By : C. Methas - Managing Editor
ศึกดักการ์ แรลลี่ สเตจ 10 รีสตาร์ทกันใหม่อีกครั้งในวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากยกเลิกการแข่งขันต่อเนื่องจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนหนักตลอด 4-5 วัน เส้นทางแข่งขันทั้งโคลนและหินถล่มจากภูเขา ในที่สุดสเตจ 10 ดำเนินการแข่งต่อจากเมืองชิเลคาซิโตไปยังเมืองซาน ฮวนในประเทศอาร์เจนติน่า
ระหว่างการแข่งขันเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันโดยทางสเตฟาน ปีเตอร์อองซาลกล่าวว่ามาเป็นเมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของ ไซมอน มาร์ซิชได้พุ่งเข้ามาและเกิดปะทะกันและมอเตอร์ไซค์ล้มลงและขาข้างซ้ายหัก ส่วนทางปีเตอร์อองเซลได้หยุดรถและลงมาให้ความช่วยเหลือซึ่งเวลาการแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป
“ขณะที่เขาเข้ามาผมเห็นเขาเบรกอย่างแรงและก็ชนกัน ผมเห็นขาเขาหัก ผมจึงตัดสินใจหยุดรถเพื่อจัดการแจ้งเหตุ การดำเนินการช่วงนั้นราว 15-20 นาทีเพื่อรอให้เฮลิคอปเตอร์มารับเขาไป” ปีเตอร์อองเซลกล่าว
ในช่วงที่จัดการประสานงานแจ้งจุดเกิดอุบัติเหตุและรอจนกว่าเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินมาให้ความช่วยเหลือรับผู้บาดเจ็บขึ้นเครื่องไปเรียบร้อยจึงได้แข่งต่อ
เหตุการณ์นี้ตามความเป็นจริงแล้วผู้ที่ทำเวลารวมเร็วที่สุดจะเป็นผู้คว้าแชมป์ประจำสเตจคือเซบาสเตียง โล๊ป แต่ทางกรรมการผู้จัดการแข่งขันเห็นว่า การแสดงความมีน้ำใจของสเตฟาน ปีเตอร์อองเซลนั้น ทางกรรมการไม่หักลบเวลาที่เสียไปกับการให้ความช่วยเหลือเพื่อนนักแข่งด้วยกัน ส่งผลให้แชมป์สเตจนี้ตกเป็นของปีเตอร์อองเซลทันที ตามมาด้วยเซบาสเตียง โล๊ป
ทางด้านมิคโค ไฮร์โวเน่นจากทีมมินิเจอปัญหาไปเสียเวลานานกับการไต่ขึ้นเนินบนเส้นทางเดียวกับรถบรรทุกซึ่งเป็นเนินระดับสูงชันที่รถบรรทุกผ่าน ท้ายที่สุดอันดับร่วงไม่ติดท็อป 10 โดยเสียเวลาไปกว่า 2 นาที
สรุปโอเวอร์ออล ปีเตอร์อองเซลขึ้นนำหัวแถว ตามมาด้วยเซบาสเตียง โล๊ป ประเภทมอเตอร์ไซค์ มิเชล เมทจ์คว้าแชมป์สเตจแรกในรายการนี้ ผู้นำยังเป็นของแซม ซันเดอร์แลนด์จากทีม KTM ซึ่งนำ 3 อันดับแรก
ประเภทรถบรรทุก Eduard Nikolaew คว้าแชมป์สเตจนี้ทำเวลานำหน้า Dmitry Sothnikov เพื่อนร่วมทีม Kamaz Nikolaew อดีตแชมป์รถบรรทุกดักการ์ แรลลี่ปี 2013 เร็วสุดสเตจ 10 ระยะทาง 449 กิโลเมตร ส่วนผู้นำ Gerard de Rooy ประสบปัญหาเสียเวลากว่า 10 นาทีที่ CP1 และเสียเวลารวมไปกว่า 23 นาทีหล่นไปอยู่ที่ 3