จารึกตำนานรถแข่งสูตร 1 : ประวัติศึกฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ช่วงแรกปีที่ 1 ค.ศ. 1950 (ตอนที่ 1) -Giuseppe Nino Farina คว้าแชมป์ไปครองให้กับ Alfa Romeo ทั้งคว้าโพลฯ, คว้าแชมป์และทำความเร็วต่อรอบเร็วที่สุด


By : C. Methas – Managing Editor

1racing_flag

Giuseppe Nino Farina คว้าแชมป์ไปครองให้กับ Alfa Romeo ทั้งคว้าโพลฯ, คว้าแชมป์และทำความเร็วต่อรอบเร็วที่สุด ทีม Alfa Romeo ผ่านธงตราหมากรุกอันดับ 1-2-3

niki-lauda-victory-montecarlo

ประวัติศาสตร์ของรายการแข่งรถฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ได้เริ่มทำการแข่งขันในปี ค.ศ. 1950 ประเดิมเปิดฉากดวลล้อกันที่ศึกบริติช กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1950 ตามมาด้วยศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1950

ในปีแรกของศึกฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ ทีมเฟอร์รารี่มีนักแข่งประจำทีมประกอบด้วย Alberto Ascari, Luigi Villorersi และRaymond Sommer ใช้รถแข่งรหัส 275 F1 และ 340 F1 แต่ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ได้

ในปี ค.ศ.1950 สนามแรกรายการบริติช กรังด์ปรีซ์ Giuseppe Nino Farina ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและคว้าแชมป์ประจำรายการไปครอง นอกจากนี้ยังเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดโดยลงขับในสังกัดทีม Alfa Romeo และนักขับประจำทีมทั้ง 3 รายสามารถเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2-3

cropwm

ทีมเฟอร์รารี่ส่งรถแข่งลงแข่งขันในสนามต่อมาที่ศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์ สนามแรกที่ทำการแข่งขันเกินกว่า 100 รอบจัดการแข่งขันที่มอนติ คาร์โล เซอร์กิต สนามปิดถนนแข่งขันที่ยังคงได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมระยะทางทั้งสิ้น 318.1 กิโลเมตรหรือ 197.1 ไมล์

Juan Manuel Fangio มาคว้าแชมป์ให้กับทีม Alfa Romeo หลังจากออกสตาร์ทจากโพล โพสิชั่น ตามมาด้วย Alberto Ascari ในสังกัดทีม Ferrari และอันดับ 3 เป็นของ Louis Chiron จากทีม Maserati ส่วน Giuseppe Nino Farina แชมป์สนามเปิดฤดูกาลประสบอุบัติเหตุต้องออกจากสนามไปตั้งแต่ออกสตาร์ทโดยออกสตาร์ทจากอันดับ 2

carlos-reutemann-and-gilles-villeneuve-at-brands-hatch-for-the-british-grand-prix

สนามที่ 3 ย้ายไปแข่งขันที่สหรัฐอเมริกาในรายการ Indianapolis 500 มีเฉพาะทีมแข่งและนักแข่งของสหรัฐฯ ลงแข่งขันเท่านั้น

สนามที่ 4 รายการสวิส กรังด์ปรีซ์ ทำการแข่งขันที่ Circuit Bremgarten ในวันที่ 4 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1950 Juan Manuel Fangio คว้าโพล โพสิชั่นได้อีกสนาม แต่แชมป์ตกเป็นของ Giuseppe Nino Farina ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 และเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของทีม Alfa Romeo ซึ่ง Luigi Fagioli ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นของ Louis Rosier ลงแข่งในสังกัดทีม Talbot-Lago-Talbot

ส่วนทีมเฟอร์รารี่ออกสตาร์ทจากอันดับ 4-5 ขับโดย Luigi Villoresi และ Alberto Ascari ตามลำดับแต่ต้องออกจากการแข่งขันไปทั้งคู่ในรอบที่ 20 และ 22 เนื่องจากปัญหาเครื่องยนต์และระบบจ่ายเชื้อเพลิง

1951-ferrari-type-195-inter

สนามที่ 5 รายการเบลเยี่ยม กรังด์ปรีซ์แข่งขันที่สปา ฟรังโกชองส์ เซอร์กิตเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1950 ระยะทางต่อรอบ 14.120 กิโลเมตรแข่งขันรวม 35 รอบสนามระยะทางรวม 494.2 กิโลเมตรหรือ 308.875 ไมล์ Giuseppe Nino Farina เป็นนักขับที่คว้าโพล โพสิชั่นได้และเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 18

แต่ Juan Manuel Fangio มาคว้าแชมป์ประจำรายการไปครอง ตามมาด้วย Luigi Fagioli ในสังกัดทีม Alfa Romeo ทั้งคู่ ส่วนอันดับ 3 เป็นของ Louis Rosier ลงแข่งในสังกัดทีม Talbot-Lago-Talbot รายการนี้มีนักแข่งลงแข่งขันเพียง 30 รายและจบการแข่งขันเพียง 10 รายเท่านั้น

รายการนี้ทีมเฟอร์รารี่เรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 4-5 โดย Alberto Ascari ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 7 เก็บได้ 2 แต้มและ Luigi Villoresi ออกสตาร์ทจากอันดับ 4 จบการแข่งขันในอันดับ 5

1951-ferrari-type-195-inter1

สนามที่ 6 รายการเฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันที่ Reims-Gueux ในวันที่ 2 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1950 แข่งขันรวม 64 รอบสนาม ระยะทางรวม 500.160 กิโลเมตรหรือ 310.785 ไมล์ Juan Manuel Fangio สร้างผลงานได้ครบเครื่องด้วยการคว้าแชมป์หลังจากคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 7

ตามมาด้วย Luigi Fagioli เพื่อนร่วมทีม ส่วนอันดับ 3 เป็นของ Peter Whitehead ลงแข่งในสังกัดทีมเฟอร์รารี่ซึ่งเป็นการทำผลงานได้เกินคาดหลังจากออกสตาร์ทจากท้ายแถวสุดในอันดับที่ 19 ส่วน Alberto Ascari และ Luigi Villorersi ถอนตัวออกจากการแข่งขัน

clay-regazzoni

สนามที่ 7 รายการอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์แข่งขันในวันที่ 3 กันยายน ปี ค.ศ. 1950 ที่ Monza Circuit สนามปิดฤดูกาลของปีแรกการแข่งขันฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ ระยะต่อรอบ 6.300 กิโลเมตร แข่งขันรวม 80 รอบสนามระยะทางรวม 504.000 กิโลเมตรหรือ 313.171 ไมล์

Juan Manuel Fangio คว้าโพล โพสิชั่นไปครองและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 7 แต่แชมป์ตกเป็นของ Giuseppe Nino Farina ส่วนอันดับ 2 ทีมเฟอร์รารี่สามารถคว้ามาได้จากการขับของ Dorino Serafini และ Alberto Ascari ซึ่งเป็นการเข้าเส้นชัยพร้อมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของฟอร์มูล่า-วันและอันดับ 3 เป็นของ Luigi Fagioli จากทีม Alfa Romeo

willy-mairesse-at-italian-gp

สนามปิดฤดูกาลของศึกฟอร์มูล่า-วันสมัยใหม่ปีแรกที่รายการอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ ทีมเฟอร์รารี่ส่งนักแข่งลงแข่งขันถึง 4 คันและในปีแรกนี้ทีม Alfa Romeo สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปครองโดย Giuseppe Nino Farina นักแข่งสัญชาติอิตาลีคว้าแชมป์โลกประเภทผู้ขับเก็บคะแนนได้รวม 30 แต้ม รองแชมป์ตกเป็นของ Juan Manuel Fangio นักแข่งสัญชาติอาร์เจนติน่าในสังกัดทีม Alfa Romeo เก็บแต้มได้ 27 แต้มและอันดับ 3 เป็นของ Luigi Fagioli นักขับสัญชาติอิตาลีจากทีม Alfa Romeo เก็บแต้มได้ 24 แต้ม

By : C. Methas - Managing Editor

1racing_flag

Giuseppe Nino Farina คว้าแชมป์ไปครองให้กับ Alfa Romeo ทั้งคว้าโพลฯ, คว้าแชมป์และทำความเร็วต่อรอบเร็วที่สุด ทีม Alfa Romeo ผ่านธงตราหมากรุกอันดับ 1-2-3

niki-lauda-victory-montecarlo

ประวัติศาสตร์ของรายการแข่งรถฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ได้เริ่มทำการแข่งขันในปี ค.ศ. 1950 ประเดิมเปิดฉากดวลล้อกันที่ศึกบริติช กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1950 ตามมาด้วยศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1950

ในปีแรกของศึกฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ ทีมเฟอร์รารี่มีนักแข่งประจำทีมประกอบด้วย Alberto Ascari, Luigi Villorersi และRaymond Sommer ใช้รถแข่งรหัส 275 F1 และ 340 F1 แต่ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ได้

ในปี ค.ศ.1950 สนามแรกรายการบริติช กรังด์ปรีซ์ Giuseppe Nino Farina ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและคว้าแชมป์ประจำรายการไปครอง นอกจากนี้ยังเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดโดยลงขับในสังกัดทีม Alfa Romeo และนักขับประจำทีมทั้ง 3 รายสามารถเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2-3

cropwm

ทีมเฟอร์รารี่ส่งรถแข่งลงแข่งขันในสนามต่อมาที่ศึกโมนาโก กรังด์ปรีซ์ สนามแรกที่ทำการแข่งขันเกินกว่า 100 รอบจัดการแข่งขันที่มอนติ คาร์โล เซอร์กิต สนามปิดถนนแข่งขันที่ยังคงได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมระยะทางทั้งสิ้น 318.1 กิโลเมตรหรือ 197.1 ไมล์

Juan Manuel Fangio มาคว้าแชมป์ให้กับทีม Alfa Romeo หลังจากออกสตาร์ทจากโพล โพสิชั่น ตามมาด้วย Alberto Ascari ในสังกัดทีม Ferrari และอันดับ 3 เป็นของ Louis Chiron จากทีม Maserati ส่วน Giuseppe Nino Farina แชมป์สนามเปิดฤดูกาลประสบอุบัติเหตุต้องออกจากสนามไปตั้งแต่ออกสตาร์ทโดยออกสตาร์ทจากอันดับ 2

carlos-reutemann-and-gilles-villeneuve-at-brands-hatch-for-the-british-grand-prix

สนามที่ 3 ย้ายไปแข่งขันที่สหรัฐอเมริกาในรายการ Indianapolis 500 มีเฉพาะทีมแข่งและนักแข่งของสหรัฐฯ ลงแข่งขันเท่านั้น

สนามที่ 4 รายการสวิส กรังด์ปรีซ์ ทำการแข่งขันที่ Circuit Bremgarten ในวันที่ 4 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1950 Juan Manuel Fangio คว้าโพล โพสิชั่นได้อีกสนาม แต่แชมป์ตกเป็นของ Giuseppe Nino Farina ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 และเป็นการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 ของทีม Alfa Romeo ซึ่ง Luigi Fagioli ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นของ Louis Rosier ลงแข่งในสังกัดทีม Talbot-Lago-Talbot

ส่วนทีมเฟอร์รารี่ออกสตาร์ทจากอันดับ 4-5 ขับโดย Luigi Villoresi และ Alberto Ascari ตามลำดับแต่ต้องออกจากการแข่งขันไปทั้งคู่ในรอบที่ 20 และ 22 เนื่องจากปัญหาเครื่องยนต์และระบบจ่ายเชื้อเพลิง

1951-ferrari-type-195-inter

สนามที่ 5 รายการเบลเยี่ยม กรังด์ปรีซ์แข่งขันที่สปา ฟรังโกชองส์ เซอร์กิตเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1950 ระยะทางต่อรอบ 14.120 กิโลเมตรแข่งขันรวม 35 รอบสนามระยะทางรวม 494.2 กิโลเมตรหรือ 308.875 ไมล์ Giuseppe Nino Farina เป็นนักขับที่คว้าโพล โพสิชั่นได้และเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 18

แต่ Juan Manuel Fangio มาคว้าแชมป์ประจำรายการไปครอง ตามมาด้วย Luigi Fagioli ในสังกัดทีม Alfa Romeo ทั้งคู่ ส่วนอันดับ 3 เป็นของ Louis Rosier ลงแข่งในสังกัดทีม Talbot-Lago-Talbot รายการนี้มีนักแข่งลงแข่งขันเพียง 30 รายและจบการแข่งขันเพียง 10 รายเท่านั้น

รายการนี้ทีมเฟอร์รารี่เรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 4-5 โดย Alberto Ascari ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 7 เก็บได้ 2 แต้มและ Luigi Villoresi ออกสตาร์ทจากอันดับ 4 จบการแข่งขันในอันดับ 5

1951-ferrari-type-195-inter1

สนามที่ 6 รายการเฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันที่ Reims-Gueux ในวันที่ 2 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1950 แข่งขันรวม 64 รอบสนาม ระยะทางรวม 500.160 กิโลเมตรหรือ 310.785 ไมล์ Juan Manuel Fangio สร้างผลงานได้ครบเครื่องด้วยการคว้าแชมป์หลังจากคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 7

ตามมาด้วย Luigi Fagioli เพื่อนร่วมทีม ส่วนอันดับ 3 เป็นของ Peter Whitehead ลงแข่งในสังกัดทีมเฟอร์รารี่ซึ่งเป็นการทำผลงานได้เกินคาดหลังจากออกสตาร์ทจากท้ายแถวสุดในอันดับที่ 19 ส่วน Alberto Ascari และ Luigi Villorersi ถอนตัวออกจากการแข่งขัน

clay-regazzoni

สนามที่ 7 รายการอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์แข่งขันในวันที่ 3 กันยายน ปี ค.ศ. 1950 ที่ Monza Circuit สนามปิดฤดูกาลของปีแรกการแข่งขันฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ ระยะต่อรอบ 6.300 กิโลเมตร แข่งขันรวม 80 รอบสนามระยะทางรวม 504.000 กิโลเมตรหรือ 313.171 ไมล์

Juan Manuel Fangio คว้าโพล โพสิชั่นไปครองและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 7 แต่แชมป์ตกเป็นของ Giuseppe Nino Farina ส่วนอันดับ 2 ทีมเฟอร์รารี่สามารถคว้ามาได้จากการขับของ Dorino Serafini และ Alberto Ascari ซึ่งเป็นการเข้าเส้นชัยพร้อมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของฟอร์มูล่า-วันและอันดับ 3 เป็นของ Luigi Fagioli จากทีม Alfa Romeo

willy-mairesse-at-italian-gp

สนามปิดฤดูกาลของศึกฟอร์มูล่า-วันสมัยใหม่ปีแรกที่รายการอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์ ทีมเฟอร์รารี่ส่งนักแข่งลงแข่งขันถึง 4 คันและในปีแรกนี้ทีม Alfa Romeo สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปครองโดย Giuseppe Nino Farina นักแข่งสัญชาติอิตาลีคว้าแชมป์โลกประเภทผู้ขับเก็บคะแนนได้รวม 30 แต้ม รองแชมป์ตกเป็นของ Juan Manuel Fangio นักแข่งสัญชาติอาร์เจนติน่าในสังกัดทีม Alfa Romeo เก็บแต้มได้ 27 แต้มและอันดับ 3 เป็นของ Luigi Fagioli นักขับสัญชาติอิตาลีจากทีม Alfa Romeo เก็บแต้มได้ 24 แต้ม

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!