีมแตกต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ทีมเคอร์ตีส คราฟท์ครองแชมป์ไปได้ทั้งหมดใน 10 อันดับแรก ในปีนี้ทีมวัตสันสามารถโค่นบัลลังก์แชมป์เก่าได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อินเดียน่าโปลีส 500 แต่ยังคงใช้เครื่องยนต์ของ Offenhauser เช่นเดียวกับทีมเคอร์ตีส คราฟท์ที่เข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นของทีมฟิลิปส์ซึ่งรายการนี้เป็นการแข่งขันของทีมจากสหรัฐอเมริกาทั้งหมดเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา

สนามที่ 4 รายการเบลเยี่ยน กรังด์ปรีซ์ ทำการแข่งขันในวันที่ 3 มิถุนายนที่สปา ฟรังโกชองส์รวม 36 รอบ ปีเตอร์ คอลลินส์คว้าแชมป์แรกได้ในแบบขับเดี่ยวให้กับทีมเฟอร์รารี่บนเซอร์กิตที่มีความยาวต่อรอบถึง 14.120 กิโลเมตรโดยออกสตาร์ทจากอันดับ 3 ตามมาด้วยพอล เฟียร์นักขับเจ้าถิ่นในสังกัดทีมเฟอร์รารี่เช่นกันเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของเฟอร์รารี่อีกสนามหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 8 และสเตอร์ลิง มอสส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 โดยเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 30 ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอสนามนี้ต้องออกจากการแข่งขันไปเนื่องจากระบบเกียร์พังในรอบที่ 23

สนามที่ 5 รายการฝรั่งเศส กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม ปีเตอร์ คอลลินส์นักขับเจ้าถิ่นสามารถคว้าแชมป์ติดต่อกัน 2 สนามซ้อนและเป็นอีกสนามที่ทีมเฟอร์รารี่สามารถเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 โดยอูเจนิโอ คาสเตลลอตติตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ทำเวลาตามหลังเพียง 0.3 วินาทีเท่านั้น ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอที่คว้าโพล โพสิชั่นได้ไปเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 โดยเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 61 ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย

สนามที่ 6 รายการอังกฤษ กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคมรวม 101 รอบที่ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิตที่มีความยาวต่อรอบ 4.711 กิโลเมตร ฮวน มานูเอล ฟังจิโอที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 คว้าแชมป์ไปครองและเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของทีมเฟอร์รารี่เป็นสนามที่ 3 ติดต่อกันโดยอัลฟอนโซ่ ปอร์ตาโก้และปีเตอร์ คอลลินส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนสเตอร์ลิง มอสส์ที่คว้าโพล โพสิชั่นและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดต้องออกจากสนามไปเนื่องจากระบบเพลาเสียหายในรอบที่ 94

สนามที่ 7 รายการเยอรมนี กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันที่นัวบวร์กริ่ง เซอร์กิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคมรวม 22 รอบสนามที่มีความยาวต่อรอบ 22.810 กิโลเมตร ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ติดต่อกันสองสนามซ้อนและสนามนี้สร้างผลงานได้อย่างครบเครื่องด้วยการเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 14 หลังจากคว้าโพล โพสิชั่นได้ สเตอร์ลิง มอสส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 และอันดับ 3-4-5 เป็นของทีมมาเซราติทั้งหมดซึ่งสนามนี้มีรถแข่งจบการแข่งขันทั้งหมดเพียง 5 คันเท่านั้นโดยมีรถเข้าแข่งขันรวม 18 คัน

สนามปิดฉากฤดูกาล 1956 ที่ศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่มอนซ่า เซอร์กิต แข่งขันรวม 50 รอบสนามของความยาวต่อรอบ 10 กิโลเมตร สเตอร์ลิง มอสส์คว้าแชมป์ไปครองหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 6 และเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 47 ปีเตอร์ คอลลินส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ในรังของเฟอร์รารี่โดยขับร่วมกับฮวน มานูเอล ฟังจิโอและส่งผลให้ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันโดยมีคะแนนสะสมรวม 30 แต้ม สเตอร์ลิง มอสส์ติดอันดับ 2 เก็บคะแนนได้ 27 แต้ม ปีเตอร์ คอลลินส์อันดับ 3 มี 25 แต้ม

By : C. Methas - Managing Editor

หลังจากคว้าแชมป์ครั้งแรกในชีวิตเอฟ-วันของฮวน มานูเอล ฟังจิโอนักแข่งชาวอาร์เจนติน่าในปีค.ศ. 1951 ในสังกัดทีมอัลฟ่า โรเมโอแล้วมาคว้าแชมป์ติดต่อกัน 2 สมัยซ้อนในสังกัดทีมเมอเซเดส-เบนซ์ช่วงปีค.ศ. 1954-1955 ก่อนที่ทีมเมอเซเดส-เบนซ์จะถอนตัวออกจากการแข่งขันไปในปีต่อมา

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอได้ย้ายไปขับให้กับทีมเฟอร์รารี่ในปีค.ศ. 1956 และสามารถคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันและเป็นแชมป์สมัยที่ 4 ของนักแข่งจากอาร์เจนติน่า ปีต่อมาสามารถคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 5 กลายเป็นตำนานเอฟ-วันที่สร้างสถิติคว้าแชมป์สูงสุดอยู่หลายปีจนกระทั่งมาถูกมิคาเอล ชูมัคเกอร์ทำลายสถิติลง

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์โลกได้ในปีค.ศ. 1956 ขณะมีอายุ 45 ปี 70 วัน แข่งขันทั้งหมด 7 สนามสามารถกวาดแชมป์มาได้ 3 สนามและคว้าโพล โพสิชั่นได้ 6 สนาม ส่วนสเตอร์ลิง มอสส์นักแข่งชาวอังกฤษอดีตเพื่อนร่วมทีมเมอเซเดส-เบนซ์ได้ย้ายไปขับให้กับทีมมาเซราติสามารถคว้ารองแชมป์ได้ด้วยวัยเพียง 26 ปี 351 วัน ลงแข่งขันทั้งหมด 7 สนามคว้าแชมป์ได้ 2 สนามและคว้าโพล โพสิชั่นได้ 1 สนาม

ส่วนปีเตอร์ คอลลินส์นักแข่งจากอังกฤษเพื่อนร่วมทีมเฟอร์รารี่ติดอันดับ 3 ในตารางประเภทผู้ขับ ลงแข่งขัน 7 สนามสามารถคว้าแชมป์ได้ 2 สนาม

การแข่งขันในปีค.ศ. 1956 ยังคงประเดิมสนามแรกกันที่ศึกอาร์เจนติน่า กรังด์ปรีซ์ แข่งขันเมื่อวันที่ 22 มกราคมรวม 98 รอบ ฮวน มานูเอล ฟังจิโอร่วมกับลุยจิ มัสโซ่คว้าแชมป์ไปครองและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 42

สนามที่ 2 ประจำฤดูกาล 1956 ยังคงเป็นศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์เช่นเดียวกับปีก่อนหน้านี้ สเตอร์ลิง มอสส์มาคว้าแชมป์ให้กับทีมมาเซราติหลังจากแข่งขันครบ 100 รอบของเซอร์กิตปิดถนนในนครมอนติ คาร์โล่โดยออกสตาร์ทจากอันดับ 2 ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอและปีเตอร์ คอลลินส์ผลัดกันขับออกสตาร์ทจากอันดับ 9 ไปเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 โดยเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบสุดท้ายและอันดับ 3 เป็นของนักขับจากทีมมาเซราติอีกคันขับโดยฌอง เบห์รา นักขับจากฝรั่งเศส

สนามที่ 3 เป็นรายการแข่งขันอินเดียน่าโปลิส 500 ปีนี้มีทีมส่งลงแข่งขันเพิ่มมากขึ้นหลายทีมแตกต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ทีมเคอร์ตีส คราฟท์ครองแชมป์ไปได้ทั้งหมดใน 10 อันดับแรก ในปีนี้ทีมวัตสันสามารถโค่นบัลลังก์แชมป์เก่าได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อินเดียน่าโปลีส 500 แต่ยังคงใช้เครื่องยนต์ของ Offenhauser เช่นเดียวกับทีมเคอร์ตีส คราฟท์ที่เข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นของทีมฟิลิปส์ซึ่งรายการนี้เป็นการแข่งขันของทีมจากสหรัฐอเมริกาทั้งหมดเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา

สนามที่ 4 รายการเบลเยี่ยน กรังด์ปรีซ์ ทำการแข่งขันในวันที่ 3 มิถุนายนที่สปา ฟรังโกชองส์รวม 36 รอบ ปีเตอร์ คอลลินส์คว้าแชมป์แรกได้ในแบบขับเดี่ยวให้กับทีมเฟอร์รารี่บนเซอร์กิตที่มีความยาวต่อรอบถึง 14.120 กิโลเมตรโดยออกสตาร์ทจากอันดับ 3 ตามมาด้วยพอล เฟียร์นักขับเจ้าถิ่นในสังกัดทีมเฟอร์รารี่เช่นกันเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของเฟอร์รารี่อีกสนามหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 8 และสเตอร์ลิง มอสส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 โดยเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 30 ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอสนามนี้ต้องออกจากการแข่งขันไปเนื่องจากระบบเกียร์พังในรอบที่ 23

สนามที่ 5 รายการฝรั่งเศส กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม ปีเตอร์ คอลลินส์นักขับเจ้าถิ่นสามารถคว้าแชมป์ติดต่อกัน 2 สนามซ้อนและเป็นอีกสนามที่ทีมเฟอร์รารี่สามารถเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 โดยอูเจนิโอ คาสเตลลอตติตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ทำเวลาตามหลังเพียง 0.3 วินาทีเท่านั้น ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอที่คว้าโพล โพสิชั่นได้ไปเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 โดยเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 61 ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย

สนามที่ 6 รายการอังกฤษ กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคมรวม 101 รอบที่ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิตที่มีความยาวต่อรอบ 4.711 กิโลเมตร ฮวน มานูเอล ฟังจิโอที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 คว้าแชมป์ไปครองและเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของทีมเฟอร์รารี่เป็นสนามที่ 3 ติดต่อกันโดยอัลฟอนโซ่ ปอร์ตาโก้และปีเตอร์ คอลลินส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนสเตอร์ลิง มอสส์ที่คว้าโพล โพสิชั่นและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดต้องออกจากสนามไปเนื่องจากระบบเพลาเสียหายในรอบที่ 94

สนามที่ 7 รายการเยอรมนี กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันที่นัวบวร์กริ่ง เซอร์กิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคมรวม 22 รอบสนามที่มีความยาวต่อรอบ 22.810 กิโลเมตร ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ติดต่อกันสองสนามซ้อนและสนามนี้สร้างผลงานได้อย่างครบเครื่องด้วยการเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 14 หลังจากคว้าโพล โพสิชั่นได้ สเตอร์ลิง มอสส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 และอันดับ 3-4-5 เป็นของทีมมาเซราติทั้งหมดซึ่งสนามนี้มีรถแข่งจบการแข่งขันทั้งหมดเพียง 5 คันเท่านั้นโดยมีรถเข้าแข่งขันรวม 18 คัน

สนามปิดฉากฤดูกาล 1956 ที่ศึกอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่มอนซ่า เซอร์กิต แข่งขันรวม 50 รอบสนามของความยาวต่อรอบ 10 กิโลเมตร สเตอร์ลิง มอสส์คว้าแชมป์ไปครองหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 6 และเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 47 ปีเตอร์ คอลลินส์ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ในรังของเฟอร์รารี่โดยขับร่วมกับฮวน มานูเอล ฟังจิโอและส่งผลให้ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันโดยมีคะแนนสะสมรวม 30 แต้ม สเตอร์ลิง มอสส์ติดอันดับ 2 เก็บคะแนนได้ 27 แต้ม ปีเตอร์ คอลลินส์อันดับ 3 มี 25 แต้ม

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!