By : C. Methas – Executive Editor
ปอร์เช่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ด้วยการเปิดตัวสปอร์ตคูเป้ 4 ประตูพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคตแม้ว่าจะยังไม่ประกาศแผนการนำเข้าสู่สายการผลิต รุ่น Mission E ออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ กรอบไฟหน้ารูปทรงเรียวยาวแบบ 4 ดวงเป็นไฟแบบ 3 มิติ กรอบไฟท้ายรูปทรงเหลี่ยมแนวยาว แผงสปอยเลอร์หน้ามีช่องดักอากาศตรงกลางและสปริตเตอร์ ช่องดักอากาศด้านข้างต่อเนื่องถึงกรอบไฟหน้า
หลังซุ้มล้อหน้ามีช่องระบายอากาศสำหรับล้อที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ กระทะล้อลวดลาย 6 ก้านคู่ ด้านหน้า ขนาด 21 นิ้ว ด้านหลัง ขนาด 22 นิ้วใต้พื้นรถติดแผงจัดระเบียบอากาศส่วนด้านข้างซ้ายเป็นช่องเสียบปลั๊กสำหรับชาร์จแบตเตอรี่โดยใช้เวลาในการชาร์จพลังงานได้ 80 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลาเพียง 15 นาที
ห้องโดยสารขนาด 4 ที่นั่งออกแบบตกแต่งล้ำอนาคตจอแสดงผลเทคโนโลยี่ Holographic Display เป็นภาพแบบ 3 มิติขั้นสูงแบบ Hologram ควบคุมด้วยคำสั่งจากท่าทางของมือโดยแผงหน้าปัดแบบดิจิตอลจำนวน 5 จอ
ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบกระแสสลับแม่เหล็กถาวร PMSM(Permanent Magnet Synchronous Motors) จำนวน 2 ชุดติดตั้งที่เพลาด้านหน้าและเพลาด้านหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้ได้พัฒนาต่อเนื่องจากที่วางไว้ในรถแข่งพลังงานไฮบริดของปอร์เช่ รุ่น 919 Hybrid ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้ารวมให้แรงม้าสูงสุด 600 แรงม้า ขับขี่ได้ระยะทาง 311 ไมล์หรือ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็มโดยแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธี่ยม-ไอออนจำนวน 2 ชุดวางตามแนวยาวใต้พื้นรถเพื่อผลทางด้านจุดศูนย์ถ่วงต่ำและการกระจายน้ำหนักระหว่างหน้า/หลัง
สมรรถนะการทำความเร็ว จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 3.5 วินาที, จาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาต่ำกว่า 12 วินาทีและความเร็วสูงสุดจำกัดด้วยอิเล็กทรอนิคส์ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับขี่ได้ระยะทาง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม
Mission E สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ขนาด 4 ที่นั่งพลังงานไฟฟ้าทางผู้บริหารของปอร์เช่เคยประกาศว่าทางปอร์เช่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแข่งกับค่ายเทสล่าแห่งอเมริกาเหนือซึ่งต้นแบบรุ่นนี้เริ่มแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของปอร์เช่ที่ก้าวหน้าไปกว่าการผลิตสปอร์ตพลังงานไฮบริด
By : C. Methas - Executive Editor
ปอร์เช่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ด้วยการเปิดตัวสปอร์ตคูเป้ 4 ประตูพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคตแม้ว่าจะยังไม่ประกาศแผนการนำเข้าสู่สายการผลิต รุ่น Mission E ออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์ กรอบไฟหน้ารูปทรงเรียวยาวแบบ 4 ดวงเป็นไฟแบบ 3 มิติ กรอบไฟท้ายรูปทรงเหลี่ยมแนวยาว แผงสปอยเลอร์หน้ามีช่องดักอากาศตรงกลางและสปริตเตอร์ ช่องดักอากาศด้านข้างต่อเนื่องถึงกรอบไฟหน้า
หลังซุ้มล้อหน้ามีช่องระบายอากาศสำหรับล้อที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ กระทะล้อลวดลาย 6 ก้านคู่ ด้านหน้า ขนาด 21 นิ้ว ด้านหลัง ขนาด 22 นิ้วใต้พื้นรถติดแผงจัดระเบียบอากาศส่วนด้านข้างซ้ายเป็นช่องเสียบปลั๊กสำหรับชาร์จแบตเตอรี่โดยใช้เวลาในการชาร์จพลังงานได้ 80 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลาเพียง 15 นาที
ห้องโดยสารขนาด 4 ที่นั่งออกแบบตกแต่งล้ำอนาคตจอแสดงผลเทคโนโลยี่ Holographic Display เป็นภาพแบบ 3 มิติขั้นสูงแบบ Hologram ควบคุมด้วยคำสั่งจากท่าทางของมือโดยแผงหน้าปัดแบบดิจิตอลจำนวน 5 จอ
ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบกระแสสลับแม่เหล็กถาวร PMSM(Permanent Magnet Synchronous Motors) จำนวน 2 ชุดติดตั้งที่เพลาด้านหน้าและเพลาด้านหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้ได้พัฒนาต่อเนื่องจากที่วางไว้ในรถแข่งพลังงานไฮบริดของปอร์เช่ รุ่น 919 Hybrid ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้ารวมให้แรงม้าสูงสุด 600 แรงม้า ขับขี่ได้ระยะทาง 311 ไมล์หรือ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็มโดยแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธี่ยม-ไอออนจำนวน 2 ชุดวางตามแนวยาวใต้พื้นรถเพื่อผลทางด้านจุดศูนย์ถ่วงต่ำและการกระจายน้ำหนักระหว่างหน้า/หลัง
สมรรถนะการทำความเร็ว จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 3.5 วินาที, จาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาต่ำกว่า 12 วินาทีและความเร็วสูงสุดจำกัดด้วยอิเล็กทรอนิคส์ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับขี่ได้ระยะทาง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม
Mission E สปอร์ตคูเป้ 4 ประตู ขนาด 4 ที่นั่งพลังงานไฟฟ้าทางผู้บริหารของปอร์เช่เคยประกาศว่าทางปอร์เช่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแข่งกับค่ายเทสล่าแห่งอเมริกาเหนือซึ่งต้นแบบรุ่นนี้เริ่มแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของปอร์เช่ที่ก้าวหน้าไปกว่าการผลิตสปอร์ตพลังงานไฮบริด
