The Legends of Automobile-ตอนที่ 80 BUGATTI-ซูเปอร์คาร์เชิงศาสตร์และศิลป์ “อัจฉริยะนอกรีต” สมญานามของ Ettore Bugatti (ภาคที่ 1)


By : C. Methas – Managing Editor

Bugatti ยี่ห้อรถยนต์ “บูกัตติ” ที่มีกำเนิดจากประเทศอิตาลีแต่ได้ย้ายฐานการผลิตไปอยู่ประเทศฝรั่งเศสจนกลายเป็นค่ายรถยนต์แห่งฝรั่งเศสไปโดยปริยายซึ่งเป็นค่ายสร้างรถสปอร์ตระดับซูเปอร์คาร์หรูสุดและแรงสุดของโลกที่หลายค่ายผลิตรถสปอร์ตต่างพยายามโค่นสถิติทั้งในเรื่องของขุมพลังเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังแรงม้ามากที่สุดในโลก ความเร็วต้นและความเร็วปลายสูงสุดในโลกรวมทั้งเป็นรถสปอร์ตที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

บูกัตติก่อตั้งขึ้นโดย Ettore Bugatti เขามีชื่อเต็มอย่างเป็นทางการว่า Ettore Arco Isidoro Bugatti กำเนิดที่เมืองมิลาน, ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 15 กันยายน ปีค.ศ. 1881 หรือปีพ.ศ. 2424 เป็นบุตรชายของ Carlo Bugatti ที่มีอายุระหว่างปีค.ศ. 1856-1940 เป็นนักออกแบบแนวศิลป์สมัยใหม่ (Art Nouveau) ทางด้านเฟอร์นิเจอร์และอัญมณี ศิลป์ในยุคนั้นได้ใช้ธรรมชาติเข้ามาร่วมในการออกแบบเป็นแนวคิดใหม่ในยุคนั้น เช่นนำลีลาเส้นสายของต้นไม้, กิ่งไม้และใบไม้มาเป็นรูปแบบหลักของศิลปะยุคนั้นเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเส้นสายพริ้วของสายลมแสงแดดซึ่งเป็นแนวคิดใหม่เชิงศิลป์

Ettore Arco Isidoro Bugatti เป็นบุตรคนที่ 2 ของครอบครัว พี่น้องของเขาเป็นศิลปินเช่นเดียวกับบิดาของเขาและปู่ของเขา แต่เขาได้แตกแนวไปศีกษาที่ Accademia die Belle Arti di Brera ในเมืองมิลาน

ต่อมาได้ย้ายฐานถิ่นและตั้งฐานบัญชาการใหญ่ที่เมืองมอลไซม์ (Molsheim) เมืองหลวงของจังหวัดบา-แร็ง, แคว้นอาลซัส (Alsace) ทางตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของประเทศฝรั่งเศสแถบบ้านเกิดของเซบาสเตียง โล๊ปเจ้าของแชมป์แรลลี่โลก 9 สมัยซ้อนที่เกิดในเมืองฮากนาว ในยุคนั้นแคว้นอาลซัส (Alsace) ขึ้นอยู่กับจักรวรรดิเยอรมันในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1871-1919

กำเนิดของค่ายบูกัตติแท้จริงและดั้งเดิม Ettore Bugatti ได้รับการยอมรับว่าเป็นบรรพบุรุษของวิศวกรรมยานยนต์ยุคใหม่อันล้ำสมัย เขาเป็นนักออกแบบและวิศวกรที่มีชื่อเสียงในการสร้างซูเปอร์คาร์ระดับหรูหราสูงสุดและร้อนแรงที่สุดของโลกยานยนต์ซึ่งได้ให้ความสำคัญต่อทุกรายละเอียดของชิ้นส่วนของรถยนต์ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานจนถึงขั้นสูงสุดของเทคโนโนโลยี่นวัตกรรมยานยนต์

Ettore Bugatti อายุได้ 17 ขวบได้ไปฝึกงานทำรถจักรยานและรถสามล้อที่โรงงานพริเน็ตติและสตัคชิซึ่งเป็นการประดิษฐ์รถ 3 ล้อติดเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นครั้งแรกอันเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมโลกยานยนต์พันธ์เดือดระดับหรูหราที่หาค่ายผลิตรถยนต์ค่ายอื่นเทียบไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้

รถยนต์แบบ 3 ล้อคันแรกของบูกัตติได้นำเครื่องยนต์ของ De Dion สองเครื่องมาติดตั้งในรถ 3 ล้อซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้นจนกลายเป็นค่ายผลิตเครื่องยนต์ไปโดยปริยายนอกจากผลิตรถยนต์หลายรุ่นด้วยกัน

ค่าย De Dion แห่งฝรั่งเศสมีชื่อเต็มว่า De Dion-Bouton เครื่องยนต์สำหรับมอเตอร์ไซค์ของค่าย De Dion-Bouton ได้รับความนิยมอย่างสูงและได้ผลิตเครื่องยนต์ป้อนให้กับบริษัทผลิตรถมอเตอร์ไซค์หลายราย เครื่องยนต์สำหรับมอเตอร์ไซค์ได้พัฒนาให้มีน้ำหนักเบา ค่ายผลิตมอเตอร์ไซค์มากกว่า 150 บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องยนต์จาก De Dion-Bouton ซึ่งเครื่องยนต์ได้พัฒนาระบบจุดระเบิดขึ้นใหม่เป็นแบบ Coil Ignition แทนระบบเดิมที่เป็นแบบ Hot Tube Ignition

เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการลอกเลียนแบบไปอย่างกว้างขวางรวมทั้งค่ายมอเตอร์ไซค์ดังของสหรัฐฯ US Brands Indian and Harley-Davidson หรือค่ายฮาร์เลย์-เดวิดสันซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน

ในยุคแรกตั้งแต่ปีค.ศ. 1900 ค่าย De Dion-Bouton ได้กลายเป็นค่ายผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตรถยนต์ออกมาจำนวน 400 คันและผลิตเครื่องยนต์ 3,200 เครื่องซึ่งเครื่องยนต์จะผลิตในแบบ “มือทำ” ผลิตที่ละเครื่องโดยในยุคนั้นยังไม่มีกระบวนการผลิตแบบสายพานการผลิต ในปีค.ศ. 1904 เครื่องยนต์ผลิตออกมาถึง 40,000 เครื่องและบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ในยุโรปเกือบทั้งหมดได้สั่งซื้อเครื่องจากค่ายนี้ (ก่อนที่จะมาตั้งค่ายผลิตสปอร์ตซูเปอร์คาร์ในปีค.ศ. 1909)

“อัจฉริยะนอกรีต” เป็นสมญานามของ Ettore Bugatti นักประดิษฐ์รถสปอร์ตที่มีแนวความคิดแปลกแหวกแนวที่ให้ความสำคัญต่อทุกชิ้นส่วนของรถยนต์โดยเฉพาะความโดดเด่นในเรื่องของ “น้ำหนักคือศัตรู” อันเป็นที่มาของเทคโนโลยี่ด้านวัสดุศาสตร์

บูกัตติแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในเรื่องนวัตกรรมยานยนต์และการออกแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คลาสสิคหาที่เปรียบไม่ได้ในโลกยานยนต์ แต่เจอปัญหาอย่างมากมายตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศเยอรมนีประสบกับความพ่ายแพ้สงครามเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในเยอมนี

โรงงานผลิตสปอร์ตซูเปอร์คาร์ของบูกัตติได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และท้ายที่สุดต้องขายกิจการไปให้กับค่าย Hispano-Suiza แห่งสเปนในปีค.ศ. 1963 ต่อมาได้ขายกิจการไปให้กับบริษัทผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินของฝรั่งเศสที่ชื่อว่า Snecma

วิกฤติของบูกัตติไม่ได้จบบริบูรณ์ลงที่ Snecma ในปีค.ศ. 1968 ค่าย Hispano-Suiza กับ Snecma ได้ร่วมกันตั้งบริษัทนามใหม่ว่า Messier-Bugatti ก่อนที่จะเข้าไปอยู่ภายใต้การควบคุมของ Romano Artioli ที่มีชื่อเสียงเรียงนามสไตล์อิตาเลี่ยนเต็มรูปแบบซึ่งเป็นนักลงทุนแห่งแผ่นดินรองเท้าบูทแถบเมดิเตอร์เรเนี่ยนและได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Bugatti AutomobiliSpA

ค่ายผลิตรถยนต์ที่มีกำเนิดจากชาวอิตาเลี่ยนรายนี้ท้ายที่สุดได้กลับคืนสู่แผ่นดินแม่ในนามของ Bugatti AutomobiliSpA เช่นเดียวกับค่ายไครสเลอร์ที่ก่อตั้งโดยผู้สืบเชื้อสายจากอิตาลีได้ขายกิจการไปให้กับกลุ่มเฟี๊ยตยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ของอิตาลี แต่ปัจจุบัน “บูกัตติ” ได้เข้าไปอยู่ในเครือข่ายของกลุ่มโฟล์คสวาเก้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 1998

เรื่องราวของค่ายผลิตสปอร์ตซูเปอร์คาร์ที่มีกำเนิดจากอิตาลีแต่เข้าใจกันว่าเป็นค่ายผลิตรถสปอร์ตแห่งฝรั่งเศสยังมีเรื่องน่าติดตามอีกมากมายโดยเฉพาะในเรื่องของตำนานการผลิตรถแข่งที่ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ได้หลายรายการในยุคแรกของกีฬาแข่งรถที่บูกัตติโดดเด่นสูงสุด

นอกจากนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกสไตล์คลาสสิคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาถึงทุกวันนี้ด้วยรูปทรงกลมมนตลอดทั้งคันออกแนวสไตล์หรูคลาสสิคเสียมากกว่าความเป็นสปอร์ตโฉบเฉี่ยวจนได้รับการยอมรับว่าเป็นการออกแบบเชิงศิลป์และศาสตร์อันล้ำลึกหาที่เปรียบเสมอเหมือนมิได้ในสามโลกเลยทีเดียวเชียว

 

By : C. Methas - Managing Editor

Bugatti ยี่ห้อรถยนต์ “บูกัตติ” ที่มีกำเนิดจากประเทศอิตาลีแต่ได้ย้ายฐานการผลิตไปอยู่ประเทศฝรั่งเศสจนกลายเป็นค่ายรถยนต์แห่งฝรั่งเศสไปโดยปริยายซึ่งเป็นค่ายสร้างรถสปอร์ตระดับซูเปอร์คาร์หรูสุดและแรงสุดของโลกที่หลายค่ายผลิตรถสปอร์ตต่างพยายามโค่นสถิติทั้งในเรื่องของขุมพลังเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังแรงม้ามากที่สุดในโลก ความเร็วต้นและความเร็วปลายสูงสุดในโลกรวมทั้งเป็นรถสปอร์ตที่มีราคาแพงที่สุดในโลก

บูกัตติก่อตั้งขึ้นโดย Ettore Bugatti เขามีชื่อเต็มอย่างเป็นทางการว่า Ettore Arco Isidoro Bugatti กำเนิดที่เมืองมิลาน, ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 15 กันยายน ปีค.ศ. 1881 หรือปีพ.ศ. 2424 เป็นบุตรชายของ Carlo Bugatti ที่มีอายุระหว่างปีค.ศ. 1856-1940 เป็นนักออกแบบแนวศิลป์สมัยใหม่ (Art Nouveau) ทางด้านเฟอร์นิเจอร์และอัญมณี ศิลป์ในยุคนั้นได้ใช้ธรรมชาติเข้ามาร่วมในการออกแบบเป็นแนวคิดใหม่ในยุคนั้น เช่นนำลีลาเส้นสายของต้นไม้, กิ่งไม้และใบไม้มาเป็นรูปแบบหลักของศิลปะยุคนั้นเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเส้นสายพริ้วของสายลมแสงแดดซึ่งเป็นแนวคิดใหม่เชิงศิลป์

Ettore Arco Isidoro Bugatti เป็นบุตรคนที่ 2 ของครอบครัว พี่น้องของเขาเป็นศิลปินเช่นเดียวกับบิดาของเขาและปู่ของเขา แต่เขาได้แตกแนวไปศีกษาที่ Accademia die Belle Arti di Brera ในเมืองมิลาน

ต่อมาได้ย้ายฐานถิ่นและตั้งฐานบัญชาการใหญ่ที่เมืองมอลไซม์ (Molsheim) เมืองหลวงของจังหวัดบา-แร็ง, แคว้นอาลซัส (Alsace) ทางตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานของประเทศฝรั่งเศสแถบบ้านเกิดของเซบาสเตียง โล๊ปเจ้าของแชมป์แรลลี่โลก 9 สมัยซ้อนที่เกิดในเมืองฮากนาว ในยุคนั้นแคว้นอาลซัส (Alsace) ขึ้นอยู่กับจักรวรรดิเยอรมันในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1871-1919

กำเนิดของค่ายบูกัตติแท้จริงและดั้งเดิม Ettore Bugatti ได้รับการยอมรับว่าเป็นบรรพบุรุษของวิศวกรรมยานยนต์ยุคใหม่อันล้ำสมัย เขาเป็นนักออกแบบและวิศวกรที่มีชื่อเสียงในการสร้างซูเปอร์คาร์ระดับหรูหราสูงสุดและร้อนแรงที่สุดของโลกยานยนต์ซึ่งได้ให้ความสำคัญต่อทุกรายละเอียดของชิ้นส่วนของรถยนต์ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานจนถึงขั้นสูงสุดของเทคโนโนโลยี่นวัตกรรมยานยนต์

Ettore Bugatti อายุได้ 17 ขวบได้ไปฝึกงานทำรถจักรยานและรถสามล้อที่โรงงานพริเน็ตติและสตัคชิซึ่งเป็นการประดิษฐ์รถ 3 ล้อติดเครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นครั้งแรกอันเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมโลกยานยนต์พันธ์เดือดระดับหรูหราที่หาค่ายผลิตรถยนต์ค่ายอื่นเทียบไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้

รถยนต์แบบ 3 ล้อคันแรกของบูกัตติได้นำเครื่องยนต์ของ De Dion สองเครื่องมาติดตั้งในรถ 3 ล้อซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้นจนกลายเป็นค่ายผลิตเครื่องยนต์ไปโดยปริยายนอกจากผลิตรถยนต์หลายรุ่นด้วยกัน

ค่าย De Dion แห่งฝรั่งเศสมีชื่อเต็มว่า De Dion-Bouton เครื่องยนต์สำหรับมอเตอร์ไซค์ของค่าย De Dion-Bouton ได้รับความนิยมอย่างสูงและได้ผลิตเครื่องยนต์ป้อนให้กับบริษัทผลิตรถมอเตอร์ไซค์หลายราย เครื่องยนต์สำหรับมอเตอร์ไซค์ได้พัฒนาให้มีน้ำหนักเบา ค่ายผลิตมอเตอร์ไซค์มากกว่า 150 บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องยนต์จาก De Dion-Bouton ซึ่งเครื่องยนต์ได้พัฒนาระบบจุดระเบิดขึ้นใหม่เป็นแบบ Coil Ignition แทนระบบเดิมที่เป็นแบบ Hot Tube Ignition

เครื่องยนต์รุ่นนี้ได้รับการลอกเลียนแบบไปอย่างกว้างขวางรวมทั้งค่ายมอเตอร์ไซค์ดังของสหรัฐฯ US Brands Indian and Harley-Davidson หรือค่ายฮาร์เลย์-เดวิดสันซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน

ในยุคแรกตั้งแต่ปีค.ศ. 1900 ค่าย De Dion-Bouton ได้กลายเป็นค่ายผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตรถยนต์ออกมาจำนวน 400 คันและผลิตเครื่องยนต์ 3,200 เครื่องซึ่งเครื่องยนต์จะผลิตในแบบ “มือทำ” ผลิตที่ละเครื่องโดยในยุคนั้นยังไม่มีกระบวนการผลิตแบบสายพานการผลิต ในปีค.ศ. 1904 เครื่องยนต์ผลิตออกมาถึง 40,000 เครื่องและบริษัทผลิตมอเตอร์ไซค์ในยุโรปเกือบทั้งหมดได้สั่งซื้อเครื่องจากค่ายนี้ (ก่อนที่จะมาตั้งค่ายผลิตสปอร์ตซูเปอร์คาร์ในปีค.ศ. 1909)

“อัจฉริยะนอกรีต” เป็นสมญานามของ Ettore Bugatti นักประดิษฐ์รถสปอร์ตที่มีแนวความคิดแปลกแหวกแนวที่ให้ความสำคัญต่อทุกชิ้นส่วนของรถยนต์โดยเฉพาะความโดดเด่นในเรื่องของ “น้ำหนักคือศัตรู” อันเป็นที่มาของเทคโนโลยี่ด้านวัสดุศาสตร์

บูกัตติแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในเรื่องนวัตกรรมยานยนต์และการออกแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คลาสสิคหาที่เปรียบไม่ได้ในโลกยานยนต์ แต่เจอปัญหาอย่างมากมายตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศเยอรมนีประสบกับความพ่ายแพ้สงครามเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในเยอมนี

โรงงานผลิตสปอร์ตซูเปอร์คาร์ของบูกัตติได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และท้ายที่สุดต้องขายกิจการไปให้กับค่าย Hispano-Suiza แห่งสเปนในปีค.ศ. 1963 ต่อมาได้ขายกิจการไปให้กับบริษัทผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินของฝรั่งเศสที่ชื่อว่า Snecma

วิกฤติของบูกัตติไม่ได้จบบริบูรณ์ลงที่ Snecma ในปีค.ศ. 1968 ค่าย Hispano-Suiza กับ Snecma ได้ร่วมกันตั้งบริษัทนามใหม่ว่า Messier-Bugatti ก่อนที่จะเข้าไปอยู่ภายใต้การควบคุมของ Romano Artioli ที่มีชื่อเสียงเรียงนามสไตล์อิตาเลี่ยนเต็มรูปแบบซึ่งเป็นนักลงทุนแห่งแผ่นดินรองเท้าบูทแถบเมดิเตอร์เรเนี่ยนและได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Bugatti AutomobiliSpA

ค่ายผลิตรถยนต์ที่มีกำเนิดจากชาวอิตาเลี่ยนรายนี้ท้ายที่สุดได้กลับคืนสู่แผ่นดินแม่ในนามของ Bugatti AutomobiliSpA เช่นเดียวกับค่ายไครสเลอร์ที่ก่อตั้งโดยผู้สืบเชื้อสายจากอิตาลีได้ขายกิจการไปให้กับกลุ่มเฟี๊ยตยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ของอิตาลี แต่ปัจจุบัน “บูกัตติ” ได้เข้าไปอยู่ในเครือข่ายของกลุ่มโฟล์คสวาเก้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 1998

เรื่องราวของค่ายผลิตสปอร์ตซูเปอร์คาร์ที่มีกำเนิดจากอิตาลีแต่เข้าใจกันว่าเป็นค่ายผลิตรถสปอร์ตแห่งฝรั่งเศสยังมีเรื่องน่าติดตามอีกมากมายโดยเฉพาะในเรื่องของตำนานการผลิตรถแข่งที่ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ได้หลายรายการในยุคแรกของกีฬาแข่งรถที่บูกัตติโดดเด่นสูงสุด

นอกจากนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกสไตล์คลาสสิคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาถึงทุกวันนี้ด้วยรูปทรงกลมมนตลอดทั้งคันออกแนวสไตล์หรูคลาสสิคเสียมากกว่าความเป็นสปอร์ตโฉบเฉี่ยวจนได้รับการยอมรับว่าเป็นการออกแบบเชิงศิลป์และศาสตร์อันล้ำลึกหาที่เปรียบเสมอเหมือนมิได้ในสามโลกเลยทีเดียวเชียว

 

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!